▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ภาพถ่ายทิวทัศน์
บันทึกนักเดินทาง
เลห์ ลาดักห์
สถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศ
ประเทศอินเดีย
[CR] .............Leh in my memory 3-7 July No. 4 Road to Pangong Lake
จากสามตอนแรก วันนี้เราจะเดินทางไกลไปทะเลสาบ แปงกอง. สูง4350 เมตรจากระดับน้ำทะเล 147 กม.จากเลห์
แปงกอง คือทะเลสาบในหุบเขาของพื้นที่ลุ่มน้ำตอนบนของแม่น้ำสินธุ ถือเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ใหญ่ที่สุดของระบบนิเวศทะเลทราย Trans-Himalayan ทะเลสาบแห่งนี้ถูกแบ่งเป็นสองส่วนระหว่างลาดักห์และทิเบต ภายใต้สนธิสัญญาที่ลงนามระหว่าง Tingmosgang กษัตริย์แห่งลาดักห์ และ Deldan Namgyal ผู้สำเร็จราชการแห่งทิเบต เมื่อปี 1684 ณ วันนี้จึงถูกใช้ร่วมกันโดยจีนและอินเดีย
ผืนน้ำกว้างใหญ่ที่มองเห็นนี้มีขนาด 700 ตารางกิโลเมตร มีความยาว 130 กิโลเมตร กว้าง 6-7 กิโลเมตร 30 เปอร์เซ็นต์ของทะเลสาบอยู่ในเขตลาดักห์ อีก 70 เปอร์เซ็นต์ต่อเนื่องสู่ที่ราบสูงทิเบต-ชิงไห่ ประเทศจีน
การเดินทางของเราเริ่มจากวันฟ้าใสๆ อากาศ ต้นเดือนกค. ที่นี่คือสิบกว่าองศานิดๆ ลมเย็นมากๆ ้รใช้เวลาเดินทางหลายชม.มากเพราะแวะวัด แวะจุดผ่าน changla ที่จริงขับรถรวดเดียวน่าจะสี่ชม. แต่เราแวะๆๆๆ เห็นอะไรสวยก็หยุดถ่ายรูปใช้เวลาไปแปดชม. แต่ไม่มีเบื่อเลย วิวข้างทางสวยมากๆ ผ่านโอเอซิส ของภูเขาที่หิมะละลายเกือบหมดแล้ว กลายเป็นต้นไม้สีเขียวๆ
จุดแรกๆ ที่แวะหลังจากออกจากเขตเมืองคือ จุดที่เจอ จามรี กินหญ้าอยู่เป็น หุบเขาตื้นๆ แต่ด้วยความลืมตัววิ่งลงไป ตื่นเต้นกับจามรี
หอบแฮกๆเลยเพราะน่าจะไต่ความสูงซักสี่พันเมตรได้ เงยหน้าขึ้นมาจะเห็นรถที่เรามาจอดอยู่บนถนน แต่ เดินกลับนี่เกือบตายหอบเลยทีเดียว
แต่ฟ้าสวยมาก และ เห็นปลายภูเขาที่มีหิมะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามความสูงที่เรามากัน
จุด เชคพ้อยท์ สองที่ทุกคนที่ผ่าน ถนน ชางลา ต้องจอดคือ จุดที่ถนน สูงเป็นที่สองของโลก หมายถึงถนนที่รถวิ่งผ่านได้นะคะ
Changla pass 5360 เมตรจากระดับน้ำทะเล คือออกจากรถงี้ หนาวมาก หลังคา ร้านขายของยังมีน้ำแข็งเกาะ
