แชร์ประสบการณ์ขอ วีซ่าอเมริกา(ท่องเที่ยว) แบบฉบับคนเคยถูกปฏิเสธ

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาเล่าประสบการณ์ วีซ่าท่องเที่ยวอเมริกา แบบบ้านๆง่ายๆนะครับ

ส่วนตัวนั้นเคยถูกปฏิเสธมาแล้วครั้งนึงตั้งแต่ปี 2013 ตอนนั้นได้สัมภาษณ์กับผู้หญิงหน้าเอเชียตะวันออกตัวเล็กๆ ถามแค่ 3 คำถามพกความมั่นใจไปเต็มร้อยซื้อตั๋วเรียบร้อยแล้วด้วย ปรากฏว่าโดนปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ตอนนั้นคือเหมือนโดนตบหน้าเดินหน้าชาๆออกมาถึงที่ฝากของตอนไหนไม่รู้ ยังดีที่โชคยังเข้าข้างนิดหน่อยตรงที่ตั๋วที่จองไปเป็น Aerosvit Airlines สายการบินเจ๊งบ๊งพอดี เลยได้เงินค่าตั๋วคืนครบทุกบาท แต่ก็ยังมีคำถามในใจ+ความสงสัยอีกมากมาย

5 ปีผ่านไป เห็นเพื่อนที่ทำงานใกล้ตัวนางได้วีซ่ามา เห็นแล้วเกิดความฮึกเหิม+ว่างจากการเดินทาง เลยขอลองสู้ซักตั้ง พร้อมกับการศึกษาวิธีการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 ใหม่อีกครั้ง กรอกให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยเราได้ทำการกรอกเสร็จช่วงวันที่ 15 JULY กดส่งไปแล้วก็รีบไปจ่ายเงินที่ธ.กรุงศรีอยุธยา พอเข้าไปเช็ควันสัมภาษณ์ว่างอีกทีโน่น 19 AUG กลับมาจาก Okinawa พอดี ทีนี้โรคจิตกดเข้าไปดูเรื่อยๆได้วันใหม่เป็น 3 AUG 7:30น. ก็รีบกดนัดใหม่ทันที

การเตรียมความพร้อม

- ในแบบฟอร์ม DS-160 กรอกรายละเอียดเรื่องงานให้เยอะขึ้น ---> เปิดเว็บลอก Job Description มาดัดแปลงเอา ใส่ไปซัก 4-5 หัวข้อเอาที่สวยหรูดูแล้วเรามีส่วนสำคัญกับบริษัทมากนะ เน้นว่าทำงานเป็นปีที่ 7 ให้เตรียมหนังสือรับรองจากที่ทำงานมาด้วย ของเราไม่ได้ระบุวันลา

- แพลนเที่ยว ---> ตอนนั้นยังไม่มีเลยจร้า เลยสมมติไปก่อนเลยเพราะว่าต้องกรอกใน DS-160 (แต่ต้อง Based on true story) เนื่องจากที่ New York จะมีการแข่งขัน Tennis US Open 2018 ช่วงปลายเดือน August ถึงต้น September เราเลยแพลนไปว่าจะไปถึงวันที่ 1 SEP เพื่อดูการแข่งขันแล้วก็เที่ยวรอบๆเมืองรวม 7 วัน ถ้าเค้าถามว่าทำไมเที่ยวไม่นานก็จะตอบกลับไปว่าลานานมากไม่ได้เดี๋ยวจะกระทบกับงานบริษัท โรงแรมก็จองแบบยกเลิกได้ไว้กันเหนียว(สุดท้ายไม่ได้หยิบไป) ตั๋วเครื่องบินก็ยังไม่ได้จอง

- เอกสาร ---> ตอนกดส่งฟอร์มลืมเซฟรายละเอียดไว้อ่านก่อน คือ เบื้อกมากกกกนึกว่าจะกลับเข้ามาอ่านได้ ดีนะที่จำรายละเอียดได้ เอกสารที่เอาไปก็มีแค่ 1.ใบนัดสัมภาษณ์ 2.Confirmation ตอนกรอกฟอร์มเสร็จ 3.Passport 4.รูปถ่าย 5.ปากกาไว้จดเลข Tracking EMS 6.ใบรับรองการทำงาน

