ห้วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา พื้นที่จังหวัดที่ผมอาศัยอยู่ มีฝนตกต่อเนื่องยาวติดต่อกัน และมีลมกรรโชกแรง ทำให้การซักผ้าแล้วตากให้แห้งด้วยแสงแดดนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ บางครั้งมีแดดอ่อน ตากผ้าแล้วไป ปรากฏว่าฝนเทลงมาครั้งใหญ่ ต้องซักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยเหตุนี้ ผมจึงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าโดยการเปิดพัดลมและเป่าเสื้อให้แห้งในห้อง
ห้วงแรกก็ยังไม่ปรากฏเหตุอะไร มาเอะใจตอนเอาผ้าไปตากในห้องกระจก เห็นไอน้ำขึ้น ก็คิดว่าห้องน่าจะมีปัญหาเรื่องความชื้นหรือเปล่า และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ตัวดูดความชื้นเอาไม่อยู่ เมื่อสังเกตที่เฟอร์นิเจอร์ไม้อัด พบว่ามีราขึ้นเป็นคราบเทาๆ หลายแห่ง ยิ่งตอนที่รื้อตู้เสื้อผ้านี่ช็อกมาก ผ้าบางส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้ขึ้นราดำ และต้องทิ้งไปเลย ทั้งๆที่ก็พยายามเปิดประตูให้อากาศระบายแล้ว แต่ในห้องก็ยังอับชื้นอยู่ดี
เชื้อราในห้อง กอปรกับลมกรรโชกที่พัดเอาเศษดินเศษทรายเข้ามา ทำให้ผมต้องล้างห้องทำความสะอาดในช่วงนั้นถี่ๆ ตอนแรกใช้น้ำยาถูพื้นทั่วไป รู้สึกว่าเอาไม่อยู่ พื้นลื่นด้วย เลยหันมาใช้สารเคมีทั่วไปที่ใช้ในบ้าน แต่เพราะความรีบ กลับมาก็ดึกแล้ว เลยใช้วิธีผสมกัน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังรู้สึกไม่ค่อยดีกับการทำความสะอาดแบบนี้ คือ ไม่แน่ใจว่าเราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า จากการผสมสารทำความสะอาด 3 ตัวนี้ เพราะผมไม่รู้จริงๆ
1) เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำยาซักผ้า (ตอนแรกผสมกับไฮเตอร์ รวมเป็นสามตัวด้วย หากเป็นผ้าสี ใช้เดตตอลแทนไฮเตอร์) - ใช้สำหรับการซักผ้าขาว ซึ่งก็ได้ผลดี ผ้าขาวดีขึ้น และไม่น่าเชื่อว่าสามารถกำจัดคราบราส้มลบนถุงมือหนังได้ กลับมาใช้ได้ จนเกือบคิดว่าต้องทิ้งไปแล้ว
ปัญหา คือ ตอนที่ก้มหน้าลงไปผสมสารเคมีสองตัวนี้ในเครื่องซักผ้า แล้วเผลอสูดกลิ่นไอตอนที่เทสารเคมีสองตัวนี้ลงในถังซักเพื่อผสมกันจนขึ้นฟอง ปรากฏว่าตอนที่ฟองฟู่ๆนั้น รู้สึกได้ว่าฉุนแสบจมูกมากที่สุด และแทบวูบ
2) เดตตอลผสมไฮเตอร์ - ใช้ในการถูห้อง ตามมุม และผสมใส่ฟอกกี้เพื่อฉีดหรือเช็ดทำความสพอาดเครื่องเรือนที่ขึ้นราเทา มีฟองนิดๆ
ปัญหา คือ ไม่มีอาการอะไร แค่เหม็นฉุน แต่เปิดพัดลมไล่อากาศออกไปก็ดีขึ้น มีความรู้สึกว่าห้องสะอาดเท้า
3) เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชู - ใช้ในการซักรองเท้าหนังที่มีเชื้อราขึ้น ทดลองใช้ 2 คู่ ได้ผล คราบราหาย เห็นภาพการกัดกร่อนที่ชัดเจน ตอนนี้ลงไขปลาวานไป เนื้อรองเท้าที่แข็งก็กลับมานุ่มดีขึ้น ใส่ได้ตามปกติ
ปัญหา คือ ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้สูดดม แต่ถ้าเผลอโดนตอนไม่ได้ใส่ถุงมือยาง แอบคันนิดๆ
ปัจจุบันผมต้องเอาเฟอร์นิเจอร์ไม้อัดออกจากห้องถาวรไปเลย เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ซึ่งก็ได้ผล ราไม่มีแล้ว ดีใจมาก กลับสู่โหดปกติแล้วนะครับ แต่ปัญหา คือ สูตรที่ 1 เบกกิ้งโซดา + น้ำยาซักผ้า เวลาใช้มีความรู้สึกว่าแสบจมูกจนต้องหาผ้ามาปิดจมูก ตอนนี้แน่นหน้าอกแบบเสียดๆนิดในกล้ามเนื้อหน้าอกฝั่งซ้าย ไม่แน่ใจว่าเป็นผลข้างเคียงจากสารเคมีหรือเปล่า หรือว่าเพราะไม่ได้ออกกำลังกายเลย มันจึงดูปวดกล้ามเนื้อหน้าอกฝั่งซ้าย
จึงขอเรียนสอบถามเชิงเคมีว่า สารเคมีทั้งสามข้อ เมื่อผสมกันจะเป็นอย่างไร และหากเข้าร่างกายจากการสูดดมจะมีอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ
สารทำความสะอาดเชื้อราทั้ง 3 สูตรนี้...หากผสมกันและเผลอสัมผัสร่างกายเข้าไปจะเป็นอันตรายต่อตัวเราไหมครับ?
