**ถอดล็อกอินค่ะ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนแต่อยากหาวิธีแก้ไขค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นสะใภ้โตที่อยู่กับครอบครัวสามีมานาน 10 ปีขึ้น+คบกับแฟนตั้งแต่เรียนค่ะ จดทะเบียนไว้เฉยๆไม่ได้จัดงานเพราะอยากประหยัด ส่วนน้องสะใภ้มาทีหลังเราประมาณ 3 ปี แต่อายุน้อยกว่าเรามากเพิ่งเรียนจบ แรกๆเค้าก็จะเงียบๆไม่ค่อยพูด ค่อนข้างบอบบาง แพ้ทุกอย่าง แพ้อาหาร แพ้แดด แพ้ลม แพ้เสียงดัง แพ้กลิ่น แพ้ฝุ่น ฯลฯ แต่งตัวเก่ง แรกๆเราก็ค่อนข้างเอ็นดูนะเพราะอายุห่างกันและอายุใกล้เคียงกับน้องเราด้วย ครอบครัวแฟนเป็นกงสีญาติอยู่ร่วมกันทำธุรกิจหลากหลาย เรารับผิดชอบ 1 ธุรกิจในกงสีเงินเข้าส่วนรวม ส่วนสามีทำงานนอกบ้าน(เพราะอยากมีเงินเก็บของตัวเอง) เป็นกงสีที่ไม่ตึงค่ะพ่อแม่และญาติสามีใจดีเรียบง่าย เราค่อนข้างสนิทกับแม่สามีเพราะเห็นท่านขยัน ใจดีและทำอาหาร ซักผ้า ทำงานบ้านให้กับทุกคน เราจึงพยายามช่วยท่านเสมอ พยายามช่วยงานบ้าน พาไปเที่ยว ทำเหมือนแม่ตัวเองเลยเพราะรู้สึกโชคดีที่เจอแม่สามีแบบนี้
แต่ไม่นานทุกอย่างก็เปลี่ยนไป..เมื่อน้องสะใภ้เริ่มมาบ้านมากขึ้นและเริ่มค้างแรมที่นี่ ซักชั้นในตากหน้าบ้าน ไม่ทำงานอะไรเลย น้องชายแฟนก็ไม่ห้าม และน้องชายแฟนเริ่มนิสัยเปลี่ยนไปด้วย (น้องชายเรียนจบสูงในม.ดัง จบมาเป็นดร.) เค้าเริ่มทำเหมือนว่าเก่งกว่าทุกคน มีความรู้มากกว่า ใครว่าไม่ได้ สามีเราเริ่มไม่อยากยุ่งมาก เราจึงขอย้ายไปอยู่ที่ทำงานเพื่อลดการปะทะ และน้องสะใภ้ก็เข้ามาอยู่เต็มตัวและเริ่มอยากมีธุรกิจในกงสีบ้าง น้องชายแฟนเริ่มมาหาเรื่องทะเลาะกับเราและสามีที่ทำงานบ่อยๆจนสุดท้ายเราจึงสละทุกสิ่ง ไปซื้อบ้านอยู่ตั้งหากที่ไกลๆและเราก็หางานทำ จะไปบ้านแฟนแค่เสาร์-อาทิตย์คือไปช่วยทำงานบ้านไปเยี่ยมไปหาประมาณนั้น จึงรู้ว่าสุดท้ายแล้วน้องสะใภ้ก็ไม่ทำธุรกิจใดเลย อยู่บ้านเฉยๆ
ผ่านไปปีนึงทางน้องชายแฟนอยากจัดงานแต่ง แต่ทางบ้านแฟนให้คู่เราจัดก่อนเพราะเป็นคนโต จึงให้งบจัดงานเท่าๆกันจำนวนนึง จริงๆเราไม่อยากจัดค่ะเพราะเสียดายเงินอีกอย่างทางบ้านเราก็โอเคไม่เรียกร้อง แต่พ่อแม่สามีอยากให้จัดจึงทำตามใจท่าน เราจึงเริ่มเตรียมงานแต่เป็นงานง่ายๆครึ่งวันจบ ไม่มีพรีเวดดิ้งหรือแห่ขันหมากใดๆแค่กินข้าวรวมญาติสองฝ่ายอย่างเรียบง่าย แต่น้องชายแฟนชวนทะเลาะโวยวาย ไม่ให้จองวันสถานที่จัด ว่าวันนี้ไม่ว่าง วันนี้ยุ่งประมาณนี้แล้วพูดเหมือนอยากจัดก่อน