วันสัมภาษณ์ 3 AUG 2018

ก็จะชิวนิดนึงตื่น 6:00 น. ซื้อปาท่องโก๋หน้าปากซอย ขึ้นรถไฟฟ้าไปลงเพลินจิตแล้วก็เดินต่อไปสถานทูต ไปถึง 7:00 น. ไปยืนต่อแถวหน้าประตูใหญ่จะมีเจ้าหน้าเช็คเอกสารที่ด่านแรกพอครบก็เดินต่อไปที่จุดฝากของ โทรศัพท์รับฝากแค่เครื่องเดียวเท่านั้น โดยใช้บัตรประชาชนแลก จุดต่อมานั่งรอเรียกลุ่มผู้เข้าสัมภาษณ์ตามรอบ คนที่มาเร็วยังไม่ถึงเวลาก็นั่งรอไปก่อน จุดนี้เป็นการตรวจเอกสารและเจ้าหน้าที่จะเอาเลข Tracking EMS แนบที่ Passport ของเราให้เราจดไว้ให้ดี จดใส่ใบนัดก็ได้เพราะไม่ได้ใช้แล้ว

เข้าไปในอาคารไปยืนต่อแถวเพื่อเข้าเช็คอิน ช่อง 11-15 จุดนี้ถ้ารูปที่อัพออนไลน์ไปไม่โอเคเค้าจะขอดูรูปใหม่ ถ้าไม่มีจะมีจุดบริการถ่ายรูปให้ (เสียตัง) ตรงจุดนี้จะเป็นการซักถามเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะถาม เคยเปลี่ยนชื่อรึเปล่า เคยได้วีซ่าไหม ถามแบบทั่วไป Basic พร้อมกับพิมพ์ลายนิ้วมือ เสร็จจากตรงนี้ไปก็เดินไปที่ ช่อง 10 จุดนี้เป็นฝรั่งมีอายุนิดนึงพูดไทยได้ ให้ทำอะไรก็ทำ จำได้ว่ามีพิมพ์ลายนิ้วมืออีกที เสร็จจากจุดนี้ไปก็จะไปยืนต่อแถวเพื่อสัมภาษณ์ของจริง วันนี้มี 3 ช่อง

ช่องที่ 1 เป็นผู้หญิงผิวสีผมหยิก จะไม่ค่อยนั่งอยู่กับที่ ยืนสัมภาษณ์ ดื่มน้ำทำนู่นทำนี่ไปเรื่อย หน้านิ่งๆ ใช้สายตาแสดงอารมณ์ (ขอเรียกเจ๊)
ช่องกลางช่องที่ 2 เป็นผู้หญิงหน้าเอเชียประมาณไทย ลาว อายุไม่เยอะ ทำหน้าปกติ (ขอเรียกน้อง)
ช่องที่ 3 เป็นผู้ชายหน้าเอเชียตะวันออกประมาณ จีน ฮ่องกง อายุเยอะ หน้าดุมากคิ้วขมวดตลอด ---> น่ากลัวที่สุด (ขอเรียกคุณลุง)

