ผมเรียนจบ ป.4 โรงเรียนวัดสน ฮำเภอราษฎร์บูรณะ รุ่นเดียวกับหลวงพี่หมึก (พระครูนนท์ เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดสน สิ้นไป ปีเศษ) เราเป็นเด็กวัดอยู่ด้วยกันมา กินข้าวเสร็จก็เอาบาตรพระกับสำรับกับข้าวไปล้างที่บรรไดท่าน้ำวัดนั่นแหละ คลองแจงร้อนข้างวัดสน น้ำคลองสะอาดมาก เวลาเราล้างถ้วยชาม จะสนุกสนาน กับบรรดาปลาแขยง ที่กรูมาเป็นฝูง ตัวมันเล็ก กระ

ตัวขึ้นมากินเศษอาหารถึงแต่ละขั้นของบรรไดท่าน้ำเลย (ชาวบ้านไม่กินปลาแขยง เพราะมันชอบกินทุ่นระเบิดที่ลอยมากับน้ำ) วันที่อยากพายเรือเล่น สองคนเราก็พายหัว พายท้ายเข้าไปทางปลายคลอง แจงร้อน นี่ละ เราผ่านแนวถนนตัดใหม่ ที่ยังไม่ได้สร้างทั้งถนน (สุขสวัสดิ์ ในปัจจุบัน) สะพานก็ยังไม่มี จากวัดสนไปสัก 2 กิโลฯ บ้านเรือนริมคลองเริ่มไม่มีให้เห็นละ ขวามือ มีแต่สวนผลไม้สาระพัดชนิด ที่เราเก็บใส่ปากได้เลย ก็ มะไฟ มะพูด และมะกอกน้ำ ลูกผลไม้ชอบริมน้ำพวกนี้ ระหัวพวกเราขณะเฉียดตลิ่งริมคลอง เก็บกินได้เลย ชาวสวนไม่มีใครว่า ส่วนซ้ายมือจะเป็นท้องนาสุดสายตา เราพายเรือลึกเข้าไปเรื่อยๆราว 5-6 กิโลฯ 2 ชั่งโมงหละ คลองตอนนั้นยิ่งลึกยิ่งกว้าง เราก็จะเข้าเขต ทุ่งครุ น่าจะมีครุใน ครุนอก ก็พอมีบ้านชาวมุสลิมที่ทำนา ปลูกประปรายอยู่ห่างๆหลังกัน คนอิสลามใจดี เรียกถามไถ่ให้ขึ้นฝั่งไปกินน้ำกินท่า มีอัธยาศัยมากๆ แถมได้กินข้าวห่อใบตองอร่อยๆก่อน รีบพายเรือกลับ เพราะ เราหายไปหลายชั่วโมงโดยไม่ได้บอกใคร ไปถึงทุ่งครุโดยไม่ได้ตั้งใจ แค่อยากรู้อยากเห็น และไม่รู้จักเหนื่อย เรากลับถึงวัดพลบค่ำ ก็ถูกหวดโดยหลวงพี่ของใครก็ของมัน พอได้แนวประดับความซนไว้ที่แก้มก้นอยู่ 2-3 วัน ณ. วันนี้คลองแจงร้อนข้างวัดสน เหลือความกว้างเพียง 1-2 วา เท่านั้น กลายเป็นคลองระบายน้ำเสียไปเสีบชิบ ! ตอนหลังใครทำทางน้ำจากซีกชายทะเลบางขุนเทียนทะลุมาทาง ทุ่งครุปลายคลองแจงร้อน เลยน้ำทะเลเข้าปนน้ำจืดที่ปากคลองเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาข้างวัดแจงร้อน นั่นอาจเป็นต้นเหตุทำให้ ชาวทุ่งครุ เลิกทำนาไปเลย เพราะน้ำคลองกร่อย ปลูกข้าวไม่ได้ !! จบ แค่นี้ก่อน หากว่างเมื่อไหร่จะเล่าเรื่อง จอมพล ป.ไปเปิดถนน สุขสวัสดิ์ ที่เด็กนักเรียน วัดสารอด วัดสน เตรียมเข้าแถวยืนต้อนรับท่านผู้นำ ตั้งแต่ก่อนแปดโมงเช้า แล้วรถท่านผู้นำตะบึงห้อ หอบฝุ่นแดงลูกรัง แจกพวกเราจนหัวแดงเป็นเด็กฝรั่งกันทั้งหมดตอนใกล้เที่ยง แล้วพบกันใหม่ครับ
เรื่องในอดีตของเด็กวัดสน จังหวัดธนบุรี