พระอรหันต์ ที่มีชีวิต สามารถ เป็นได้ทั้ง สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ และ อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
แต่สุดท้ายแล้ว แม้พระอรหันต์ สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ก็ต้อง มีเวทนาที่เย็นในอัตภาพนี้เป็นที่สุดเมื่อถึงคราวปรินิพพาน (สิ้นรอบแห่งชีวิต)
ก็ต้องปรินิพพานด้วย อนุปาทิเสสนิพพาน
ดังนั้น การมาแปลว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ แปลว่า พระอรหันต์ที่ตายแล้ว(ดับขันธ์) ถ้าเป็นอย่างนั้นพระพุทธเจ้า ไม่ต้องตรัสเยอะเลย จริงมั้ย
ก็ต้องตรัสเลยสั้นๆ พระอรหันต์ที่ยังไม่สิ้นชีวิต กับ สิ้นชีวิตแล้ว ก็จบแล้วจริงมั้ย แต่พระพุทธเจ้า มีถ้อยคำที่ละเอียดลึกซึ้งกว่านั้น
แล้วถ้าจะยกตัวอย่างว่า แล้วพระอรหันต์ รูปไหนล่ะที่ยังไม่สิ้นชีวิต แล้วตรัสรู้ด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน ก็ต้องบอกว่า พระพุทธเจ้า เป็นตัวอย่าง
พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีเวทนาที่เย็นในโลกนี้ เป็นผู้คงที่

ท่านอื่นมีความเห็นอย่างไร เชิญสาธยายตามอัธยาศรัย
อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ไม่ได้หมายความว่า นิพพาน (ที่ตายหรือดับขันธ์)
แต่สุดท้ายแล้ว แม้พระอรหันต์ สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ก็ต้อง มีเวทนาที่เย็นในอัตภาพนี้เป็นที่สุดเมื่อถึงคราวปรินิพพาน (สิ้นรอบแห่งชีวิต)
ก็ต้องปรินิพพานด้วย อนุปาทิเสสนิพพาน
ดังนั้น การมาแปลว่า อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ แปลว่า พระอรหันต์ที่ตายแล้ว(ดับขันธ์) ถ้าเป็นอย่างนั้นพระพุทธเจ้า ไม่ต้องตรัสเยอะเลย จริงมั้ย
ก็ต้องตรัสเลยสั้นๆ พระอรหันต์ที่ยังไม่สิ้นชีวิต กับ สิ้นชีวิตแล้ว ก็จบแล้วจริงมั้ย แต่พระพุทธเจ้า มีถ้อยคำที่ละเอียดลึกซึ้งกว่านั้น
แล้วถ้าจะยกตัวอย่างว่า แล้วพระอรหันต์ รูปไหนล่ะที่ยังไม่สิ้นชีวิต แล้วตรัสรู้ด้วยอนุปาทิเสสนิพพาน ก็ต้องบอกว่า พระพุทธเจ้า เป็นตัวอย่าง
พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีเวทนาที่เย็นในโลกนี้ เป็นผู้คงที่
ท่านอื่นมีความเห็นอย่างไร เชิญสาธยายตามอัธยาศรัย