สวัสดีค่ะ เป็นอีกวันที่เราอ่อนไหว ออกตัวก่อนว่าเราเป็นคนที่เขียนหรือสื่อสารอะไรไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ประมานว่าเข้าใจคนเดียว แต่เราไม่สามารถหยุดคิดอะไรที่เราสัมผัสได้เลย...อะไรที่เรารู้สึก รับรู้ เช่นทุกข์ หรือสุข เราฝืนอย่างใครๆไม่ได้จริงๆ เราคิดว่าเราคงเป็นโรคซึมเศร้าไหม? เราก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เราเคยพยายามที่เล่าบางอย่างให้รู้สึกเบาลงในใจ แต่เคยมีคนบอกว่าชีวิตเรามันไม่น่าสงสาร ไม่น่าสมเพช.....เราเคยไปโรงพยาบาลจิตเวชแถวๆบางนา แต่เราก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ เราพูดคุยแบบมีสติดีทุกอย่าง เหมือนเราก็ไม่ได้เปิดในส่วนที่เราคิดเท่าไหร่นัก....จนรู้สึกว่าหรือจะไม่มีใครเข้าใจเราจริง หรือเราเองที่พูดไม่รู้เรื่อง หรือเราเองที่ไม่น่าสมเพชจริงๆ
ตอนเด็กเราเรียนรู้แบบโลกสวย โตมากับโลกการ์ตูนและนิทานคุณธรรม ส่วนครอบครัวพ่อแม่เราเกิดมาท่ามกลางสงครามพ่อแม่ทะเลาะกัน เพราะพ่อเราเจ้าชู้ ส่วนแม่เราก็จะชอบเล่าความทุกข์ทุกอย่างที่พ่อทำให้เราฟัง อารมณ์ที่แปรปรวน หรือความทุกข์ของชีวิตคู่ระหว่างพ่อแม่เรา มันทำให้การวางแผนทุกอย่างในอนาคตและความมั่งคงของพวกเราเราและพี่น้อง มันมีน้อยมากตามมีตามเกิด เพราะผู้ใหญ่โฟกัสที่เรื่องชีวิตคู่ ประชดประชันกันไปมา หนี้สินมากมายที่เราไม่รู้หรอกว่ามันเกิดจากตรงไหน เอามาเลี้ยงดูพวกเรามันส่วนนึงเล็กๆ วันเวลาล่วงเลยจนพอโตมาหน่อยหัวเลี้ยวหัวต่อเข้ามหาลัย ก็ต้องดิ้นรนกันเอง จุดที่ดิ้นร้นเอง จุดที่เจออุปสรรคมากมายจนไม่รู้ว่าจะเล่ายังไงดีให้น่าสงสาร รู้แค่ว่ามันกินชีวิตทุกอย่างของเราไปแทบทั้งหมด เราต้องอดทน อดกลั้น และฝันอยู่บนเส้นด้ายบางๆที่จะขาดตอนไหนก็ได้ ทุกอย่างเดิมพันกับเป้าหมาย ไม่มีคำว่าไม่ได้ ต้องได้เท่านั้นไม่งั้นไม่รอด ไม่ว่าจะค้าขาย ลาออก ดร็อบเรียน รับจ้าง ฯลฯ.....ล่วงเลยมาจนปัจจุบัน เราผ่านจุดนั้นแล้วจบการศึกษามาได้ พร้อมหนี้สิน กยศ.