คงไม่ใช่กระทู้รีวิวเต็มตัว แต่ก็ถือเป็นวันครบรอบ 32 ปีที่หนังเรื่องนี้ออกฉาย
https://en.wikipedia.org/wiki/Stand_by_Me_(film)
เรื่องราวที่หลายคนอาจเคยดูแล้ว แต่บางคนอาจไม่เคยดู เกี่ยวกับกลุ่มเด็กเพื่อนรัก ในวัย 12 ปี กลุ่ม 4 คนที่ออกตามหาศพของเด็กโชคร้ายในข่าว ซึ่งส่วนนี้คงไม่ใช่ความลับของหนัง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัย และ เรื่องราวระหว่างทางของเพื่อนกลุ่มนี้มากกว่า
ตัวละครที่อำลาโลกไปนานแล้ว อย่าง ริเวอร์ ฟีนิกซ์ ซึ่งถ้าหากยังมีชีวิตอยู่ ก็คงจะมีเส้นทางบนถนนฮอลลีวู้ดได้อีกยาวไกล ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายกับการอำลาจากไปก่อนเวลาอันควร ของ ผู้รับบท อินเดียน่า โจนส์ วัยเด็กคนนี้
ตัวหนังมีทั้งความ Realistic และ Fantasy ผสมกัน ระหว่าง การเดินทาง และเรื่องเล่ารอบกองไฟ บุคลิกของเด็ก 4 คนที่แตกต่างกัน แน่นอนต้องมีตัวลูกไล่ หนึ่ง มีผู้นำที่มีเพื่อนสนิท และ อีกหนึ่งที่คอยสนับสนุน หรือ ทำให้วงแตกประกอบอยู่ตามประสา หนัง ที่สร้างบุคลิกตามชีวิตจริงน่ะแหล่ะ
การดำเนินเรื่องเป็นแบบ Flash Back ของนักเขียนคนนึง ซึ่งรับบทโดย ริชาร์ด ไดรฟัสท์ ที่นึกย้อนถึงอดีต ขณะกำลังเขียนหนังสือ ถึงวัยเยาว์ ที่มีเพื่อนรัก เพื่อนสนิท ที่เคยร่วมเคียงบ่า เคียงไหล่ ผจญภัยนานา ทำให้ความสัมพันธ์ มันลึกซึ้ง เรียกว่า ฝัง อยู่ในความทรงจำไม่เคยลืม แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
ฉากสนุกๆ มีหลายฉาก แต่ถ้าไฮไลท์ ก็ต้อง บนสะพานรางรถไฟที่ข้ามแม่น้ำ ( สำหรับเด็กแล้ว แค่นั้นก็จำจนวันตายแน่นอน )
เวลาดูหนังเรื่องนี้ จะทำให้นึกถึงว่า เด็กผู้ชายสมัยก่อน ไม่มีเครื่องเล่นไฮเทค นั่งอยู่กับบ้านแล้วก็จิ้มคีย์บอร์ด หาความรู้ได้ มีแต่ต้องออกไป จอยกัน กับเพื่อนร่วมรุ่นแถวบ้าน แล้วก็ไปก่อเรื่อง กลับบ้านให้โดนด่ากันตามประสา ซึ่งในหนัง เด็ก 4 คน มีสภาพครอบครัวแตกต่างกัน (อยากให้ไปหาดูกันครับ ว่าแต่ละคนมีปัญหาอะไร ขอไม่สปอยล์ละกัน )
ปัญหาจากบ้าน รวมกับวัยที่ไร้เดียงสา และหัวใจรักการผจญภัยรวมถึง ต้องการพิสูจน์ตัวตน เป็นจุดที่ผู้กำกับ ร็อบ ไรเนอร์ คนดังด้านหนังดราม่าเบาๆ อย่าง The Princess Bride , Flipped แกเก่งเรื่องงดงามพวกนี้
