เป็นไมเกรนเพราะแดดแบบนี้ ทำยังไงให้หาย ต้องมาอ่าน!
เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนสนิทของเราเอง เราทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง เรากับเพื่อนทำงานที่เดียวกัน ตอนเราเข้ามาทำงานที่นี่ก่อน เราไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว จนเพื่อนเราคนนี้ก็มาสมัครบริษัทที่เราอยู่ เรากับเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว พอมีมันเราก็ไม่เหงาเหมือนแต่ก่อน กลายเป็นตอนนี้ก็มีเรากับเพื่อนอายุรุ่นเดียวกัน ที่เหลือก็มีแต่คนแก่ๆ ที่ทำงาน เพื่อนเราคนนี้ก็เป็นคนเสียงดัง สนุกสนาน แล้วก็ร่าเริงดี อยู่ด้วยแล้วไม่เครียด เคยมีประสบการณ์เรื่องผู้หญิงๆ ร่วมกันอยู่หลายครั้ง เรียกว่าซี้ปึกเลยก็ว่าได้ค่ะ
แต่อยู่ดีๆ วันนึงเพื่อนเราก็หยุดงานไป ประมาณเกือบอาทิตย์ได้ เราก็เลยสงสัยเลยถามเพื่อนที่ทำงานว่ามันหายไปไหน ก็ได้คำตอบว่า เหมือนจะปวดหัว น่าจะเป็นไมเกรนเลยต้องหยุดงานเพื่อไปหาหมอ เราก็สังเกตพักหลังๆ ดูไม่เฮฮาเหมือนแรกๆ ดูซึมๆ เราก็ติดต่อไม่ได้ โทรก็ไม่รับ ไลน์ไม่อ่าน แล้วตอนนี้เราก็มีโปรเจ็คงานที่ต้องทำกับเพื่อนซะด้วย(ทำตำแหน่งเดียวกัน) แล้วดันมาป่วยอีก แบบนี้งานเสร็จไม่ทันแน่ แล้วมีอยู่วันนึง คนที่ออฟฟิศมาขอยืมคอมใช้ส่งงานลูกค้า เราก็เลยไปนั่งที่ว่างๆซึ่งเป็นโต๊ะที่เพื่อนเรานั่งเพราะมันว่างอยู่(เพื่อนเราลายาวเลย) ความรู้สึกแรก โอโห ไอแดดนี่ออกมาจากกระจกหน่อยๆเลย นี่เลยค่ะสภาพ
เราไม่เคยรู้เลยว่าที่ตรงนั้นแดดจะส่องแรงขนาดนั้น ในขณะที่โต๊ะเรายังไม่ว่าง เลยถือโอกาสไปทดสอบลองนั่งเองซะเลย
เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ร้อนมากขนาดนั้น แต่ว่าถ้าต้องนานทำงานทั้งวันติดกัน 8 ชม.เราคิดว่าก็คงแย่เหมือนกัน แล้วต้องทำงานติดกันแบบนี้หลายๆวันงานเราไม่เดินแน่นอน ต้องหาวิธีแก้ เลยไปหาข้อมูลมา มันก็มีหลายวิธี แต่วิธีที่เหมาะกับตึกสำนักงาน ตอนแรกลองขอเจ้านายติดผ้าม่านเลย เราลองนัดช่างมาวัดกระจกกับถามราคาติดฟิล์มคร่าวๆมา แต่เจ้านายบอกว่าแพงไป(ขี้งก!!) เค้าบอกว่าติดฟิล์มช่วยได้ ปลูกต้นไม้ก็คงใช่เรื่องมันคงไม่สู้งบังกระจก แถมไม่มีที่อีก ก็เลยไปบอกเจ้านายอธิบายเรื่องทั้งหมด เจ้านายบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้เรื่องหาฟิล์ม แต่มาติดเองนะ เพราะว่าเห็นเค้าบอกว่าติดเองก็ได้ (ในใจจะงกอะไรขนาดนั้นคะ!!) เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆ ต้องโชว์ความเป็นสาวแกร่งซะหน่อย ติดเองก็ได้ หลังจากนั้น 2-3 วันเจ้านายก็หามาให้จริงๆ ตามนี้เลยค่ะ
