“เชอรี่ เข็มอัปสร” เผยเล่น “กระทิง” ทิ้งทวน เป็นละครเรื่องสุดท้าย ตั้งใจไม่รับละครแล้ว บอกมีโมเมนต์เบื่อๆ เชื่อทุกอาชีพถึงจุดเปลี่ยนแปลง ลั่นหลงเสน่ห์งานด้านสิ่งแวดล้อม ใช้เงินน้อยลง มีอิสระมากขึ้น ชั่งใจเรื่องวิวาห์ อยากดูแลครอบครัว โชคดีหวานใจมีความเห็นสอดคล้อง เชื่อ “แอน ทองประสม” แต่งก่อน อนาคตไม่มีลูก
3 ปีที่ห่างหายไปจากหน้าจอ หลังจากจบละครเรื่อง “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” นางเอกสาว “เชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ” ก็ไม่รับละครอีกเลย นอกจากจะเห็นตามงานเพื่อสังคม เพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อผืนป่า ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าตั้งใจจะไม่รับละครอีกต่อไปแล้ว ทุกอาชีพต้องมีจุดที่เปลี่ยนแปลง
“คิดว่าจะไม่รับ นอกจากว่ามีเรื่องที่รู้สึกว่าไม่รับไม่ได้แล้ว ณ ตอนนี้ไม่รับ เรื่องนี้ตัดสินใจไม่นาน เพราะจริงๆ เรื่องนี้ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ตอนเล่นละคร เรื่องกระทิงว่าละครเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายที่เราเล่น ตอนนั้นจึงทำทุกๆ ฉาก และทุกโมเมนต์ให้ดีที่สุด ให้เก็บไว้เป็นความทรงจำเพราะไม่รู้ว่าเราจะรับละครอีกเมื่อไหร่”
“ทุกอาชีพมันจะมีจุดที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่แต่เราก็ต้องเตรียมพร้อมว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ ถ้าเป็นแฟนคลับที่ตามกันอยู่ตลอดแบบนี้ เขาเลิกถามแล้ว แต่ทุกคนเปลี่ยนแปลง และปรับตัวได้เร็ว ทุกคนไม่กดดันไม่ถามอีกว่าจะเล่นละครเมื่อไหร่ เวลาที่เราเปลี่ยนบทบาทเราไปงานด้านวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมงานป่าไม้ทุกคนก็ตามไปซับพอร์ตไปสร้างฝายทุกคนก็ไปเป็นแรงงาน ดูเขาสนุกและปรับตัวได้เป็นอย่างดี”
ไม่อยากใช้คำว่าอิ่มตัว แค่ไม่อยากฝืน มีบางโมเมนต์ที่เบื่อ
“ไม่อยากใช้คำว่าอิ่มตัวเราแค่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามันมีเรื่องที่เราสนใจทุกอย่างลงตัว แต่ถ้ามันยังไม่มาเราก็ไม่อยากจะฝืนเพราะว่าการฝืนมันไม่มีอะไรดีกับใครแม้แต่ฝ่ายเดียว เราไม่ได้เบื่อหรอก เพราะมันก็มีบางเรื่องที่เป็นเสน่ห์ของมัน บางทีก็มีโมเมนต์ขอความน่าเบื่อ มันไม่ได้มีแค่ด้านเดียว”
หลงเสน่ห์งานด้านสิ่งแวดล้อม
“ตอนนี้ก็มีวิทยากร เรื่องของสิ่งแวดล้อม เหมือนอยู่กันคนละโลก เรื่องของสิ่งแวดล้อมมันมีทั้งที่เราต้องลงไปอยู่กับธรรมชาติ และเรื่องที่เราต้องอยู่กับวิชาการ มันเป็นคนละโลกกับที่เราทำมา มันเป็นอะไรที่เราตื่นตาตื่นใจ ในการที่เราจะได้เรียนรู้”