และสินเชื่อ แต่หนี้สินไม่ได้ทำให้เราทุกข์ ความเก่งของเราต่างหากที่ทำให้เราทุกข์ เราไม่สามารถอ่อนแอเข้าหาใคร ไม่มีอะไรเลยที่เราทำไม่ได้ อะไรที่ใครไม่ทำเราต้องทำ เราก็เหมือนคนทั่วไปที่มีล้มมีท้อในชีวิตบ้าง แต่เราก็ล้มก็ท้อไม่ได้ในชีวิตจริง เราต้องทำทุกวิถีทางให้ทุกอย่างถึงเป้าหมาย ตอนนี้เราวัย 35 ปี ยังไม่มีลูก ความรักพังพินาจแม้จะคบมาเป็น 10 ปี ความรักไปต่อไม่ได้เพราะความไม่พร้อมและลำบากในชีวิตที่ผ่านๆ มา เขาจึงเลือกชีวิตที่ดีกว่า ตัวเราเองเมื่อ 5 ปี ที่แล้วก็เริ่มป่วยหนัก และเป็นกลุ่มมีบุตรยากและไม่ทราบว่าจะมีการพัฒนาเป็นมะเร็งหรือไม่ ที่เล่ามาทั้งหมดสำหรับเราคือเราพยุงเราอยู่คนเดียว เราไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงให้ใครเข้าใจว่าการมีแค่ตัวเองคนเดียว พึ่งพาใครไม่ได้ แม้แต่ครอบครัวมันเจ็บลึกแค่ไหน ไม่ใช่เรื่องเงินทอง แต่แค่สักคนที่เข้าใจและให้เราได้พักใจอ่อนแอบ้างมันไม่มี เรารู้เลยว่าถ้าวันนึงเราเจออุปสรรคที่เราไปต่อไม่ได้ เราคงต้องนอนตายเงียบๆ คนเดียว กว่าเราจะสรุปคำนี้ออกมาเพราะเราเคยผ่านจุดเหล่านั้นมาบ่อยมากๆ จนเรารู้แล้วว่าไม่มีใครเข้าใจหรือเห็นใจเราหรอก และเราคงไม่อยากรบกวนกวนใคร คนรอบข้าง หรือความยุติธรรม วาสนา หรืออะไรก็แล้วแต่มันช่างเทียบกันไม่ได้ หลายคนไม่ต้องดีมากแต่ชีวิตล้วนเจอแต่สิ่งดีๆ ส่วนเราเองมีน้อยให้น้อยอาจเป็นความผิด ความสุขเล็กๆ เช่นมีสัตว์เลี้ยง แม่เราก็ไม่เคยรักด้วย พูดให้เราลำบากใจอยู่เสมอ งานที่เราทำเป็นงานใช้สมอง ใช้สติ กดดันเกี่ยวกับตัวเลขที่เราต้องทำให้ได้ ทำดีเสมอตัว ทำไม่ได้ก็เหมือนหมาตัวหนึ่ง และรายได้ก็ลดตามลงไป ไม่มีใครทำงานนี้แทนเราได้ แต่เราทำงานเล็กๆแทนคนอื่นได้ และทุกคนคาดหวังว่าเราจะต้องทำทุกคนถึงจะ Happy แม้เราจะพยายามบอกว่าที่เราดูแลใครแบบเนี๊ยบไม่ได้เพราะเราติดงานของเราอยู่ ซึ่งทุกคนคิดแทนว่างานเราสบาย เรามีเวลาเยอะ ไม่มีใครเข้าใจงานของเรา และถ้าเราบอกว่างั้นมาทำแทนเราไหม ก็กลายเป็นว่าเราประชดคนอื่น แต่เราต้องเข้าใจคนอื่นว่าเหนื่อย ต้องเห็นใจทุกคน ทั้งที่ไม่เคยมีใครเห็นใจหรือมองมาที่ชีวิตเราบ้างเลย คือ ณ วันนี้ เราเก็บอาการความทุกข์ไม่ไหวแล้วไง เราเลยปล่อยว่างและเริ่มอยู่แบบรกๆ ไม่อาบน้ำก็ได้ เราสามารถนอนทั้งวันทั้งคืนในช่วงวันหยุด เรารู้สึกไม่อยากได้อะไร ไม่รู้สึกเหมือนเดิม เหมือนพลังเราใช้ไปหมดแล้วตั้งแต่สมัยวัยรุ่น จนวันนึงเหมือนจะมีพอสมควรแล้ว เรากลับไม่มีความสุขเลย แม้แต่ความสุขความหวังดีจริงๆจากครอบครัว มิตรภาพที่เราใช้ใจแลกเรามักเจอการตอบกลับด้วยการทรยศ งานที่เราใช้หัวใจทำกลับโดนมองแบบเหยียบย่ำ กลั้นแกล้ง เราเครียดท้อ จนทุกวันนี้เราปลงและไม่คิดอะไรต่อ เลิกงานคือหยุดคิด วันๆของเรา เราครุ่นคิดว่าเราต้องการอะไรอีกไหมในชีวิต คำตอบของเราคือเราแทบไม่ต้องการอะไรเลย แต่เรามีห่วงคือครอบครัว แม้เราจะรู้ว่าเค้าอาจงี่เง่าและไม่เข้าใจเราเท่าไหร่ แต่ถ้าวันหนึ่งเราตายไปเราก็อยากให้พวกเค้าไม่ต้องลำบาก เราเข้มแข็งสำหรับทุกคน หลายๆคนหอบปัญหามาเล่าให้เราฟัง เราฟังมาเยอะแยะ และเข้าใจ ยิ่งฟังมาก ยิ่งได้อะไรมากมายว่าชีวิตมันก็ทุกข์ต่างกัน บางคนเรื่องนี้ยิ่งใหญ่ บางคนเรื่องน่าจะยิ่งใหญ่แต่มันกลับเป็นเรื่องเล็กๆสำหรับเค้า ความทุกข์ที่เค้าบอกทุกข์ มันอาจสุขนะถ้าเป็นเรา เราไม่เคยมีแผนสองที่คิดว่าสุดท้ายซบอกแม่ ซบอกพ่อ ซบอกพี่น้อง ทุกอย่างมันกดดัน ถ้าเราบ่นทุกข์ คนพวกนั้นจะต้องมีเหตุว่าทุกข์กว่าเราไปอีก เราจึงห้ามทุกข์ เพราะถ้าเราทุกข์ เราจะเป็นอีก 1 ทุกข์ของชีวิตคนอื่นทันที นานวันเข้าเรารู้สึกว่าไม่อยากพูดอะไรออกไปอีกเลย เพราะเราเคยพยายามที่จะสื่อสารบางอย่างออกไป เคยไหมที่เราจะอ่อนแอไปหาใคร สุดท้ายเราต้องมาฟังคนอื่นแทน คือเราคงพูดแล้วมันกลายเป็นว่าเราดูรวมๆละไม่หน้าสงสาร ทุกคนเห็นเราเข้มแข็งหมดเลย 555 เราตั้งคำถามกับตัวเองเสมอนะว่า คนพวกนั้นเค้ารู้ชีวิตเรามากกว่าเราได้ไง? ทุกคนเห็นสิ่งเราพูดเป็นเรื่องเล็กๆ ทั้งที่สำหรับเรามันคงถึงที่สุดจริงๆเราจึงพูดมันออกไป ในเมื่อไม่มีคนรับฟัง แม้แต่ครอบครัวเรายังไม่เคยฟัง หรือเข้าใจเรา เราคงเกิดมาเพื่อเล่าทุกอย่างให้ตัวเองฟัง และมีแค่ตัวเราเองที่ชี้นำทุกอย่างในชีวิต เราไม่รู้ว่าจะมีใครเข้าใจเราไหม แต่เราเข้าใจนะกับเรื่องคนที่พร้อมทุกอย่าง รวยมีฐานะ หรือมีชีวิตที่ดีทุกอย่างในสายตาคนอื่น ... ทำไมคนพวกนั้นเค้าเลือกที่จะฆ่าตัวตาย ทั้งที่ไม่เคยมีลางบอกเหตุอะไร คนเหล่านั้นเค้าคงผ่านอะไรมาเยอะมากมาย รู้ซึ้งถึงอะไรบางอย่าง เหงากินลึก อย่างที่ใครอาจไม่ไเคยไปถึง จนมันถึงจุดที่หมดความใฝ่ฝัน หมดความศัทธาในชีวิตไปแล้ว เค้าจึงต้องหนี และอยากจบความทุกข์เร็วๆ เช่นเราตอนนี้ เราเริ่มรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่เป็นทุกข์มากๆ เพราะเราไม่อยากทำอะไรแล้ว แต่ครั้งจะไปหาที่สงบๆ อยู่ ภาระชีวิตจริง สิ่งที่เราต้องดูแลรับผิดชอบมันก็ยังมี เราก็ต้องทนต่อไปสะสมมากขึ้นๆ....