ห้วงแรกก็ยังไม่ปรากฏเหตุอะไร มาเอะใจตอนเอาผ้าไปตากในห้องกระจก เห็นไอน้ำขึ้น ก็คิดว่าห้องน่าจะมีปัญหาเรื่องความชื้นหรือเปล่า และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ตัวดูดความชื้นเอาไม่อยู่ เมื่อสังเกตที่เฟอร์นิเจอร์ไม้อัด พบว่ามีราขึ้นเป็นคราบเทาๆ หลายแห่ง ยิ่งตอนที่รื้อตู้เสื้อผ้านี่ช็อกมาก ผ้าบางส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้ขึ้นราดำ และต้องทิ้งไปเลย ทั้งๆที่ก็พยายามเปิดประตูให้อากาศระบายแล้ว แต่ในห้องก็ยังอับชื้นอยู่ดี
เชื้อราในห้อง กอปรกับลมกรรโชกที่พัดเอาเศษดินเศษทรายเข้ามา ทำให้ผมต้องล้างห้องทำความสะอาดในช่วงนั้นถี่ๆ ตอนแรกใช้น้ำยาถูพื้นทั่วไป รู้สึกว่าเอาไม่อยู่ พื้นลื่นด้วย เลยหันมาใช้สารเคมีทั่วไปที่ใช้ในบ้าน แต่เพราะความรีบ กลับมาก็ดึกแล้ว เลยใช้วิธีผสมกัน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวยังรู้สึกไม่ค่อยดีกับการทำความสะอาดแบบนี้ คือ ไม่แน่ใจว่าเราทำอะไรผิดไปหรือเปล่า จากการผสมสารทำความสะอาด 3 ตัวนี้ เพราะผมไม่รู้จริงๆ
1) เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำยาซักผ้า (ตอนแรกผสมกับไฮเตอร์ รวมเป็นสามตัวด้วย หากเป็นผ้าสี ใช้เดตตอลแทนไฮเตอร์) - ใช้สำหรับการซักผ้าขาว ซึ่งก็ได้ผลดี ผ้าขาวดีขึ้น และไม่น่าเชื่อว่าสามารถกำจัดคราบราส้มลบนถุงมือหนังได้ กลับมาใช้ได้ จนเกือบคิดว่าต้องทิ้งไปแล้ว
ปัญหา คือ ตอนที่ก้มหน้าลงไปผสมสารเคมีสองตัวนี้ในเครื่องซักผ้า แล้วเผลอสูดกลิ่นไอตอนที่เทสารเคมีสองตัวนี้ลงในถังซักเพื่อผสมกันจนขึ้นฟอง ปรากฏว่าตอนที่ฟองฟู่ๆนั้น รู้สึกได้ว่าฉุนแสบจมูกมากที่สุด และแทบวูบ
2) เดตตอลผสมไฮเตอร์ - ใช้ในการถูห้อง ตามมุม และผสมใส่ฟอกกี้เพื่อฉีดหรือเช็ดทำความสพอาดเครื่องเรือนที่ขึ้นราเทา มีฟองนิดๆ
ปัญหา คือ ไม่มีอาการอะไร แค่เหม็นฉุน แต่เปิดพัดลมไล่อากาศออกไปก็ดีขึ้น มีความรู้สึกว่าห้องสะอาดเท้า
3) เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชู - ใช้ในการซักรองเท้าหนังที่มีเชื้อราขึ้น ทดลองใช้ 2 คู่ ได้ผล คราบราหาย เห็นภาพการกัดกร่อนที่ชัดเจน ตอนนี้ลงไขปลาวานไป เนื้อรองเท้าที่แข็งก็กลับมานุ่มดีขึ้น ใส่ได้ตามปกติ
ปัญหา คือ ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้สูดดม แต่ถ้าเผลอโดนตอนไม่ได้ใส่ถุงมือยาง แอบคันนิดๆ
ปัจจุบันผมต้องเอาเฟอร์นิเจอร์ไม้อัดออกจากห้องถาวรไปเลย เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซาก ซึ่งก็ได้ผล ราไม่มีแล้ว ดีใจมาก กลับสู่โหดปกติแล้วนะครับ แต่ปัญหา คือ สูตรที่ 1 เบกกิ้งโซดา + น้ำยาซักผ้า เวลาใช้มีความรู้สึกว่าแสบจมูกจนต้องหาผ้ามาปิดจมูก ตอนนี้แน่นหน้าอกแบบเสียดๆนิดในกล้ามเนื้อหน้าอกฝั่งซ้าย ไม่แน่ใจว่าเป็นผลข้างเคียงจากสารเคมีหรือเปล่า หรือว่าเพราะไม่ได้ออกกำลังกายเลย มันจึงดูปวดกล้ามเนื้อหน้าอกฝั่งซ้าย
จึงขอเรียนสอบถามเชิงเคมีว่า สารเคมีทั้งสามข้อ เมื่อผสมกันจะเป็นอย่างไร และหากเข้าร่างกายจากการสูดดมจะมีอันตรายต่อร่างกายหรือไม่ครับ
ขอบคุณครับ