จากการสังเกตการณ์ระหว่างที่รอคิวสัมภาษณ์ เจ๊จะไม่นั่งเลย ถามไม่ค่อยเยอะ คนที่อยู่คิวหน้าเราสองคนได้สัมภาษณ์กับเจ๊ โดน Reject แบบงงๆ ส่วนน้องจะถามค่อนข้างเยอะ และสายตาจะมองที่คนถูกสัมภาษณ์ตลอดไม่ค่อยแสดงท่าทางอารมณ์มากนัก ส่วนคุณลุงเนี่ยสัมภาษณ์พ่อลูกคู่นึงนานมากกกกกกก การแสดงออกทางสีหน้าและคำพูดค่อนข้างดุดันใครใจไม่แข็งนี่ตายสนิท และ Reject พ่อ-ลูกคู่นั้นในที่สุด  สิ่งที่สังเกตอีกอย่างนึง คือ ไม่มีผู้สัมภาษณ์คนไหนพูดภาษาไทยเลยซักคน งงมากเพราะเมื่อ 5 ปีที่แล้วนี่พูดภาษาไทยกันไฟแลบ มีช่วงนึงคุณลุงได้คิวสัมภาษณ์พระ ต้องไปเรียกล่ามด้านในมาแปลให้ลุงเลยทีเดียว โดยภาพรวมมีคนโดน Reject เยอะพอสมควร เอาแล้วสิ เอาจริงๆก็กังวลนะเพราะเหมือนฝันร้ายจากการขอครั้งแรกมันจะหลอนอยู่

มีความโชคดีนิดนึงเราได้สัมภาษณ์กับน้องซึ่งดูน่าจะใจดี น้องยิงคำถามไวมากสิบกว่าคำถาม
(ตลอดการสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ แต่แปลคำถามมาได้ประมาณนี้)

1.เคยไป USA ไหมคะ - ไม่เคย
2.ไปทำอะไรที่ USA และไปกับใครคะ - ไปดูแข่ง Tennis และไปเที่ยวรอบๆเมืองไปคนเดียว
3.คุณมีญาติหรือคนรู้จักที่ USA ไหมคะ - ไม่มี
4.คุณรู้จัก Tennis รายการนี้จากไหนคะ - รายการนี้เป็น 1 ใน 4 รายการหลักของโลก
5.เคยไปดู Tennis รายการอื่นก่อนหน้านี้ไหมคะ - เดือน JUNE ไปดูที่ Paris
6.คุณเล่น Tennis เป็นไหม - เป็น
7.คุณเชียร์ใครเป็นพิเศษคะ - ตอบแบบเอาใจคนอเมริกัน Sloan Stephens, John Isner (ถ้าคนมั่วจะตอบไม่ได้ ตะกุกตะกัก)
8.รายการนี้แข่งเมื่อไหร่คะ - 27 AUG - 9 SEP
9.คุณคิดจะไปเที่ยวที่อื่นนอกจากไปดู Tennis ไหมคะ - ตอบไปว่าไปดูน้ำตก Niagara
10.คุณเคยเปลี่ยนชื่อไหมคะ - ไม่เคย
11.ใครเป็น Sponsor ให้คะ - ออกเองหมด
12.คุณเคยโดนปฏิเสธวีซ่า USA ไหมคะ - ช๊อคกับคำถาม แต่ก็ตอบไปว่าเคยโดนครั้งนึง
13.คุณเที่ยวคนเดียวบ่อยไหมคะ - บ่อยมากครับ (กรอกในฟอร์มไป 15 ประเทศ)

ยินดีด้วยค่ะ วีซ่าคุณ Approved ! พร้อมกับรอยยิ้มของน้อง

ตอนนั้นก็ดีใจแบบงงๆ หูมันจะอื้อๆหน่อย เค้าไม่คืน Passport เรามาแบบคราวก่อน เย้!!!! ทั้งหมดเกิดขึ้นไวมาก น่าจะประมาณ 3 นาที สัมภาษณ์วันศุกร์ Passport ส่งออกจากสถานทูตวันจันทร์ จริงๆควรจะได้วันอังคารแต่ไปรษณีย์บางพลีของมันแรง ส่งไปคัดแยกที่ดาวอังคารก็เลยได้รับเล่มวันพุธ ได้มา 10 ปีสมใจ ในขณะที่เชงเก้นนี่ยังมีความกั๊กขอที่ฝรั่งเศสรอบที่ 2 ยังให้มาแค่ปีเดียว

เป็นกำลังใจให้กับคนที่เคยโดนปฏิเสธวีซ่าอเมริกาทุกคนนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่