ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetan Mastiff) สุนัขสายพันธุ์โบราณ
มีถิ่นกำเนิดบริเวณทิเบตไล่ไปจนถึงบริเวณเอเชียกลาง-ประเทศอินเดีย
มีชื่อเรียกในภาษาทิเบตว่า
“Do-khyi” แปลว่า
“สุนัขที่ต้องถูกล่ามไว้”
น้ำหนักเฉลี่ย 60-70 กก. ส่วนสูงเฉลี่ย 61-72 ซม. เป็นสุนัขที่รักเจ้าของมาก
แต่จะดุร้ายกับคนแปลกหน้า ดุร้ายในที่นี้หมายถึง กัดเอาตาย
ครั้งหนึ่งมันเคยกัดสตั๊นแมนในกองถ่ายหนัง ต้องเย็บถึง 31 เข็ม
และมีบาดแผลทั่วร่างกว่า 11 แห่ง
ในช่วงที่กำลังเป็นกระแส ประมาณปี 2013 – 2015
พวกมันเคยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ตัวละไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
บางตัวราคาทะลุไป 62 ล้านบาท สาเหตุของความแพงขนาดนี้
ก็เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความร่ำรวย ที่เศรษฐีซื้อมาอวดกัน
เป็นสุนัขหายากเพราะขยายพันธุ์ได้เพียงปีละ 1 ครั้ง เท่านั้น (พันธุ์แท้กับพันธุ์แท้)
ชาวจีนเชื่อว่า เป็นสัตว์พาหนะของเทพพระเจ้า บ้านไหนเลี้ยง จะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย
สร้างความเจริญรุ่งเรือง เสริมดวงค้าขาย
ฟอกเงิน (การเปลี่ยนเงินที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง ให้กลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่า
แล้วค่อยหาทางขายเปลี่ยนให้เป็นเงินสดทีหลัง)
จนกระทั่งกระแสการเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ซบเซาลง ทำให้สุนัขบางตัว
มีราคาเหลือเพียงตัวละ 50,000 บาท
สาเหตุจากปัญหาความดุร้าย ที่ผู้เลี้ยงเอาใจใส่ไม่เพียงพอ
ปัญหาค่าใช้จ่ายในการดูแล เนื่องจากเป็นสุนัขที่ตัวใหญ่มาก ทำให้กินเยอะ
ซึ่งในแต่ละวันมันจะกินอาหารเท่ากับสุนัข 50 ตัว
ปัญหาสายพันธุ์ปลอม เจ้าของฟาร์มนำสายพันธุ์จริง
ไปผสมก็สุนัขสายพันธุ์อื่นแล้วมาหลอกขาย หวังรวยข้ามคืน
ทำให้คนหมดความเชื่อถือ ความนิยมจึงลดลง
เลี้ยงในที่แคบไม่ได้ และต้องพาออกกำลังกายอยู่เสมอ
เพื่อไม่ให้เกิดความเครียด แต่ผู้เลี้ยงไม่เคยศึกษา ทำให้พวกมันยิ่งก้าวร้าว
สุดท้ายเมื่ออยู่ไม่ได้จึงต้องนำไปทิ้ง เป็นภาระแก่คนอื่นต่อไป
เมื่อไม่มีความต้องการแถมยังกินเยอะ ทำให้เจ้าของฟาร์มส่วนใหญ่ตัดสินใจ
นำพวกมันไปปล่อยในหมู่บ้านต่างๆ จนตอนนี้จำนวนมันเยอะขึ้นๆ
สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านไปทั่ว แค่ในลาซา (เมืองหลวงของทิเบต) ที่เดียว
ก็มีสุนัขจรจัดสายพันธุ์นี้อยู่แล้วร่วม 10,000 ตัว !!!
ภาพโหดร้าย ขอใส่สปอยล์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
(เฉพาะในศูนย์ดูแลสุนัขจรจัด ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับสุนัข 2,000 ตัว
แต่ตอนนี้มีสุนัขสายพันธุ์ ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ อยู่ถึง 7,000 ตัว
และตอนนี้พวกมันกำลังอดอยากเนื่องจากไม่มีงบอาหารเพียงพอ)
“ความนิยมในตลาด กระตุ้นให้คนหันมาเลี้ยงและเพาะพันธุ์ ทิเบตัน แมนทิฟฟ์ กันมาก
โดยคิดเอาว่าจะรวยได้ในชั่วข้ามคืน แต่เอาเข้าจริงๆ ก็มีแค่หยิบมือเท่านั้นที่สามารถทำกำไรได้จากธุรกิจนี้”
เคยมีชาวบ้านหลายคนถูกพวกมันทำร้าย ขณะเดียวกันมัน
ก็ยังเป็นปัญหาต่อระบบนิเวศด้วย เพราะมันไปล่าเหยื่อแข่งกับนักล่าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
และด้วยความที่ชาวธิเบตส่วนใหญ่นับถือพุทธการกำจัดหมาจรจึงไม่ใช่ทางเลือก
เราจึงหวังว่าชาวบ้านทั่วไปจะเห็นใจและช่วยรับเลี้ยงสุนัขจรจัดเหล่านี้”
Yin Hang ผู้ก่อตั้งกลุ่มอนุรักษ์ทิเบตัน