หนังมีจุดที่ กลุ่มเด็กตัวละครหลัก ต้องตัดสินใจเผชิญหน้ากับ สิ่งที่เหนือกว่าตัวเอง คือ วัยรุ่นที่โตเต็มที่แล้ว ในฉากท้ายเรื่อง การเผชิญหน้ากันกลุ่มเด็กเล็กไม่ได้อยู่เคียงข้างกันทุกคน หนังแสดงให้เห็นว่า แม้จะเป็นเพื่อนกัน แต่ยามต้องวิ่ง ก็มีวิ่งหนีไปเหมือนกัน
แต่สุดท้ายแล้ว Stand by me ก็สมกับชื่อเรื่องในสถานการณ์ที่จำเป็นจริงๆ เพื่อนรักเท่านั้นที่จะยืนเคียงข้างกัน และไม่ถอย ถึงแม้ว่าจะมีอันตรายก็ตาม ( เรื่องนี้ดูแล้ว เกลียด คีเฟอร์ ซุท ไปโขเลยในตอนแรก ฉากนี้ดีมากครับ ที่พระเอกวัยเด็กของเรา บอกกับ คีเฟอร์ ว่า ไม่สนใจคนอื่น จะมีเรื่องกับ คีเฟอร์ คนเดียว ) ลองไปหาดูครับ
ตอนเด็กๆ ผมเชื่อว่าหลายคนคงจะมีเพื่อนแบบนี้ คือ เคียงบ่า เคียงไหล่ไปไหนไปกัน ก่อเรื่องบ้างตามความพอดี ( ไม่เป็นคดี ) โดนครูตี ผู้ปกครองด่า ให้ได้รำลึกถึง แล้ว พอถึงวัยทำงาน ได้กลับมาเจอกัน ยิ่งถ้าหายหน้ากันไปนานๆ แล้วได้คุยเรื่องอดีต เราจะรู้เลยจริงๆว่า มิตรภาพในยุคสมัยที่ การคบเพื่อนไม่ต้องดูฐานะ และ ผลประโยชน์ คบกันด้วยความถูกชะตาและนิสัยใจคอนั้น มันช่างสวยงามเสียนี่กระไร
หากมีโอกาสอีกสักครั้ง ก็อยากเจอเพื่อนสนิทสมัยเรียนอีกครั้ง นั่งคุยเรื่องเก่าๆกัน ว่ามั้ยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ
Stand by me เพื่อนรัก เพื่อนแท้ ( หนังเก่า 1986 )
เรื่องราวที่หลายคนอาจเคยดูแล้ว แต่บางคนอาจไม่เคยดู เกี่ยวกับกลุ่มเด็กเพื่อนรัก ในวัย 12 ปี กลุ่ม 4 คนที่ออกตามหาศพของเด็กโชคร้ายในข่าว ซึ่งส่วนนี้คงไม่ใช่ความลับของหนัง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัย และ เรื่องราวระหว่างทางของเพื่อนกลุ่มนี้มากกว่า
ตัวละครที่อำลาโลกไปนานแล้ว อย่าง ริเวอร์ ฟีนิกซ์ ซึ่งถ้าหากยังมีชีวิตอยู่ ก็คงจะมีเส้นทางบนถนนฮอลลีวู้ดได้อีกยาวไกล ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายกับการอำลาจากไปก่อนเวลาอันควร ของ ผู้รับบท อินเดียน่า โจนส์ วัยเด็กคนนี้
ตัวหนังมีทั้งความ Realistic และ Fantasy ผสมกัน ระหว่าง การเดินทาง และเรื่องเล่ารอบกองไฟ บุคลิกของเด็ก 4 คนที่แตกต่างกัน แน่นอนต้องมีตัวลูกไล่ หนึ่ง มีผู้นำที่มีเพื่อนสนิท และ อีกหนึ่งที่คอยสนับสนุน หรือ ทำให้วงแตกประกอบอยู่ตามประสา หนัง ที่สร้างบุคลิกตามชีวิตจริงน่ะแหล่ะ