เราจึงตัดปัญหาให้จัดก่อน เพราะสงสารพ่อแม่แฟนที่ต้องไปเถียงแทน งานแต่งของน้องชายและน้องสะใภ้จัดเต็มมีครบทุกสิ่ง สิ้นเปลืองมาก เช่น พรีเวดดิ้ง 2 รอบ สั่งตัดชุดแต่งงานหลายชุด เปลี่ยนของชำร่วยหลายเซท เป็นต้นโต๊ะจีนเยอะมากและวันจริงโต๊ะว่างมากกว่าครึ่ง เกินงบที่พ่อแม่สามีให้ถึง 3 เท่า เราจึงขอเลื่อนไปจัดอีก2ปีข้างหน้าเพราะจัดใกล้กันจะทำให้เงินตึงเกินไป (ซึ่งจริงๆไม่จัดก็ได้)
พอแต่งงานจบไปน้องชายและน้องสะใภ้จะขอบ้านส่วนตัวเพราะจะมีลูก ทั้งๆที่บ้านใหญ่นี้ยกให้เป็นของน้องชายอยู่แล้ว ห้องก็มากมายแต่น้องสะใภ้ไม่ยอมค่ะ เพราะเค้าจะพาพ่อแม่และญาติตัวเองมาอยู่ด้วย โดยเค้าอ้างว่าเราได้บ้านส่วนตัว (แต่ตังค์เราดาวน์ผ่อนเอง) สุดท้ายก็ต้องซื้อบ้านที่อยู่ใกล้ๆให้เพื่อตัดปัญหา (บางทีก็คิดนะคะว่านางดราม่าแล้วได้ทุกอย่างฟรีๆได้อย่างใจทุกอย่างก็ยอมรับว่านางฉลาด) สุดท้ายก็ท้องค่ะแต่ด้วยความที่บอบบางแพ้ทุกอย่างก็เกิดปัญหาตลอด ท้องแบบหาหมอตลอด เงินก็ต้องมาเอาในกงสี แต่พอน้องสะใภ้มีลูกและมีญาติมาป็นกองทัพ ทุกครั้งที่ไปบ้านสามีทั้งแม่ทั้งลูกจะมารอแขวะ เหน็บแนมทุกอย่าง อวดและเกทับ แต่เราเฉยๆค่ะ เพราะนิสัยเป็นคนไม่ค่อยแคร์ แต่แคร์แม่แฟนค่ะเพราะญาติที่อยู่ในบ้านมาฟ้องมาน้องสะใภ้พูดจาไม่ดีใส่แม่แฟนตลอด แม่แฟนค่อยข้างขี้น้อยใจค่ะทำให้นอนไม่หลับ ร้องไห้บ่อยๆ จนร่างกายอ่อนแอ เหมือนภูมิตกเป็นไข้บ่อย วูบบ่อย วูบจนเข้ารพ.
ยิ่งเป็นความดันและหอบหืดด้วย เราโมโหมากค่ะแต่จากที่ปรึกษากับญาติๆทะเลาะไปก็ยิ่งทำให้แม่เสียใจเพราะแม่ก็รักน้องชายด้วย
พอเราและญาติตึงๆใส่น้องสะใภ้ ทีนี้เค้าเลยโพสด่าเราลอยๆในเฟส เราก็อันเฟรนด์ค่ะไม่อยากเห็น พอคลอดลูกออกมาเราก็ให้ของรับขวัญให้ทองค่ะและของอื่นๆแต่ก็แค่ให้และไปเยี่ยมที่รพ.วันคลอด พบว่ามีเรื่องตั้งแต่รพ.เลย น้องสะใภ้อาละวาดใส่แม่สามีว่าจะมีแย่งหลาน แล้วอย่างนึงก็คือน้องสะใภ้ติดเฟสค่ะต้อง Live ทุกเหตุการณ์ลงเหมือนเน็ตไอดอล โมโหก็โพสด่า ขนาดวันคลอด Live ตั้งแต่ก่อนคลอดยันคลอดเสร็จ แถมอึดมากไลฟ์ 24 ชม.ทั้งที่เพิ่งผ่าตัด ทีนี้ญาติก็บอกว่าน้องสะใภ้เหมือนโพสว่าใครลอยๆตลอด เราเลยทำเฟสปลอมไปแอดไว้ พบว่าน้องสะใภ้เอาแม่สามีไปด่าเสียๆหายๆในกลุ่มเฟสโดยบล๊อคไม่ให้ญาติเห็น ด่ามาตลอดแต่งเรื่อง สร้างเรื่องให้ตัวเองดูน่าสงสาร
และลูกที่คลอดมาป่วยบ่อยมากเป็นโรคทางพันธุกรรมเยอะ เพราะไม่มีการตรวจเลือดก่อนท้อง เป็นธารัสซีเมียจากแม่ด้วย
