ສະບາຍດີ ວັງວຽງ

สวัสดีครับ นักท่องเที่ยวทุกคน ที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่า หน้าฝน จะไปเที่ยวไหนดี อยากจะขอแนะนำว่า "ลาว" ก็เป็นอีกที่ที่น่าสนใจครับ

วังเวียง ทริปนี้จะไปทั้งหมด 4 วัน 3 คืน

รีวิวครั้งนี้ถ้ามีข้อมูลผิดพลาดอันใดขออภัยไว้ณที่นี้

การไปเที่ยวครั้งนี้มีเพื่อนร่วมทริปทั้งหมด 4 คน รวมตัวผม ทริปนี้เป็นทริปที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากคุยกัน 3 วันก็ไปเลย...

การเดินทาง ผมใช้บริการรถขนส่ง บขส อุดรธานี ไปลง บขส วังเวียง

ระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 7 ชั่วโมง และค่าตั๋วราคาคนละ 320 บาท

8:00น. ผมมาถึงที่ขนส่งอุดรธานี ก็มารอรถที่ชานชาลาที่ 14 พอรถมาถึงเราก็ขึ้นรถตามเลขที่นั่งในตั๋วเลย

8:30น. ก็ออกเดินทางสู่ด่านพรมแดนหนองคาย พอถึงด่านหนองคายก็ลงจากรถไปทำการขอผ่านแดนและพอถึงผ่าน ตม ลาว ก็ไปทำการกรอกใบขอเข้าประเทศและจ่ายค่าเหยียบแผ่นดินลาว

และทำการประทับตราพาสปอร์ต (ตรงนี้จะมีธนาคารแลกเปลี่ยนเงินและมีจุดจำหน่ายซิมมือถือ แต่ทางรถจะไม่แนะนำให้แลกเงินและซื้อซิม เนื่องจากจะเสียเวลามาก แต่ถ้ามากันหลายคนก็สามารถแบ่งกันไปแลกเงินกับซื้อซิม ตรงนี้ได้เลยครับ แต่ถ้าช้า พนักงานรถก็จะมาตามเรา เพราะเค้าจะมีจุดแวะทานข้าว ซึ่งที่นั้นก็มีบริการขายซิมและแลกเงินได้เหมือนกันครับ)

**ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดลึกนะครับ**

หลังจากเสร็จก็นั่งรถต่อไปยาวๆ จนถึงจุดพักรถ ช่วงบ่ายโมงตรง (แนะนำให้พกขนมน้ำติดตัวไปก่อนจากฝั่งไทยเพราะจะเหมือนผมที่ไม่ได้เตรียมอะไรไปหิวจนปวดท้องเลยทีเดียว )

พอครบเวลา 30 นาที ก็ออกเดินทางต่อเพื่อไปสู่จุดหมายของเราคือ "วังเวียง"

ในที่สุดก็มาถึงแล้ว "วังเวียง" ของผม เมื่อมาถึง บขส วังเวียง ตรงนี้ก็สามารถจองตั๋วรถ บขส ได้ตรงนี้เลย

และจาก บขส ก็จะมีรถไปส่งฟรีในตัวเมือง ประมาณ 2 กม.

หลังจากนั้นก็ต้องเดินหาที่พักต่อเนื่องจากผมไม่ได้จองไว้ และก็ได้ที่พักฮิตๆของชาวพันทิป คือ จำปาลาว เกสเฮ้าส์ ที่นี่มีห้องให้เลือกหลายแบบและหลายราคา ส่วนที่ผมเลือกก็จะเป็น วิวที่ดีที่สุด(พนักงานบอกมา) คือห้องพัก 2 คน แต่ห้องนำรวม ราคา 300/คืน หารกันสองคนก็ตกคนละ 150 บาท เองนะครับ อะไรมันจะถูกขนาดนี้

ห้องน้ำของเรา มี 2 ห้องนะครับ มีน้ำอุ่นให้ด้วยนะ สำหรับใครที่ไม่ชอบอาบน้ำเย็น หายห่วงได้เลย

และนี่ก็คือวิวหน้าห้องโถงของบ้าน ห้องหลักร้อย วิวหลักล้าน

หลังจากเก็บของเสร็จและพักผ่อนกันนิดหน่อยเพราะวันนี้เราเดินทางมาทั้งวัน ตั้ง 7 ชม. ตกเย็นก็ไปเดินชมเมืองและก็ไปหาข้าวกินเดินไปตามเสียงเพลงที่ชิลๆที่เปิดเสียงดัง(ได้ยินตั้งแต่อยู่ที่ห้องพัก) เดินเข้าไปก็ไปเจอกับร้าน Smile Beach Bar

ร้านนี้วิวริมแม่น้ำมองเห็นภูเขาคือดีมาก มีศาลาที่นั่งทำจากไม้และมีเปลไว้บริการสำหรับใครที่ต้องการมานอนจิบเบียร์ชิลๆ ขอแนะนำร้านนี้เลย

จากนั้นพอมองนาฬิกาก็ 21:15 น. แล้ว ก็เลยไปต่อกันที่ Sakura Bar แหล่งยอดฮิตของนักดื่ม พอเข้ามาในร้านจะพบกับนักท่องเที่ยวมากมายโดยเฉพาะหนุ่มๆสาวๆเกาหลี (นึกว่าอยู่ผับเกาหลีสะอีก) พอยิ่งดึกเพลงก็เริ่มมันส์ กลางร้านจะมีเวทีไว้สำหรับสายแดนซ์ โชว์ลีลา ซึ่งผมก็ไม่พลาดที่จะขึ้นไป ฮ่าๆๆ มาทั้งทีจัดสักหน่อย และพอเที่ยงคืนผับแห่งนี้ก็จะปิดก็หาอะไรกิน ผมก็ไปกินติ่มซำสักอีก 1 ยก เนื่องจากเผาพลาญ ไปเยอะ พอกินเสร็จก็เดินกลับห้องพัก เพื่อเตรียมตัวไปเที่ยวต่อวันพรุ่งนี้