เจ้านายบอกว่าเนี่ยแกเพิ่งไปเจอมาที่งาน Homepro Expro พาเมียไปเดินมาเลยซื้อมาเลย เห็นว่ามีโปรโมชั่นซื้อ 2 แถม 1 มันถูกกว่า คุ้มกว่าติดม่านแล้วก็จ้างช่างมาติด เราก็ถามว่าแล้วเราจะติดยังไง เจ้านายบอกว่า มีวิธีติดข้างๆกล่องเลย พูดง่ายนะนาย ถถถถ ก็เลยลองทำตามดู
นี่เลยขั้นตอนการติด แค่ 7 ขั้นตอนเอง เราจะลองทำดูไปทีละขั้นตอนนะ เป็นไงไปดูกัน (ป.ล. รบกวนป้าแม่บ้านถ่ายรูปให้)
ขั้นแรกก็เริ่มจากเอาฟ็อกกี้ฉีดน้ำเปล่าลงบนกระจกและก็เช็ดทำความสะอาด
ขั้นต่อไปเอาฟิล์มออกมากางออก วัดขนาดหน้าต่างและก็เอาคัตเตอร์ตัดตามขนาดที่วัดไว้
ต่อไปก็นำฟิล์มมาติดหน้าต่างที่เราวัดไว้
ปล.ถ้าอยากให้ติดง่ายขึ้นให้เอาฟ้อกกี้มาฉีดน้ำใส่พอหมาดๆ
ปล.2 ฟิล์มอันนี้มันสามารถลอกออกมาติดใหม่ได้ด้วยนะ เหมาะกับเรามากเลย 55555+
ขั้นตอนสุดท้ายนำที่รีดอากาศ(มีแถมมาให้ในกล่อง)นำมารีดอากาศออกให้หมด ก็เป็นอันเสร็จแล้วค่ะ นี่เป็นสภาพหลังจากติดเสร็จ *แนบรูปก่อนติด และ หลังติด
ด้านซ้ายคือสภาพตอนที่ติดฟิล์มกับด้านขวาคือที่ยังไม่ติดค่ะ
โอเคเลยนะ หลังจากที่เรานั่งทำงานอยู่โต๊ะนี้มาวันนึงก็รับรู้ว่า ไอร้อนมันน้อยลงพอที่จะรู้สึกไม่ลำบากต่อการทำงานแล้ว ที่เหลือก็รอเพื่อนเรากลับมา ถือเป็นเซอร์ไพร์เล็กน้อย เพื่อนต้องช่วยกัน
หลังจากที่เพื่อนเรากลับมาทำงานปกติ เราก็ถามเค้าว่าหายแล้วใช่มั้ย มันก็บอกว่าเค้าหายดีแล้วได้พักอยู่บ้านกินยาก็ดีขึ้นเยอะ เราก็ลองถามว่าทำไมถึงไมเกรนขึ้นได้ ทั้งที่สนิทกันมากไม่เคยรู้เลยว่าเป็นไมเกรนด้วย มันก็บอกว่าเป็นเพราะแดดส่องหน้าเค้าตลอดนะแหละและก็อากาศข้างในหนาว ร่างกายเลยปรับสภาพไม่ทัน นั่นไงอย่างที่เราคิดไว้จริงๆ แต่มันไม่กล้าบอกเจ้านาย กลัวเค้าจะหาว่าเรื่องมาก เอาจริงๆนะคะ เราคิดว่าเจ้านายเค้าก็ไม่ได้ดุหรือว่าน่ากลัวอะไรขนาดนั้น ขนาดเราไปขอให้เค้าช่วยเรื่องนี้เค้ายังไม่ได้ว่าอะไรเราเลย (ถึงแม้จะให้เรามาติดเองก็เถอะ) ก็เลยบอกมันว่านี่ติดฟิล์มให้แล้วนะ ลองนั่งทำงานดูแล้วมาบอกด้วยว่าเป็นยังไง พอมันรู้ว่าเราเป็นคนติดเองมันก็ชมใหญ่ และก็ขอบคุณเรา แถมแซวเราว่า เก่งแบบนี้ไม่ต้องมีผัวก็ได้ 55+ (อีเพื่อนร้าย นี่ยังอยากมีผัวอยู่นะเฟ้ย) มันก็บอกด้วยนะว่าแดดมันส่องโดนเค้าน้อยลง แล้วก็รู้สึกสบายตัว สบายตา สบายหัวมากขึ้น แล้วหลังจากนั้นเพื่อนเราก็มาร่าเริงและเสียงดัง แบบบ้าๆบอๆ ตามปกติค่ะ 55555+
ปล. มันซึ้งขนาดที่พาเราไปเลี้ยงบุฟเฟ่ต์แซลม่อนรู้จักกันมาเกือบ 10 ปีไม่เคยเห็นมันมุมนี้เลยวุ้ย
ปล.2. กระทู้เขียนเพื่อเสนอแนวทางแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆ ฉบับสาวออฟฟิศที่ใครๆก็ทำได้นะคะ เอาไปทำตามกันได้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆ คนที่เข้ามาอ่าน