ทุกวันนี้ภายนอกเราเป็นคนที่ยังยิ้มให้คนอื่นเสมอๆ เรายังคงหัวเราะ สนุกสนาน และไม่เคยดราม่าอะไรให้ใครหนักใจ แต่ทุกอย่างที่เราเขียนมันมาจากใจของเรา เราอยากจะเขียนอะไรบางอย่างที่มันหนักออกมา เผื่อว่าจะมีใครสักคนที่เข้าใจเราหรืออาจจะมีใครสักคนที่ให้ความคิดใหม่ๆ ในมุมมองที่เราไม่เคยคิดมาก่อนมาโปรดเราก็ได้ ขอบคุณที่อ่านมาจนบรรทัดสุดท้ายนะ
อาจพยายามให้เข้าใจ แต่ก็ไม่เคยมีใครเข้าใจ
ตอนเด็กเราเรียนรู้แบบโลกสวย โตมากับโลกการ์ตูนและนิทานคุณธรรม ส่วนครอบครัวพ่อแม่เราเกิดมาท่ามกลางสงครามพ่อแม่ทะเลาะกัน เพราะพ่อเราเจ้าชู้ ส่วนแม่เราก็จะชอบเล่าความทุกข์ทุกอย่างที่พ่อทำให้เราฟัง อารมณ์ที่แปรปรวน หรือความทุกข์ของชีวิตคู่ระหว่างพ่อแม่เรา มันทำให้การวางแผนทุกอย่างในอนาคตและความมั่งคงของพวกเราเราและพี่น้อง มันมีน้อยมากตามมีตามเกิด เพราะผู้ใหญ่โฟกัสที่เรื่องชีวิตคู่ ประชดประชันกันไปมา หนี้สินมากมายที่เราไม่รู้หรอกว่ามันเกิดจากตรงไหน เอามาเลี้ยงดูพวกเรามันส่วนนึงเล็กๆ วันเวลาล่วงเลยจนพอโตมาหน่อยหัวเลี้ยวหัวต่อเข้ามหาลัย ก็ต้องดิ้นรนกันเอง จุดที่ดิ้นร้นเอง จุดที่เจออุปสรรคมากมายจนไม่รู้ว่าจะเล่ายังไงดีให้น่าสงสาร รู้แค่ว่ามันกินชีวิตทุกอย่างของเราไปแทบทั้งหมด เราต้องอดทน อดกลั้น และฝันอยู่บนเส้นด้ายบางๆที่จะขาดตอนไหนก็ได้ ทุกอย่างเดิมพันกับเป้าหมาย ไม่มีคำว่าไม่ได้ ต้องได้เท่านั้นไม่งั้นไม่รอด ไม่ว่าจะค้าขาย ลาออก ดร็อบเรียน รับจ้าง ฯลฯ.....ล่วงเลยมาจนปัจจุบัน เราผ่านจุดนั้นแล้วจบการศึกษามาได้ พร้อมหนี้สิน กยศ.และสินเชื่อ แต่หนี้สินไม่ได้ทำให้เราทุกข์ ความเก่งของเราต่างหากที่ทำให้เราทุกข์ เราไม่สามารถอ่อนแอเข้าหาใคร ไม่มีอะไรเลยที่เราทำไม่ได้ อะไรที่ใครไม่ทำเราต้องทำ เราก็เหมือนคนทั่วไปที่มีล้มมีท้อในชีวิตบ้าง แต่เราก็ล้มก็ท้อไม่ได้ในชีวิตจริง เราต้องทำทุกวิถีทางให้ทุกอย่างถึงเป้าหมาย ตอนนี้เราวัย 35 ปี ยังไม่มีลูก ความรักพังพินาจแม้จะคบมาเป็น 10 ปี ความรักไปต่อไม่ได้เพราะความไม่พร้อมและลำบากในชีวิตที่ผ่านๆ มา เขาจึงเลือกชีวิตที่ดีกว่า ตัวเราเองเมื่อ 5 ปี ที่แล้วก็เริ่มป่วยหนัก และเป็นกลุ่มมีบุตรยากและไม่ทราบว่าจะมีการพัฒนาเป็นมะเร็งหรือไม่ ที่เล่ามาทั้งหมดสำหรับเราคือเราพยุงเราอยู่คนเดียว เราไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงให้ใครเข้าใจว่าการมีแค่ตัวเองคนเดียว พึ่งพาใครไม่ได้ แม้แต่ครอบครัวมันเจ็บลึกแค่ไหน ไม่ใช่เรื่องเงินทอง แต่แค่สักคนที่เข้าใจและให้เราได้พักใจอ่อนแอบ้างมันไม่มี เรารู้เลยว่าถ้าวันนึงเราเจออุปสรรคที่เราไปต่อไม่ได้ เราคงต้องนอนตายเงียบๆ คนเดียว กว่าเราจะสรุปคำนี้ออกมาเพราะเราเคยผ่านจุดเหล่านั้นมาบ่อยมากๆ จนเรารู้แล้วว่าไม่มีใครเข้าใจหรือเห็นใจเราหรอก และเราคงไม่อยากรบกวนกวนใคร คนรอบข้าง หรือความยุติธรรม วาสนา หรืออะไรก็แล้วแต่มันช่างเทียบกันไม่ได้ หลายคนไม่ต้องดีมากแต่ชีวิตล้วนเจอแต่สิ่งดีๆ ส่วนเราเองมีน้อยให้น้อยอาจเป็นความผิด ความสุขเล็กๆ เช่นมีสัตว์เลี้ยง แม่เราก็ไม่เคยรักด้วย พูดให้เราลำบากใจอยู่เสมอ งานที่เราทำเป็นงานใช้สมอง ใช้สติ กดดันเกี่ยวกับตัวเลขที่เราต้องทำให้ได้ ทำดีเสมอตัว ทำไม่ได้ก็เหมือนหมาตัวหนึ่ง และรายได้ก็ลดตามลงไป ไม่มีใครทำงานนี้แทนเราได้ แต่เราทำงานเล็กๆแทนคนอื่นได้ และทุกคนคาดหวังว่าเราจะต้องทำทุกคนถึงจะ Happy แม้เราจะพยายามบอกว่าที่เราดูแลใครแบบเนี๊ยบไม่ได้เพราะเราติดงานของเราอยู่ ซึ่งทุกคนคิดแทนว่างานเราสบาย เรามีเวลาเยอะ ไม่มีใครเข้าใจงานของเรา และถ้าเราบอกว่างั้นมาทำแทนเราไหม ก็กลายเป็นว่าเราประชดคนอื่น แต่เราต้องเข้าใจคนอื่นว่าเหนื่อย ต้องเห็นใจทุกคน ทั้งที่ไม่เคยมีใครเห็นใจหรือมองมาที่ชีวิตเราบ้างเลย คือ ณ วันนี้ เราเก็บอาการความทุกข์ไม่ไหวแล้วไง เราเลยปล่อยว่างและเริ่มอยู่แบบรกๆ ไม่อาบน้ำก็ได้ เราสามารถนอนทั้งวันทั้งคืนในช่วงวันหยุด เรารู้สึกไม่อยากได้อะไร ไม่รู้สึกเหมือนเดิม เหมือนพลังเราใช้ไปหมดแล้วตั้งแต่สมัยวัยรุ่น จนวันนึงเหมือนจะมีพอสมควรแล้ว เรากลับไม่มีความสุขเลย แม้แต่ความสุขความหวังดีจริงๆจากครอบครัว มิตรภาพที่เราใช้ใจแลกเรามักเจอการตอบกลับด้วยการทรยศ งานที่เราใช้หัวใจทำกลับโดนมองแบบเหยียบย่ำ กลั้นแกล้ง เราเครียดท้อ จนทุกวันนี้เราปลงและไม่คิดอะไรต่อ เลิกงานคือหยุดคิด วันๆของเรา เราครุ่นคิดว่าเราต้องการอะไรอีกไหมในชีวิต คำตอบของเราคือเราแทบไม่ต้องการอะไรเลย แต่เรามีห่วงคือครอบครัว แม้เราจะรู้ว่าเค้าอาจงี่เง่าและไม่เข้าใจเราเท่าไหร่ แต่ถ้าวันหนึ่งเราตายไปเราก็อยากให้พวกเค้าไม่ต้องลำบาก