รายได้จากงานในวงการและการลงทุน ทำให้อยู่ได้ไม่เดือดร้อน รับใช้เงินน้อยลง
“งานในวงการก็ยังมีอยู่ เป็นพรีเซ็นเตอร์ รายได้จากวงการนี้ก็ยังมีอยู่ และรายได้จากการลงทุนของเรา มันก็อยู่ได้ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แล้วมันก็ทำให้เราได้มีเวลาได้คิดทำอะไรได้ มีอิสระทางการเงิน ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยน แต่การใช้ชีวิตมันเปลี่ยนแปลงไปจากการที่ได้เห็นชีวิตคน ทำให้การใช้เงินของเราเปลี่ยนไป ใช้เงินน้อยลง เมื่อก่อนเราจะใช้เรื่องเกี่ยวกับแฟชั่น ตอนนี้งานที่เราทำก็ไม่ได้ใช้เงินของเราทั้งหมด บางโครงการก็จะมีสปอนเซอร์”
ชีวิตส่วนตัวอิสระขึ้น มีช่วงจังหวะที่ดี
“มีเวลาให้มากขึ้น เพราะชีวิตเราตอนนี้ง่ายต่อการจัดสรรเวลา เพราะทุกอย่างเราเลือกได้เอง ในการที่เราจะใช้ชีวิตแบบไหน เราจะสั่งได้ว่าเราใช้เวลากับสิ่งไหน มันเป็นอิสระถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่ดีในระดับหนึ่งที่เราพอใจ เรามีเวลาสนุกสนานกับเพื่อนกับแฟนได้มีเวลาสร้างคุณค่าให้กับคน แต่ชีวิตคนเราไม่แน่นอนถ้าเราสามารถสะสมสิ่งต่างๆในแง่ของการให้อยู่เรื่อยๆ เราไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสทำแบบนี้ได้ถึงแค่ไหน”
“ตอนนี้เรามีความสุขในการที่จะเลือกที่จะทำ เราทำงานมาตั้งแต่อายุ 15-16 ปี แต่รายการที่เราต้องทำเพราะเราเกรงใจหลายๆ งานที่เราต้องทำเพราะไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ตอนนี้เราสามารถบอกความต้องการของเราได้ชัดเจน ว่าตอนนี้เหมาะหรือไม่เหมาะที่จะทำงานนี้”
ชั่งใจเรื่องแต่งงาน อยากกอบโกยโมเมนต์เป็นลูกน้อยของพ่อ อยู่ใกล้ชิดดูแลครอบครัว
“สมมุติว่าถ้าจะต้องย้ายไปอยู่ด้วยกันถึงตอนนั้นก็คงต้องแต่งงานตามประเพณี แต่ตอนนี้ไม่ได้ย้ายหรือเปลี่ยนแปลงเอาจริงๆ ตอนนี้มันอยู่ในระหว่างการชั่งใจของเรา มันเป็นธรรมดาของทุกคนเชื่อต้องออกไปมีครอบครัวของตัวเองและก็ต้องมีการบริหารจัดการดูแลคุณพ่อคุณแม่ในแบบใหม่ แต่สำหรับตัวเราเองมีความรู้สึกว่าอยากที่จะกอบโกยโมเมนต์ตรงนี้อยู่การที่จะเป็นลูกน้อยของคุณพ่ออยู่อยากได้ดูแลอยากได้ใกล้ชิด อยากได้กู้ดไนท์ก่อนนอน อยู่ได้กอดได้หอมกันอยู่ทุกวัน เราก็รู้สึกว่าอีกแป๊บนะ แป๊บมานานแล้วเหมือนกันก็ต้องรอดูค่ะ”
รับพ่อไม่อยากให้แต่งงานด้วย