ทำให้แม่สามียิ่งเครียดและป่วย ทุกอย่างที่ไปหาหลานจะโดนสะใภ้ด่าใส่หน้า กลับมาแม่ก็ร้องไห้นอนไม่หลับ
ล่าสุดแม่สามีาบอกให้เรารีบจัดงานแต่งเพราะแม่กลัวอยู่ไม่นาน เราโมโหมากๆเกลียดน้องสะใภ้มาก สามีก็โมโหปัจจุบันเข้าหน้าน้องชายไม่ติดเลย พอเราจะจัดงาน น้องชายก็ทำนิสัยแบบเดิมโวยวาย และไม่ให้กำหนดวัน จองสถานที่เหมือนเคย
ตอนนี้เราเครียดไปหมด เพราะคนๆเดียวทั้งที่เมื่อก่อนมันสงบสุข เงินในกงสีก็ถูกดึงไปรักษาหลานเยอะมาก
จนตอนนี้เงินในกงสีตึงมากเพราะตั้งแต่งานแต่ง ซื้อบ้าน ทำคลอด จนรักษาอาการป่วยเป็นล้านแล้ว กงสีไม่ใช้ธุรกิจใหญ่โตแต่แค่พอมีพอใช้ บางครั้งหลานเป็นผื่นแอดมิทรพ.เอกชนไป 5 วัน (แต่น้องสะใภ้ไลฟ์ในเฟสตอนอยู่รพ.แบบชิวๆ)
จึงอยากขอคำแนะนำว่าจะแก้ไขอะไรได้บ้างไหมในเคสนี้ เรายอมทุกอย่างจนจะไม่ไหวแล้ว
มันเครียดทุกวัน สามีก็เครียด มืดแปดด้านค่ะ
ปัจจุบันจองสถานที่งานแต่งไปแล้วไม่สนว่าน้องชายจะว่างไหม ไม่ว่างก็ไม่ต้องมา คิดว่าทำถูกไหมคะ
สงสารแม่สามีและปัญหาคู่สะใภ้
เรื่องมีอยู่ว่า เราเป็นสะใภ้โตที่อยู่กับครอบครัวสามีมานาน 10 ปีขึ้น+คบกับแฟนตั้งแต่เรียนค่ะ จดทะเบียนไว้เฉยๆไม่ได้จัดงานเพราะอยากประหยัด ส่วนน้องสะใภ้มาทีหลังเราประมาณ 3 ปี แต่อายุน้อยกว่าเรามากเพิ่งเรียนจบ แรกๆเค้าก็จะเงียบๆไม่ค่อยพูด ค่อนข้างบอบบาง แพ้ทุกอย่าง แพ้อาหาร แพ้แดด แพ้ลม แพ้เสียงดัง แพ้กลิ่น แพ้ฝุ่น ฯลฯ แต่งตัวเก่ง แรกๆเราก็ค่อนข้างเอ็นดูนะเพราะอายุห่างกันและอายุใกล้เคียงกับน้องเราด้วย ครอบครัวแฟนเป็นกงสีญาติอยู่ร่วมกันทำธุรกิจหลากหลาย เรารับผิดชอบ 1 ธุรกิจในกงสีเงินเข้าส่วนรวม ส่วนสามีทำงานนอกบ้าน(เพราะอยากมีเงินเก็บของตัวเอง) เป็นกงสีที่ไม่ตึงค่ะพ่อแม่และญาติสามีใจดีเรียบง่าย เราค่อนข้างสนิทกับแม่สามีเพราะเห็นท่านขยัน ใจดีและทำอาหาร ซักผ้า ทำงานบ้านให้กับทุกคน เราจึงพยายามช่วยท่านเสมอ พยายามช่วยงานบ้าน พาไปเที่ยว ทำเหมือนแม่ตัวเองเลยเพราะรู้สึกโชคดีที่เจอแม่สามีแบบนี้
แต่ไม่นานทุกอย่างก็เปลี่ยนไป..เมื่อน้องสะใภ้เริ่มมาบ้านมากขึ้นและเริ่มค้างแรมที่นี่ ซักชั้นในตากหน้าบ้าน ไม่ทำงานอะไรเลย น้องชายแฟนก็ไม่ห้าม และน้องชายแฟนเริ่มนิสัยเปลี่ยนไปด้วย (น้องชายเรียนจบสูงในม.