ชะตาแสนเศร้าของ ทิเบตัน จากหมาสุดหรู 45 ล้าน ต้องกลายเป็นหมาจร เมื่อกระแสหมดลง
ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ (Tibetan Mastiff) สุนัขสายพันธุ์โบราณ
มีถิ่นกำเนิดบริเวณทิเบตไล่ไปจนถึงบริเวณเอเชียกลาง-ประเทศอินเดีย
มีชื่อเรียกในภาษาทิเบตว่า “Do-khyi” แปลว่า “สุนัขที่ต้องถูกล่ามไว้”
น้ำหนักเฉลี่ย 60-70 กก. ส่วนสูงเฉลี่ย 61-72 ซม. เป็นสุนัขที่รักเจ้าของมาก
แต่จะดุร้ายกับคนแปลกหน้า ดุร้ายในที่นี้หมายถึง กัดเอาตาย
ครั้งหนึ่งมันเคยกัดสตั๊นแมนในกองถ่ายหนัง ต้องเย็บถึง 31 เข็ม
และมีบาดแผลทั่วร่างกว่า 11 แห่ง
ในช่วงที่กำลังเป็นกระแส ประมาณปี 2013 – 2015
พวกมันเคยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ตัวละไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
บางตัวราคาทะลุไป 62 ล้านบาท สาเหตุของความแพงขนาดนี้
ก็เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความร่ำรวย ที่เศรษฐีซื้อมาอวดกัน
เป็นสุนัขหายากเพราะขยายพันธุ์ได้เพียงปีละ 1 ครั้ง เท่านั้น (พันธุ์แท้กับพันธุ์แท้)
ชาวจีนเชื่อว่า เป็นสัตว์พาหนะของเทพพระเจ้า บ้านไหนเลี้ยง จะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย
สร้างความเจริญรุ่งเรือง เสริมดวงค้าขาย
ฟอกเงิน (การเปลี่ยนเงินที่ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง ให้กลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่า
แล้วค่อยหาทางขายเปลี่ยนให้เป็นเงินสดทีหลัง)
จนกระทั่งกระแสการเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ซบเซาลง ทำให้สุนัขบางตัว
มีราคาเหลือเพียงตัวละ 50,000 บาท สาเหตุจากปัญหาความดุร้าย ที่ผู้เลี้ยงเอาใจใส่ไม่เพียงพอ
ปัญหาค่าใช้จ่ายในการดูแล เนื่องจากเป็นสุนัขที่ตัวใหญ่มาก ทำให้กินเยอะ
ซึ่งในแต่ละวันมันจะกินอาหารเท่ากับสุนัข 50 ตัว
ปัญหาสายพันธุ์ปลอม เจ้าของฟาร์มนำสายพันธุ์จริง
ไปผสมก็สุนัขสายพันธุ์อื่นแล้วมาหลอกขาย หวังรวยข้ามคืน
ทำให้คนหมดความเชื่อถือ ความนิยมจึงลดลง
เลี้ยงในที่แคบไม่ได้ และต้องพาออกกำลังกายอยู่เสมอ
เพื่อไม่ให้เกิดความเครียด แต่ผู้เลี้ยงไม่เคยศึกษา ทำให้พวกมันยิ่งก้าวร้าว
สุดท้ายเมื่ออยู่ไม่ได้จึงต้องนำไปทิ้ง เป็นภาระแก่คนอื่นต่อไป
เมื่อไม่มีความต้องการแถมยังกินเยอะ ทำให้เจ้าของฟาร์มส่วนใหญ่ตัดสินใจ
นำพวกมันไปปล่อยในหมู่บ้านต่างๆ จนตอนนี้จำนวนมันเยอะขึ้นๆ
สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านไปทั่ว แค่ในลาซา (เมืองหลวงของทิเบต) ที่เดียว
ก็มีสุนัขจรจัดสายพันธุ์นี้อยู่แล้วร่วม 10,000 ตัว !!!
ภาพโหดร้าย ขอใส่สปอยล์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
(เฉพาะในศูนย์ดูแลสุนัขจรจัด ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับสุนัข 2,000 ตัว
แต่ตอนนี้มีสุนัขสายพันธุ์ ทิเบตัน มาสทิฟฟ์ อยู่ถึง 7,000 ตัว
และตอนนี้พวกมันกำลังอดอยากเนื่องจากไม่มีงบอาหารเพียงพอ)
“ความนิยมในตลาด กระตุ้นให้คนหันมาเลี้ยงและเพาะพันธุ์ ทิเบตัน แมนทิฟฟ์ กันมาก
โดยคิดเอาว่าจะรวยได้ในชั่วข้ามคืน แต่เอาเข้าจริงๆ ก็มีแค่หยิบมือเท่านั้นที่สามารถทำกำไรได้จากธุรกิจนี้”
เคยมีชาวบ้านหลายคนถูกพวกมันทำร้าย ขณะเดียวกันมัน
ก็ยังเป็นปัญหาต่อระบบนิเวศด้วย เพราะมันไปล่าเหยื่อแข่งกับนักล่าที่มีอยู่ตามธรรมชาติ
และด้วยความที่ชาวธิเบตส่วนใหญ่นับถือพุทธการกำจัดหมาจรจึงไม่ใช่ทางเลือก
เราจึงหวังว่าชาวบ้านทั่วไปจะเห็นใจและช่วยรับเลี้ยงสุนัขจรจัดเหล่านี้”
Yin Hang ผู้ก่อตั้งกลุ่มอนุรักษ์ทิเบตัน
Source : http://www.flagfrog.com/tibetan-mastiffs-sad-story-dog/