คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ทั้งประเทศไม่ได้มีบริษัทนี้เพียงที่เดียว อย่าไปคิดมากครับ พยายามใช้มันเป็นแรงผลักดันในการหางานและตั้งใจทำงานให้ดีที่สุดเมื่อได้งาน
คำพูดของเขาที่บอกเรื่องอายุ - มันก็เป็นแค่มุมมองของบริษัทเขาครับ อย่าไปสนใจ อายุ 29 ถือว่าเป็นช่วงพีคของการทำงาน มีประสบการณ์ในระดับดี และร่างกายยังพอรับงานหนักได้ดี
รุ่นพี่ที่ทำงานผมอายุเกือบ 40 เพิ่งเปลี่ยนงานใหม่ได้เมื่อเดือนที่แล้ว และสามารถทำงานอย่างมีความสุขมากด้วย
อย่าเอามุมมองของคนเพียงกลุ่มเดียวมาตีความว่าเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ในประเทศครับ
ขอให้คุณมีสมาธิในการพัฒนาความสามารถของตัวเอง มีทัศนคติในแง่บวก ไม่ดูถูกตัวเอง แล้วสักวันหนึ่งคุณก็จะได้งานครับ
ผมเคยเป็นแบบคุณ ผมไปสัมภาษณ์งานบริษัทนึงที่มีชื่อเสียงพอสมควรและอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนักและเป็นตำแหน่งงานที่ผมทำมา
ตอนสัมภาษณ์งานคนสัมภาษณ์บอกว่า ผมทำทั้งสอบข้อเขียนและทำ Microsoft Excel ได้คะแนนสูงมาก ตอนสัมภาษณ์งานก็รู้ว่าผมรู้แนวทางการทำงานสายนี้จริงๆ แสดงว่ามีความสามาถเพียงพอสำหรับทำงานกับพวกเขาได้แน่นอน
เงินเดือนที่ผมต้องการก็อยู่ในเรทปกติของทุกคนในบริษัทนี้ บริษัทให้ได้สบาย
แต่!!! กลัวว่าผมจะโดนคนในแผนกเขม่น เนื่องจาก ผมเป็นคนไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และเป็นลูกคนเดียว อาศัยอยู่กับแม่ 2 คนหลังพ่อเสีย รวมถึงตอนสัมภาษณ์ยังพบว่าเป้าหมายชีวิตของผมอยู่ที่การดูแลแม่และการใช้ชีวิตครอบครัวในอนาคตกับแฟนคนปัจจุบัน แสดงว่าผมต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวและต้องใช้เงินอย่างระมัดระวัง แต่พนักงานบริษัทนี้ ชอบใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านราคาแพงๆ มีการดื่มสังสรรค์หลังเลิกงานเป็นประจำ เป็นสิ่งที่เขามองว่าเป็นข้อเสียของผม หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ผมไลน์ไปสอบถามฝ่ายบุคคล เขาตอบว่าผมไม่ได้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่อง Teamwork ยอมรับว่าถึงกับเสียน้ำตาครับ ตอนนั้นน้อยใจในโชคชะตามาก ถึงขั้นโมโหพ่อที่สูบบหรี่จัดจนทำให้เป็นมะเร็งปอดเสียชีวิต แต่พวกเพื่อนผมบอกว่า เรื่องแบบนี้ปัญหาอยู่ที่คนในบริษัทนั้นมากกว่า ที่ไม่รู้จักเคารพเรื่องแนวทางการใช้ชีวิตของคนอื่น เขาต้องการทีมเวิร์คกับเรื่องแบบนี้ ก็ให้เขาไปทีมเวิร์คด้วยกันเอง ไม่มีเงินเก็บไปด้วยกัน มีหนี้สินไปด้วยกัน ในขณะที่ผมมีเงินเก็บ ใช้จ่ายกับสิ่งที่ต้องการอย่างสบายใจ