ดัง จบมาเป็นดร.) เค้าเริ่มทำเหมือนว่าเก่งกว่าทุกคน มีความรู้มากกว่า ใครว่าไม่ได้ สามีเราเริ่มไม่อยากยุ่งมาก เราจึงขอย้ายไปอยู่ที่ทำงานเพื่อลดการปะทะ และน้องสะใภ้ก็เข้ามาอยู่เต็มตัวและเริ่มอยากมีธุรกิจในกงสีบ้าง น้องชายแฟนเริ่มมาหาเรื่องทะเลาะกับเราและสามีที่ทำงานบ่อยๆจนสุดท้ายเราจึงสละทุกสิ่ง ไปซื้อบ้านอยู่ตั้งหากที่ไกลๆและเราก็หางานทำ จะไปบ้านแฟนแค่เสาร์-อาทิตย์คือไปช่วยทำงานบ้านไปเยี่ยมไปหาประมาณนั้น จึงรู้ว่าสุดท้ายแล้วน้องสะใภ้ก็ไม่ทำธุรกิจใดเลย อยู่บ้านเฉยๆ
ผ่านไปปีนึงทางน้องชายแฟนอยากจัดงานแต่ง แต่ทางบ้านแฟนให้คู่เราจัดก่อนเพราะเป็นคนโต จึงให้งบจัดงานเท่าๆกันจำนวนนึง จริงๆเราไม่อยากจัดค่ะเพราะเสียดายเงินอีกอย่างทางบ้านเราก็โอเคไม่เรียกร้อง แต่พ่อแม่สามีอยากให้จัดจึงทำตามใจท่าน เราจึงเริ่มเตรียมงานแต่เป็นงานง่ายๆครึ่งวันจบ ไม่มีพรีเวดดิ้งหรือแห่ขันหมากใดๆแค่กินข้าวรวมญาติสองฝ่ายอย่างเรียบง่าย แต่น้องชายแฟนชวนทะเลาะโวยวาย ไม่ให้จองวันสถานที่จัด ว่าวันนี้ไม่ว่าง วันนี้ยุ่งประมาณนี้แล้วพูดเหมือนอยากจัดก่อน เราจึงตัดปัญหาให้จัดก่อน เพราะสงสารพ่อแม่แฟนที่ต้องไปเถียงแทน งานแต่งของน้องชายและน้องสะใภ้จัดเต็มมีครบทุกสิ่ง สิ้นเปลืองมาก เช่น พรีเวดดิ้ง 2 รอบ สั่งตัดชุดแต่งงานหลายชุด เปลี่ยนของชำร่วยหลายเซท เป็นต้นโต๊ะจีนเยอะมากและวันจริงโต๊ะว่างมากกว่าครึ่ง เกินงบที่พ่อแม่สามีให้ถึง 3 เท่า เราจึงขอเลื่อนไปจัดอีก2ปีข้างหน้าเพราะจัดใกล้กันจะทำให้เงินตึงเกินไป (ซึ่งจริงๆไม่จัดก็ได้)
พอแต่งงานจบไปน้องชายและน้องสะใภ้จะขอบ้านส่วนตัวเพราะจะมีลูก ทั้งๆที่บ้านใหญ่นี้ยกให้เป็นของน้องชายอยู่แล้ว ห้องก็มากมายแต่น้องสะใภ้ไม่ยอมค่ะ เพราะเค้าจะพาพ่อแม่และญาติตัวเองมาอยู่ด้วย โดยเค้าอ้างว่าเราได้บ้านส่วนตัว (แต่ตังค์เราดาวน์ผ่อนเอง) สุดท้ายก็ต้องซื้อบ้านที่อยู่ใกล้ๆให้เพื่อตัดปัญหา (บางทีก็คิดนะคะว่านางดราม่าแล้วได้ทุกอย่างฟรีๆได้อย่างใจทุกอย่างก็ยอมรับว่านางฉลาด) สุดท้ายก็ท้องค่ะแต่ด้วยความที่บอบบางแพ้ทุกอย่างก็เกิดปัญหาตลอด ท้องแบบหาหมอตลอด เงินก็ต้องมาเอาในกงสี แต่พอน้องสะใภ้มีลูกและมีญาติมาป็นกองทัพ ทุกครั้งที่ไปบ้านสามีทั้งแม่ทั้งลูกจะมารอแขวะ เหน็บแนมทุกอย่าง อวดและเกทับ แต่เราเฉยๆค่ะ เพราะนิสัยเป็นคนไม่ค่อยแคร์ แต่แคร์แม่แฟนค่ะเพราะญาติที่อยู่ในบ้านมาฟ้องมาน้องสะใภ้พูดจาไม่ดีใส่แม่แฟนตลอด แม่แฟนค่อยข้างขี้น้อยใจค่ะทำให้นอนไม่หลับ ร้องไห้บ่อยๆ จนร่างกายอ่อนแอ เหมือนภูมิตกเป็นไข้บ่อย วูบบ่อย วูบจนเข้ารพ.