เราเข้มแข็งสำหรับทุกคน หลายๆคนหอบปัญหามาเล่าให้เราฟัง เราฟังมาเยอะแยะ และเข้าใจ ยิ่งฟังมาก ยิ่งได้อะไรมากมายว่าชีวิตมันก็ทุกข์ต่างกัน บางคนเรื่องนี้ยิ่งใหญ่ บางคนเรื่องน่าจะยิ่งใหญ่แต่มันกลับเป็นเรื่องเล็กๆสำหรับเค้า ความทุกข์ที่เค้าบอกทุกข์ มันอาจสุขนะถ้าเป็นเรา เราไม่เคยมีแผนสองที่คิดว่าสุดท้ายซบอกแม่ ซบอกพ่อ ซบอกพี่น้อง ทุกอย่างมันกดดัน ถ้าเราบ่นทุกข์ คนพวกนั้นจะต้องมีเหตุว่าทุกข์กว่าเราไปอีก เราจึงห้ามทุกข์ เพราะถ้าเราทุกข์ เราจะเป็นอีก 1 ทุกข์ของชีวิตคนอื่นทันที นานวันเข้าเรารู้สึกว่าไม่อยากพูดอะไรออกไปอีกเลย เพราะเราเคยพยายามที่จะสื่อสารบางอย่างออกไป เคยไหมที่เราจะอ่อนแอไปหาใคร สุดท้ายเราต้องมาฟังคนอื่นแทน คือเราคงพูดแล้วมันกลายเป็นว่าเราดูรวมๆละไม่หน้าสงสาร ทุกคนเห็นเราเข้มแข็งหมดเลย 555 เราตั้งคำถามกับตัวเองเสมอนะว่า คนพวกนั้นเค้ารู้ชีวิตเรามากกว่าเราได้ไง? ทุกคนเห็นสิ่งเราพูดเป็นเรื่องเล็กๆ ทั้งที่สำหรับเรามันคงถึงที่สุดจริงๆเราจึงพูดมันออกไป ในเมื่อไม่มีคนรับฟัง แม้แต่ครอบครัวเรายังไม่เคยฟัง หรือเข้าใจเรา เราคงเกิดมาเพื่อเล่าทุกอย่างให้ตัวเองฟัง และมีแค่ตัวเราเองที่ชี้นำทุกอย่างในชีวิต เราไม่รู้ว่าจะมีใครเข้าใจเราไหม แต่เราเข้าใจนะกับเรื่องคนที่พร้อมทุกอย่าง รวยมีฐานะ หรือมีชีวิตที่ดีทุกอย่างในสายตาคนอื่น ... ทำไมคนพวกนั้นเค้าเลือกที่จะฆ่าตัวตาย ทั้งที่ไม่เคยมีลางบอกเหตุอะไร คนเหล่านั้นเค้าคงผ่านอะไรมาเยอะมากมาย รู้ซึ้งถึงอะไรบางอย่าง เหงากินลึก อย่างที่ใครอาจไม่ไเคยไปถึง จนมันถึงจุดที่หมดความใฝ่ฝัน หมดความศัทธาในชีวิตไปแล้ว เค้าจึงต้องหนี และอยากจบความทุกข์เร็วๆ เช่นเราตอนนี้ เราเริ่มรู้สึกว่าการมีชีวิตอยู่เป็นทุกข์มากๆ เพราะเราไม่อยากทำอะไรแล้ว แต่ครั้งจะไปหาที่สงบๆ อยู่ ภาระชีวิตจริง สิ่งที่เราต้องดูแลรับผิดชอบมันก็ยังมี เราก็ต้องทนต่อไปสะสมมากขึ้นๆ....ทุกวันนี้ภายนอกเราเป็นคนที่ยังยิ้มให้คนอื่นเสมอๆ เรายังคงหัวเราะ สนุกสนาน และไม่เคยดราม่าอะไรให้ใครหนักใจ แต่ทุกอย่างที่เราเขียนมันมาจากใจของเรา เราอยากจะเขียนอะไรบางอย่างที่มันหนักออกมา เผื่อว่าจะมีใครสักคนที่เข้าใจเราหรืออาจจะมีใครสักคนที่ให้ความคิดใหม่ๆ ในมุมมองที่เราไม่เคยคิดมาก่อนมาโปรดเราก็ได้ ขอบคุณที่อ่านมาจนบรรทัดสุดท้ายนะ