การดำเนินเรื่องเป็นแบบ Flash Back ของนักเขียนคนนึง ซึ่งรับบทโดย ริชาร์ด ไดรฟัสท์ ที่นึกย้อนถึงอดีต ขณะกำลังเขียนหนังสือ ถึงวัยเยาว์ ที่มีเพื่อนรัก เพื่อนสนิท ที่เคยร่วมเคียงบ่า เคียงไหล่ ผจญภัยนานา ทำให้ความสัมพันธ์ มันลึกซึ้ง เรียกว่า ฝัง อยู่ในความทรงจำไม่เคยลืม แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม
ฉากสนุกๆ มีหลายฉาก แต่ถ้าไฮไลท์ ก็ต้อง บนสะพานรางรถไฟที่ข้ามแม่น้ำ ( สำหรับเด็กแล้ว แค่นั้นก็จำจนวันตายแน่นอน )
เวลาดูหนังเรื่องนี้ จะทำให้นึกถึงว่า เด็กผู้ชายสมัยก่อน ไม่มีเครื่องเล่นไฮเทค นั่งอยู่กับบ้านแล้วก็จิ้มคีย์บอร์ด หาความรู้ได้ มีแต่ต้องออกไป จอยกัน กับเพื่อนร่วมรุ่นแถวบ้าน แล้วก็ไปก่อเรื่อง กลับบ้านให้โดนด่ากันตามประสา ซึ่งในหนัง เด็ก 4 คน มีสภาพครอบครัวแตกต่างกัน (อยากให้ไปหาดูกันครับ ว่าแต่ละคนมีปัญหาอะไร ขอไม่สปอยล์ละกัน )
ปัญหาจากบ้าน รวมกับวัยที่ไร้เดียงสา และหัวใจรักการผจญภัยรวมถึง ต้องการพิสูจน์ตัวตน เป็นจุดที่ผู้กำกับ ร็อบ ไรเนอร์ คนดังด้านหนังดราม่าเบาๆ อย่าง The Princess Bride , Flipped แกเก่งเรื่องงดงามพวกนี้
หนังมีจุดที่ กลุ่มเด็กตัวละครหลัก ต้องตัดสินใจเผชิญหน้ากับ สิ่งที่เหนือกว่าตัวเอง คือ วัยรุ่นที่โตเต็มที่แล้ว ในฉากท้ายเรื่อง การเผชิญหน้ากันกลุ่มเด็กเล็กไม่ได้อยู่เคียงข้างกันทุกคน หนังแสดงให้เห็นว่า แม้จะเป็นเพื่อนกัน แต่ยามต้องวิ่ง ก็มีวิ่งหนีไปเหมือนกัน
แต่สุดท้ายแล้ว Stand by me ก็สมกับชื่อเรื่องในสถานการณ์ที่จำเป็นจริงๆ เพื่อนรักเท่านั้นที่จะยืนเคียงข้างกัน และไม่ถอย ถึงแม้ว่าจะมีอันตรายก็ตาม ( เรื่องนี้ดูแล้ว เกลียด คีเฟอร์ ซุท ไปโขเลยในตอนแรก ฉากนี้ดีมากครับ ที่พระเอกวัยเด็กของเรา บอกกับ คีเฟอร์ ว่า ไม่สนใจคนอื่น จะมีเรื่องกับ คีเฟอร์ คนเดียว ) ลองไปหาดูครับ
ตอนเด็กๆ ผมเชื่อว่าหลายคนคงจะมีเพื่อนแบบนี้ คือ เคียงบ่า เคียงไหล่ไปไหนไปกัน ก่อเรื่องบ้างตามความพอดี ( ไม่เป็นคดี ) โดนครูตี ผู้ปกครองด่า ให้ได้รำลึกถึง แล้ว พอถึงวัยทำงาน ได้กลับมาเจอกัน ยิ่งถ้าหายหน้ากันไปนานๆ แล้วได้คุยเรื่องอดีต เราจะรู้เลยจริงๆว่า มิตรภาพในยุคสมัยที่ การคบเพื่อนไม่ต้องดูฐานะ และ ผลประโยชน์ คบกันด้วยความถูกชะตาและนิสัยใจคอนั้น มันช่างสวยงามเสียนี่กระไร
หากมีโอกาสอีกสักครั้ง ก็อยากเจอเพื่อนสนิทสมัยเรียนอีกครั้ง นั่งคุยเรื่องเก่าๆกัน ว่ามั้ยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