“คุณพ่อติดเรา เขาก็พูดชัดเจนว่าไม่อยากให้แต่ง อยากให้อยู่ด้วยกับเขา แต่มาหลังๆ เริ่มแผ่ว ไม่รู้มาจากอายุของลูกที่เริ่มมากขึ้นหรือเปล่าแต่เขาก็ดูแฮปปี้ที่นี้เราดูแลเขาอยู่ใกล้ๆ”
แฮปปี้ แฟนมีความคิดสอดคล้องกัน
“เขาเข้าใจเราก็คุยกัน เขาเองก็ต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่ครอบครัวของเขาเหมือนกัน เราโชคดีที่ได้เจอคนที่มีความคิดสอดคล้องกัน”
“ถ้าแต่งเข้าบ้านเราก็ต้องเป็นห่วงเขาเนอะ (หัวเราะ) เราเห็นใจคนที่จะเข้ามาเพราะว่าพ่อของเราก็ไม่ได้ง่ายเหมือนกันเรื่องนี้ ค่อยๆ คิดไป เชื่อว่าเวลามันจะมีคำตอบของมันเองว่ามันจะเป็นรูปแบบไหน”
เชื่อ “แอน ทองประสม” แต่งงานก่อน ไม่อยากพูดไปก่อนเพราะรักษาสัจจะ ตั้งใจไม่เอาลูก
“เคยคุยกับพี่แอนก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา แต่พี่แอนเขาก็มีชัดเจนแล้วที่ประกาศไป แต่เรายังไม่เคยพูดว่าเป็นเมื่อไหร่ เพราะว่าเป็นคนที่พูดออกไปแล้วรักษาคำพูด ค่อนข้างถือสัจจะของตัวเองในสิ่งที่เราพูด เราก็ชอบที่จะทำให้ได้ อะไรที่ยังไม่แน่ใจจึงไม่กล้าที่จะฟันธงโดยเฉพาะเรื่องนี้ (เป็นห่วงเรื่องการมีลูกมั้ย?) ไม่ค่ะเพราะไม่ได้ตั้งใจที่จะมีลูก ทำให้ไม่มีความกดดันก็เลี้ยงหลานไปก่อน”
ข่าวจาก : MGR Online
https://mgronline.com/entertainment/detail/9610000079372
“เชอรี่” สุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่แต่ง ไม่เอาลูก อุทิศทั้งชีวิตเพื่อครอบครัว-สิ่งแวดล้อม ลั่นไม่รับละครอีกต่อไปแล้ว
“เชอรี่ เข็มอัปสร” เผยเล่น “กระทิง” ทิ้งทวน เป็นละครเรื่องสุดท้าย ตั้งใจไม่รับละครแล้ว บอกมีโมเมนต์เบื่อๆ เชื่อทุกอาชีพถึงจุดเปลี่ยนแปลง ลั่นหลงเสน่ห์งานด้านสิ่งแวดล้อม ใช้เงินน้อยลง มีอิสระมากขึ้น ชั่งใจเรื่องวิวาห์ อยากดูแลครอบครัว โชคดีหวานใจมีความเห็นสอดคล้อง เชื่อ “แอน ทองประสม” แต่งก่อน อนาคตไม่มีลูก
3 ปีที่ห่างหายไปจากหน้าจอ หลังจากจบละครเรื่อง “เสือ สิงห์ กระทิง แรด” นางเอกสาว “เชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ” ก็ไม่รับละครอีกเลย นอกจากจะเห็นตามงานเพื่อสังคม เพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อผืนป่า ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าตั้งใจจะไม่รับละครอีกต่อไปแล้ว ทุกอาชีพต้องมีจุดที่เปลี่ยนแปลง
“คิดว่าจะไม่รับ นอกจากว่ามีเรื่องที่รู้สึกว่าไม่รับไม่ได้แล้ว ณ ตอนนี้ไม่รับ เรื่องนี้ตัดสินใจไม่นาน เพราะจริงๆ เรื่องนี้ตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ตอนเล่นละคร เรื่องกระทิงว่าละครเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายที่เราเล่น ตอนนั้นจึงทำทุกๆ ฉาก และทุกโมเมนต์ให้ดีที่สุด ให้เก็บไว้เป็นความทรงจำเพราะไม่รู้ว่าเราจะรับละครอีกเมื่อไหร่”