ยิ่งเป็นความดันและหอบหืดด้วย เราโมโหมากค่ะแต่จากที่ปรึกษากับญาติๆทะเลาะไปก็ยิ่งทำให้แม่เสียใจเพราะแม่ก็รักน้องชายด้วย
พอเราและญาติตึงๆใส่น้องสะใภ้ ทีนี้เค้าเลยโพสด่าเราลอยๆในเฟส เราก็อันเฟรนด์ค่ะไม่อยากเห็น พอคลอดลูกออกมาเราก็ให้ของรับขวัญให้ทองค่ะและของอื่นๆแต่ก็แค่ให้และไปเยี่ยมที่รพ.วันคลอด พบว่ามีเรื่องตั้งแต่รพ.เลย น้องสะใภ้อาละวาดใส่แม่สามีว่าจะมีแย่งหลาน แล้วอย่างนึงก็คือน้องสะใภ้ติดเฟสค่ะต้อง Live ทุกเหตุการณ์ลงเหมือนเน็ตไอดอล โมโหก็โพสด่า ขนาดวันคลอด Live ตั้งแต่ก่อนคลอดยันคลอดเสร็จ แถมอึดมากไลฟ์ 24 ชม.ทั้งที่เพิ่งผ่าตัด ทีนี้ญาติก็บอกว่าน้องสะใภ้เหมือนโพสว่าใครลอยๆตลอด เราเลยทำเฟสปลอมไปแอดไว้ พบว่าน้องสะใภ้เอาแม่สามีไปด่าเสียๆหายๆในกลุ่มเฟสโดยบล๊อคไม่ให้ญาติเห็น ด่ามาตลอดแต่งเรื่อง สร้างเรื่องให้ตัวเองดูน่าสงสาร
และลูกที่คลอดมาป่วยบ่อยมากเป็นโรคทางพันธุกรรมเยอะ เพราะไม่มีการตรวจเลือดก่อนท้อง เป็นธารัสซีเมียจากแม่ด้วย
ทำให้แม่สามียิ่งเครียดและป่วย ทุกอย่างที่ไปหาหลานจะโดนสะใภ้ด่าใส่หน้า กลับมาแม่ก็ร้องไห้นอนไม่หลับ
ล่าสุดแม่สามีาบอกให้เรารีบจัดงานแต่งเพราะแม่กลัวอยู่ไม่นาน เราโมโหมากๆเกลียดน้องสะใภ้มาก สามีก็โมโหปัจจุบันเข้าหน้าน้องชายไม่ติดเลย พอเราจะจัดงาน น้องชายก็ทำนิสัยแบบเดิมโวยวาย และไม่ให้กำหนดวัน จองสถานที่เหมือนเคย
ตอนนี้เราเครียดไปหมด เพราะคนๆเดียวทั้งที่เมื่อก่อนมันสงบสุข เงินในกงสีก็ถูกดึงไปรักษาหลานเยอะมาก
จนตอนนี้เงินในกงสีตึงมากเพราะตั้งแต่งานแต่ง ซื้อบ้าน ทำคลอด จนรักษาอาการป่วยเป็นล้านแล้ว กงสีไม่ใช้ธุรกิจใหญ่โตแต่แค่พอมีพอใช้ บางครั้งหลานเป็นผื่นแอดมิทรพ.เอกชนไป 5 วัน (แต่น้องสะใภ้ไลฟ์ในเฟสตอนอยู่รพ.แบบชิวๆ)
จึงอยากขอคำแนะนำว่าจะแก้ไขอะไรได้บ้างไหมในเคสนี้ เรายอมทุกอย่างจนจะไม่ไหวแล้ว
มันเครียดทุกวัน สามีก็เครียด มืดแปดด้านค่ะ
ปัจจุบันจองสถานที่งานแต่งไปแล้วไม่สนว่าน้องชายจะว่างไหม ไม่ว่างก็ไม่ต้องมา คิดว่าทำถูกไหมคะ