คนเยอะมาก และแดดแรงมากเช่นกัน. ห้องน้ำที่นี่จะเยินหน่อยแต่มีประตู แบบต้องให้เพื่อนไปยืนเฝ้าหน้าประตูเป็นส้วมหลุมไม่มีคอห่านไดๆฮา
ออกจากชางลา ก็เริ่มลงเขาแล้วค่ะ ดูวิว กรี๊ดกราดกันไป บ้านเราไม่มีแบบนี้ แวะทานข้าวกลางวันกันที่หมูบ้าน
อะไรก็จำชื่อไม่ได้ คนขับรถขอพักทานข้าวแป๊ป
หลังจากนั้นเราก็ไปต่อ ถนนจะราบไปเรือยๆ ค่ะไม่มีขึ้นเขาสูงๆอีก ถนนค่อนข้างดีไปตลอดทาง มีเฉพาะบางช่วงที่ซ่อม
แต่ สิ่งที่ทำให้เราต้องจอดดดดด. รถคือ ตัว มาร์มอต สัตว์จำพวก กะรอก ที่มีขนาดใหญ่ คือมันอ้วนมาก และไม่แคร์สิ่งได
หลังจากนั้นเราก็นั่งรถกันยาวๆ ให้ถึงที่หมาย ของเรา โอ๊ยกรี๊ดดด ถึงแล้ว หายเหนื่อยเลย แปงกองจ๋าพี่มาแว้ววว
ไปดูที่พักกันก่อน เนื่องจาก กลุ่มเราตกลงกันว่าจะค้างเพื่อ คุ้มเวลาที่มาไกลค่ะ เลยจองที่พักนอน สามคนน แบบเต้นท์
คือ ผ้าห่มหนาหนักมาก แต่ๆๆๆ หนาวมาก นอนไม่หลับ หายใจแบบคนเป็นหวัดเลยค่ะ ไฟเปิดเป็นเวลา น้ำเย็นเจี๊ยบ ไม่ต้องอาบน้ำค่ะ เชื่อเถอะไม่มีคนอาบหรอก รวมถึงจขกท.ด้วย แต่วิวที่พักที่เราเห็น ตอนค่ำ กะตอนพระอาทิตย์ขึ้นงี้สวยจริงๆ รูปถ่ายไม่ได้เท่าครึ่งของตาเห็นค่ะ ทะเลสาปจะเป็นด้านพระอาทิตย์ขึ้น เราก็จะไม่เห็นพระอาทิย์ตกน้ำ และตีสองฟ้าก็สางแล้ว นี่สินะการมาอยู่ท่ามกลางเทิอกเขาหิมาลัย มันเป็นแบบนี้นี่เอง
หลังจากนั้นก็ชมวิวไปค่ะ เนื่องจากทะเลสาป กว้างมาก เราเดินได้แค่เศษเสี้ยวเท่านั้น จึงเก็บภาพเท่าที่มองเห็นในโซนที่เราอยู่มาค่ะ
สิ่งที่จะเตือนคือ ปลั๊กไฟค่ะ ในเต้นท์ไม่มี มีที่ท่นข้าวเท่านั้นและไฟปั่น ทุกคนก็คือต้องแย่งกันใช้ กล้องแบตหมดโชคดีที่มีกล้องไปเสริม
เลย ไม่ค่อยเดือดร้อน และแบตหมดเร็วกว่าพื้นราบด้วย ไม่เข้าใจเหมือนกัน พยายาม พกแบตสำรองไปค่ะ จะดีที่สุด
สองคือ หนาวมาก คนเมืองร้อนแบบบ้านเรา โอ๊ยไม่ไหว จขกท.ใส่เสื้อ สามชั้น ถุงมืถุงเท้ายังรู้สุกหนาวอยู่เลย กระบอกน้ำร้อนที่เก็บความร้อนได้นานๆจะมีประโยชน์มากค่ะ คือดึกมานิ้วชา ต้องเอาน้ำอุ่นมาประคบ หน้าหนาวนี่ไม่มาแน่ๆ
พระอาทิตย์ขึ้นเร็วและแรงมากหน้าเต้นท์เลย
ขอต่อ อีกหนึ่งช่องค่ะ หมด กำลังของหน้านี้แล้ว รูปเยอะเกิน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้