“ทุกอาชีพมันจะมีจุดที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่แต่เราก็ต้องเตรียมพร้อมว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ ถ้าเป็นแฟนคลับที่ตามกันอยู่ตลอดแบบนี้ เขาเลิกถามแล้ว แต่ทุกคนเปลี่ยนแปลง และปรับตัวได้เร็ว ทุกคนไม่กดดันไม่ถามอีกว่าจะเล่นละครเมื่อไหร่ เวลาที่เราเปลี่ยนบทบาทเราไปงานด้านวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมงานป่าไม้ทุกคนก็ตามไปซับพอร์ตไปสร้างฝายทุกคนก็ไปเป็นแรงงาน ดูเขาสนุกและปรับตัวได้เป็นอย่างดี”
ไม่อยากใช้คำว่าอิ่มตัว แค่ไม่อยากฝืน มีบางโมเมนต์ที่เบื่อ
“ไม่อยากใช้คำว่าอิ่มตัวเราแค่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามันมีเรื่องที่เราสนใจทุกอย่างลงตัว แต่ถ้ามันยังไม่มาเราก็ไม่อยากจะฝืนเพราะว่าการฝืนมันไม่มีอะไรดีกับใครแม้แต่ฝ่ายเดียว เราไม่ได้เบื่อหรอก เพราะมันก็มีบางเรื่องที่เป็นเสน่ห์ของมัน บางทีก็มีโมเมนต์ขอความน่าเบื่อ มันไม่ได้มีแค่ด้านเดียว”
หลงเสน่ห์งานด้านสิ่งแวดล้อม
“ตอนนี้ก็มีวิทยากร เรื่องของสิ่งแวดล้อม เหมือนอยู่กันคนละโลก เรื่องของสิ่งแวดล้อมมันมีทั้งที่เราต้องลงไปอยู่กับธรรมชาติ และเรื่องที่เราต้องอยู่กับวิชาการ มันเป็นคนละโลกกับที่เราทำมา มันเป็นอะไรที่เราตื่นตาตื่นใจ ในการที่เราจะได้เรียนรู้”
รายได้จากงานในวงการและการลงทุน ทำให้อยู่ได้ไม่เดือดร้อน รับใช้เงินน้อยลง
“งานในวงการก็ยังมีอยู่ เป็นพรีเซ็นเตอร์ รายได้จากวงการนี้ก็ยังมีอยู่ และรายได้จากการลงทุนของเรา มันก็อยู่ได้ไม่ได้เดือดร้อนอะไร แล้วมันก็ทำให้เราได้มีเวลาได้คิดทำอะไรได้ มีอิสระทางการเงิน ไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยน แต่การใช้ชีวิตมันเปลี่ยนแปลงไปจากการที่ได้เห็นชีวิตคน ทำให้การใช้เงินของเราเปลี่ยนไป ใช้เงินน้อยลง เมื่อก่อนเราจะใช้เรื่องเกี่ยวกับแฟชั่น ตอนนี้งานที่เราทำก็ไม่ได้ใช้เงินของเราทั้งหมด บางโครงการก็จะมีสปอนเซอร์”
ชีวิตส่วนตัวอิสระขึ้น มีช่วงจังหวะที่ดี
“มีเวลาให้มากขึ้น เพราะชีวิตเราตอนนี้ง่ายต่อการจัดสรรเวลา เพราะทุกอย่างเราเลือกได้เอง ในการที่เราจะใช้ชีวิตแบบไหน เราจะสั่งได้ว่าเราใช้เวลากับสิ่งไหน มันเป็นอิสระถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่ดีในระดับหนึ่งที่เราพอใจ เรามีเวลาสนุกสนานกับเพื่อนกับแฟนได้มีเวลาสร้างคุณค่าให้กับคน แต่ชีวิตคนเราไม่แน่นอนถ้าเราสามารถสะสมสิ่งต่างๆในแง่ของการให้อยู่เรื่อยๆ เราไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสทำแบบนี้ได้ถึงแค่ไหน”