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้งานใหม่เป็นบริษัทต่างชาติ ใกล้บ้านมากกว่าและเงินเดือนสูงกว่าที่นั่น โดยที่การสัมภาษณ์งานที่นั่น ส่งผลให้ผมตั้งใจทำงานที่นี่มาก เพราะพยายามนึกถึงเสมอว่าการโดนปฏิเสธเข้าทำงานเป็นอะไรที่เจ็บปวด โดยที่เราต้องตั้งใจทำงาน เพื่อตอบแทนคนที่ให้โออกาสเราให้ดีที่สุดครับ นอกจากนี้ ผมยังให้บ้านผมเป็นที่พักพิงกับแมวจรจัดด้วย หากมีแมวจรจัดหลงมา โดยเฉพาะพวกลูกแมวหรือแมวท้องแก่ ผมจะเอาเข้ามาในบ้าน ให้อาหาร-น้ำ พาไปฉีดวัคซีน ทำหมัน โดยผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยที่เอาเรื่องการสัมภาษณ์งานที่นั่นมาเป็นแรงผลักดันให้ผมให้โอกาสสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ได้มีชีวิตอย่างมีความสุข ไม่เหมือนบริษัทนั้นที่ไม่ให้ผมได้ทำงานโดยอ้างว่าผมห่วงครอบครัวมากเกินไป
ตัวผมยังลุกขึ้นได้และสู้ได้ขนาดนี้ ขอให้คุณทำได้เช่นกันนะครับ
เป็นกำลังใจให้นะครับ
คำพูดของเขาที่บอกเรื่องอายุ - มันก็เป็นแค่มุมมองของบริษัทเขาครับ อย่าไปสนใจ อายุ 29 ถือว่าเป็นช่วงพีคของการทำงาน มีประสบการณ์ในระดับดี และร่างกายยังพอรับงานหนักได้ดี
รุ่นพี่ที่ทำงานผมอายุเกือบ 40 เพิ่งเปลี่ยนงานใหม่ได้เมื่อเดือนที่แล้ว และสามารถทำงานอย่างมีความสุขมากด้วย
อย่าเอามุมมองของคนเพียงกลุ่มเดียวมาตีความว่าเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ในประเทศครับ
ขอให้คุณมีสมาธิในการพัฒนาความสามารถของตัวเอง มีทัศนคติในแง่บวก ไม่ดูถูกตัวเอง แล้วสักวันหนึ่งคุณก็จะได้งานครับ
ผมเคยเป็นแบบคุณ ผมไปสัมภาษณ์งานบริษัทนึงที่มีชื่อเสียงพอสมควรและอยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนักและเป็นตำแหน่งงานที่ผมทำมา
ตอนสัมภาษณ์งานคนสัมภาษณ์บอกว่า ผมทำทั้งสอบข้อเขียนและทำ Microsoft Excel ได้คะแนนสูงมาก ตอนสัมภาษณ์งานก็รู้ว่าผมรู้แนวทางการทำงานสายนี้จริงๆ แสดงว่ามีความสามาถเพียงพอสำหรับทำงานกับพวกเขาได้แน่นอน
เงินเดือนที่ผมต้องการก็อยู่ในเรทปกติของทุกคนในบริษัทนี้ บริษัทให้ได้สบาย
แต่!!! กลัวว่าผมจะโดนคนในแผนกเขม่น เนื่องจาก ผมเป็นคนไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ และเป็นลูกคนเดียว อาศัยอยู่กับแม่ 2 คนหลังพ่อเสีย รวมถึงตอนสัมภาษณ์ยังพบว่าเป้าหมายชีวิตของผมอยู่ที่การดูแลแม่และการใช้ชีวิตครอบครัวในอนาคตกับแฟนคนปัจจุบัน แสดงว่าผมต้องเป็นเสาหลักของครอบครัวและต้องใช้เงินอย่างระมัดระวัง แต่พนักงานบริษัทนี้ ชอบใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย รับประทานอาหารกลางวันที่ร้านราคาแพงๆ มีการดื่มสังสรรค์หลังเลิกงานเป็นประจำ เป็นสิ่งที่เขามองว่าเป็นข้อเสียของผม หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ ผมไลน์ไปสอบถามฝ่ายบุคคล เขาตอบว่าผมไม่ได้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่อง Teamwork ยอมรับว่าถึงกับเสียน้ำตาครับ ตอนนั้นน้อยใจในโชคชะตามาก ถึงขั้นโมโหพ่อที่สูบบหรี่จัดจนทำให้เป็นมะเร็งปอดเสียชีวิต แต่พวกเพื่อนผมบอกว่า เรื่องแบบนี้ปัญหาอยู่ที่คนในบริษัทนั้นมากกว่า ที่ไม่รู้จักเคารพเรื่องแนวทางการใช้ชีวิตของคนอื่น เขาต้องการทีมเวิร์คกับเรื่องแบบนี้ ก็ให้เขาไปทีมเวิร์คด้วยกันเอง ไม่มีเงินเก็บไปด้วยกัน มีหนี้สินไปด้วยกัน ในขณะที่ผมมีเงินเก็บ ใช้จ่ายกับสิ่งที่ต้องการอย่างสบายใจ
หลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ได้งานใหม่เป็นบริษัทต่างชาติ ใกล้บ้านมากกว่าและเงินเดือนสูงกว่าที่นั่น โดยที่การสัมภาษณ์งานที่นั่น ส่งผลให้ผมตั้งใจทำงานที่นี่มาก เพราะพยายามนึกถึงเสมอว่าการโดนปฏิเสธเข้าทำงานเป็นอะไรที่เจ็บปวด โดยที่เราต้องตั้งใจทำงาน เพื่อตอบแทนคนที่ให้โออกาสเราให้ดีที่สุดครับ นอกจากนี้ ผมยังให้บ้านผมเป็นที่พักพิงกับแมวจรจัดด้วย หากมีแมวจรจัดหลงมา โดยเฉพาะพวกลูกแมวหรือแมวท้องแก่ ผมจะเอาเข้ามาในบ้าน ให้อาหาร-น้ำ พาไปฉีดวัคซีน ทำหมัน โดยผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยที่เอาเรื่องการสัมภาษณ์งานที่นั่นมาเป็นแรงผลักดันให้ผมให้โอกาสสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ได้มีชีวิตอย่างมีความสุข ไม่เหมือนบริษัทนั้นที่ไม่ให้ผมได้ทำงานโดยอ้างว่าผมห่วงครอบครัวมากเกินไป
ตัวผมยังลุกขึ้นได้และสู้ได้ขนาดนี้ ขอให้คุณทำได้เช่นกันนะครับ
เป็นกำลังใจให้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
ไปสัมภาษณ์งานมาค่ะ มีโอกาสจะได้ แต่ดันไม่ได้
เราไปสัมภาษณ์งานมากับ บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งที่เอ่ยชื่อขึ้นมาใครๆก็รู้จัก
เกริ่นก่อนว่า ปีนี้เราอายุ 29 ค่ะ ประสบการณ์การทำงาน มา 3 บริษัท ก็เกือบ 5-6 ปี
มีโอกาสได้ไปสอบที่บริษัทแห่งนี้ครั้งแรก ตำแหน่งอะไรนั้นไม่ขอพูดถึงนะคะ วันสอบคนเกือบสองร้อย เค้ารับแค่ 3 คน
ผลสอบ เราได้ที่ 1 ตอบถูกทุกข้อ (ก็มีเดาบ้างบางข้อ) 55555 ฟลุกมาก ผ่านสัมภาษณ์อยู่ 8 คนค่ะ เราอายุเยอะสุด
สองวันต่อมา เค้าก็เรียกไปสัมภาษณ์ วันสัมภาษณ์ เราเตรียมไปดีทุกอย่าง แต่งตัวดี มีแฟ้มโปรไฟล์ ฟอทต่างๆ
คนอื่นไม่เห็นทำ คนมาสัมภาษณ์ด้วยกันเค้าบอกเราต้องได้แน่ๆเลย เราก็ดีใจหน่อยๆ ^^
พอสัมภาษณ์เค้าก็ถามนู้นๆนั่นนี่ ถามเรานานที่สุด เกือบชั่วโมง เราก็ตอบได้หมด
พอมาถึงเรื่องเงินเดือน เค้าบอกให้ได้สูงสุด 9500 เราเรียกไป 14000 เพราะที่ทำงานเก่าเราก็ได้ 13000 แล้ว
เค้าบอกอยากได้เรามาก อยากให้เรามาทำงานด้วย แต่กลัวเรารับไม่ได้ อยู่ไม่ได้ เพราะเคยรับคนอายุเท่าเรามาทำงาน
แล้วอยู่ดีๆทำงานได้ อาทิตย์เดียวก็ลาออก เค้าบอกเราอายุเยอะแล้วนะ ไปที่อื่นเค้าคงไม่อยากรับ
คนสัมภาษณ์เค้าดูท่าทีสนใจค่ะ ออกจากห้องสอบเรายังคิดเลยว่าเราเต็ง 1 ได้แน่ๆ
วันต่อมา เค้าประกาสผลสอบ ปรากฏว่า เราตกสัมภาษณ์กับน้องอีกคน ไม่ได้เป็นตัวสำรองด้วยซ้ำ
เราเฟลมาก ไม่เข้าใจเลยค่ะ ครั้งจะโทรไปถามก็กลัวแบล็คลิส เพราะเราก็กะว่าจะลองไปสมัครที่นี่อีกที ในตำแหน่งอื่น
ขอกำลังใจหน่อยนะคะ ช่วงนี้ท้อๆ ที่ทำงานอยู่ก็อึดอัด อยากเปลี่ยนงานใหม่มันก็รู้สึกเหนื่อยใจหน่อยๆแล้วแหละ