ลดแดด ลดไมเกรน
เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนสนิทของเราเอง เราทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง เรากับเพื่อนทำงานที่เดียวกัน ตอนเราเข้ามาทำงานที่นี่ก่อน เราไม่มีเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว จนเพื่อนเราคนนี้ก็มาสมัครบริษัทที่เราอยู่ เรากับเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว พอมีมันเราก็ไม่เหงาเหมือนแต่ก่อน กลายเป็นตอนนี้ก็มีเรากับเพื่อนอายุรุ่นเดียวกัน ที่เหลือก็มีแต่คนแก่ๆ ที่ทำงาน เพื่อนเราคนนี้ก็เป็นคนเสียงดัง สนุกสนาน แล้วก็ร่าเริงดี อยู่ด้วยแล้วไม่เครียด เคยมีประสบการณ์เรื่องผู้หญิงๆ ร่วมกันอยู่หลายครั้ง เรียกว่าซี้ปึกเลยก็ว่าได้ค่ะ
แต่อยู่ดีๆ วันนึงเพื่อนเราก็หยุดงานไป ประมาณเกือบอาทิตย์ได้ เราก็เลยสงสัยเลยถามเพื่อนที่ทำงานว่ามันหายไปไหน ก็ได้คำตอบว่า เหมือนจะปวดหัว น่าจะเป็นไมเกรนเลยต้องหยุดงานเพื่อไปหาหมอ เราก็สังเกตพักหลังๆ ดูไม่เฮฮาเหมือนแรกๆ ดูซึมๆ เราก็ติดต่อไม่ได้ โทรก็ไม่รับ ไลน์ไม่อ่าน แล้วตอนนี้เราก็มีโปรเจ็คงานที่ต้องทำกับเพื่อนซะด้วย(ทำตำแหน่งเดียวกัน) แล้วดันมาป่วยอีก แบบนี้งานเสร็จไม่ทันแน่ แล้วมีอยู่วันนึง คนที่ออฟฟิศมาขอยืมคอมใช้ส่งงานลูกค้า เราก็เลยไปนั่งที่ว่างๆซึ่งเป็นโต๊ะที่เพื่อนเรานั่งเพราะมันว่างอยู่(เพื่อนเราลายาวเลย) ความรู้สึกแรก โอโห ไอแดดนี่ออกมาจากกระจกหน่อยๆเลย นี่เลยค่ะสภาพ
เราไม่เคยรู้เลยว่าที่ตรงนั้นแดดจะส่องแรงขนาดนั้น ในขณะที่โต๊ะเรายังไม่ว่าง เลยถือโอกาสไปทดสอบลองนั่งเองซะเลย
เอาจริงๆมันก็ไม่ได้ร้อนมากขนาดนั้น แต่ว่าถ้าต้องนานทำงานทั้งวันติดกัน 8 ชม.เราคิดว่าก็คงแย่เหมือนกัน แล้วต้องทำงานติดกันแบบนี้หลายๆวันงานเราไม่เดินแน่นอน ต้องหาวิธีแก้ เลยไปหาข้อมูลมา มันก็มีหลายวิธี แต่วิธีที่เหมาะกับตึกสำนักงาน ตอนแรกลองขอเจ้านายติดผ้าม่านเลย เราลองนัดช่างมาวัดกระจกกับถามราคาติดฟิล์มคร่าวๆมา แต่เจ้านายบอกว่าแพงไป(ขี้งก!!) เค้าบอกว่าติดฟิล์มช่วยได้ ปลูกต้นไม้ก็คงใช่เรื่องมันคงไม่สู้งบังกระจก แถมไม่มีที่อีก ก็เลยไปบอกเจ้านายอธิบายเรื่องทั้งหมด เจ้านายบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้เรื่องหาฟิล์ม แต่มาติดเองนะ เพราะว่าเห็นเค้าบอกว่าติดเองก็ได้ (ในใจจะงกอะไรขนาดนั้นคะ!!) เอาวะ ไหนๆก็ไหนๆ ต้องโชว์ความเป็นสาวแกร่งซะหน่อย ติดเองก็ได้ หลังจากนั้น 2-3 วันเจ้านายก็หามาให้จริงๆ ตามนี้เลยค่ะ