“ตอนนี้เรามีความสุขในการที่จะเลือกที่จะทำ เราทำงานมาตั้งแต่อายุ 15-16 ปี แต่รายการที่เราต้องทำเพราะเราเกรงใจหลายๆ งานที่เราต้องทำเพราะไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ตอนนี้เราสามารถบอกความต้องการของเราได้ชัดเจน ว่าตอนนี้เหมาะหรือไม่เหมาะที่จะทำงานนี้”
ชั่งใจเรื่องแต่งงาน อยากกอบโกยโมเมนต์เป็นลูกน้อยของพ่อ อยู่ใกล้ชิดดูแลครอบครัว
“สมมุติว่าถ้าจะต้องย้ายไปอยู่ด้วยกันถึงตอนนั้นก็คงต้องแต่งงานตามประเพณี แต่ตอนนี้ไม่ได้ย้ายหรือเปลี่ยนแปลงเอาจริงๆ ตอนนี้มันอยู่ในระหว่างการชั่งใจของเรา มันเป็นธรรมดาของทุกคนเชื่อต้องออกไปมีครอบครัวของตัวเองและก็ต้องมีการบริหารจัดการดูแลคุณพ่อคุณแม่ในแบบใหม่ แต่สำหรับตัวเราเองมีความรู้สึกว่าอยากที่จะกอบโกยโมเมนต์ตรงนี้อยู่การที่จะเป็นลูกน้อยของคุณพ่ออยู่อยากได้ดูแลอยากได้ใกล้ชิด อยากได้กู้ดไนท์ก่อนนอน อยู่ได้กอดได้หอมกันอยู่ทุกวัน เราก็รู้สึกว่าอีกแป๊บนะ แป๊บมานานแล้วเหมือนกันก็ต้องรอดูค่ะ”
รับพ่อไม่อยากให้แต่งงานด้วย
“คุณพ่อติดเรา เขาก็พูดชัดเจนว่าไม่อยากให้แต่ง อยากให้อยู่ด้วยกับเขา แต่มาหลังๆ เริ่มแผ่ว ไม่รู้มาจากอายุของลูกที่เริ่มมากขึ้นหรือเปล่าแต่เขาก็ดูแฮปปี้ที่นี้เราดูแลเขาอยู่ใกล้ๆ”
แฮปปี้ แฟนมีความคิดสอดคล้องกัน
“เขาเข้าใจเราก็คุยกัน เขาเองก็ต้องดูแลคุณพ่อคุณแม่ครอบครัวของเขาเหมือนกัน เราโชคดีที่ได้เจอคนที่มีความคิดสอดคล้องกัน”
“ถ้าแต่งเข้าบ้านเราก็ต้องเป็นห่วงเขาเนอะ (หัวเราะ) เราเห็นใจคนที่จะเข้ามาเพราะว่าพ่อของเราก็ไม่ได้ง่ายเหมือนกันเรื่องนี้ ค่อยๆ คิดไป เชื่อว่าเวลามันจะมีคำตอบของมันเองว่ามันจะเป็นรูปแบบไหน”
เชื่อ “แอน ทองประสม” แต่งงานก่อน ไม่อยากพูดไปก่อนเพราะรักษาสัจจะ ตั้งใจไม่เอาลูก
“เคยคุยกับพี่แอนก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา แต่พี่แอนเขาก็มีชัดเจนแล้วที่ประกาศไป แต่เรายังไม่เคยพูดว่าเป็นเมื่อไหร่ เพราะว่าเป็นคนที่พูดออกไปแล้วรักษาคำพูด ค่อนข้างถือสัจจะของตัวเองในสิ่งที่เราพูด เราก็ชอบที่จะทำให้ได้ อะไรที่ยังไม่แน่ใจจึงไม่กล้าที่จะฟันธงโดยเฉพาะเรื่องนี้ (เป็นห่วงเรื่องการมีลูกมั้ย?) ไม่ค่ะเพราะไม่ได้ตั้งใจที่จะมีลูก ทำให้ไม่มีความกดดันก็เลี้ยงหลานไปก่อน”
ข่าวจาก : MGR Online
https://mgronline.com/entertainment/detail/9610000079372