เจ้านายบอกว่าเนี่ยแกเพิ่งไปเจอมาที่งาน Homepro Expro พาเมียไปเดินมาเลยซื้อมาเลย เห็นว่ามีโปรโมชั่นซื้อ 2 แถม 1 มันถูกกว่า คุ้มกว่าติดม่านแล้วก็จ้างช่างมาติด เราก็ถามว่าแล้วเราจะติดยังไง เจ้านายบอกว่า มีวิธีติดข้างๆกล่องเลย พูดง่ายนะนาย ถถถถ ก็เลยลองทำตามดู
นี่เลยขั้นตอนการติด แค่ 7 ขั้นตอนเอง เราจะลองทำดูไปทีละขั้นตอนนะ เป็นไงไปดูกัน (ป.ล. รบกวนป้าแม่บ้านถ่ายรูปให้)
ขั้นแรกก็เริ่มจากเอาฟ็อกกี้ฉีดน้ำเปล่าลงบนกระจกและก็เช็ดทำความสะอาด
ขั้นต่อไปเอาฟิล์มออกมากางออก วัดขนาดหน้าต่างและก็เอาคัตเตอร์ตัดตามขนาดที่วัดไว้
ต่อไปก็นำฟิล์มมาติดหน้าต่างที่เราวัดไว้
ปล.ถ้าอยากให้ติดง่ายขึ้นให้เอาฟ้อกกี้มาฉีดน้ำใส่พอหมาดๆ
ปล.2 ฟิล์มอันนี้มันสามารถลอกออกมาติดใหม่ได้ด้วยนะ เหมาะกับเรามากเลย 55555+
ขั้นตอนสุดท้ายนำที่รีดอากาศ(มีแถมมาให้ในกล่อง)นำมารีดอากาศออกให้หมด ก็เป็นอันเสร็จแล้วค่ะ นี่เป็นสภาพหลังจากติดเสร็จ *แนบรูปก่อนติด และ หลังติด
ด้านซ้ายคือสภาพตอนที่ติดฟิล์มกับด้านขวาคือที่ยังไม่ติดค่ะ
โอเคเลยนะ หลังจากที่เรานั่งทำงานอยู่โต๊ะนี้มาวันนึงก็รับรู้ว่า ไอร้อนมันน้อยลงพอที่จะรู้สึกไม่ลำบากต่อการทำงานแล้ว ที่เหลือก็รอเพื่อนเรากลับมา ถือเป็นเซอร์ไพร์เล็กน้อย เพื่อนต้องช่วยกัน
หลังจากที่เพื่อนเรากลับมาทำงานปกติ เราก็ถามเค้าว่าหายแล้วใช่มั้ย มันก็บอกว่าเค้าหายดีแล้วได้พักอยู่บ้านกินยาก็ดีขึ้นเยอะ เราก็ลองถามว่าทำไมถึงไมเกรนขึ้นได้ ทั้งที่สนิทกันมากไม่เคยรู้เลยว่าเป็นไมเกรนด้วย มันก็บอกว่าเป็นเพราะแดดส่องหน้าเค้าตลอดนะแหละและก็อากาศข้างในหนาว ร่างกายเลยปรับสภาพไม่ทัน นั่นไงอย่างที่เราคิดไว้จริงๆ แต่มันไม่กล้าบอกเจ้านาย กลัวเค้าจะหาว่าเรื่องมาก เอาจริงๆนะคะ เราคิดว่าเจ้านายเค้าก็ไม่ได้ดุหรือว่าน่ากลัวอะไรขนาดนั้น ขนาดเราไปขอให้เค้าช่วยเรื่องนี้เค้ายังไม่ได้ว่าอะไรเราเลย (ถึงแม้จะให้เรามาติดเองก็เถอะ) ก็เลยบอกมันว่านี่ติดฟิล์มให้แล้วนะ ลองนั่งทำงานดูแล้วมาบอกด้วยว่าเป็นยังไง พอมันรู้ว่าเราเป็นคนติดเองมันก็ชมใหญ่ และก็ขอบคุณเรา แถมแซวเราว่า เก่งแบบนี้ไม่ต้องมีผัวก็ได้ 55+ (อีเพื่อนร้าย นี่ยังอยากมีผัวอยู่นะเฟ้ย) มันก็บอกด้วยนะว่าแดดมันส่องโดนเค้าน้อยลง แล้วก็รู้สึกสบายตัว สบายตา สบายหัวมากขึ้น แล้วหลังจากนั้นเพื่อนเราก็มาร่าเริงและเสียงดัง แบบบ้าๆบอๆ ตามปกติค่ะ 55555+
ปล. มันซึ้งขนาดที่พาเราไปเลี้ยงบุฟเฟ่ต์แซลม่อนรู้จักกันมาเกือบ 10 ปีไม่เคยเห็นมันมุมนี้เลยวุ้ย
ปล.2. กระทู้เขียนเพื่อเสนอแนวทางแก้ปัญหาเล็กๆน้อยๆ ฉบับสาวออฟฟิศที่ใครๆก็ทำได้นะคะ เอาไปทำตามกันได้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆ คนที่เข้ามาอ่าน