จากข่าวนี้
https://car.kapook.com/view197489.html
Toyota และ Isuzu ตัดสินใจยุติพัฒนาขุมพลังดีเซลร่วมกัน Toyota ขายหุ้นคืนแก่ Isuzu ทั้งหมด เพราะอนาคตเครื่องยนต์ดีเซลไม่ได้สดใสอีกต่อไปแล้ว
เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ไม่มีอะไรยั่งยืน เทคโนโลยีที่เคยสดใสอย่างขุมพลังดีเซล มาถึงช่วงขาลงอย่างรวดเร็วแบบคาดไม่ถึง ซึ่งนับตั้งแต่เกิดกระแสโกงค่ามลพิษของผู้ผลิตรถยนต์บางรายเป็นต้นมา ไม่ว่าดีเซลจะทำตัวให้คลีนแค่ไหนก็ดูจะผิดที่ผิดทางไปเสียหมด และนั่นก็ทำให้ Toyota และ Isuzu ต้องตัดสินใจยกเลิกความร่วมมือในการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล แต่แยกทางครั้งนี้ไม่มีดราม่า
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2561 ทั้ง Toyota และ Isuzu ได้ประกาศยุติความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กร่วมกัน หลังจากผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสองได้เซ็นสัญญาลงนามข้อตกลงในเดือน กรกฎาคม 2006 ช่วงที่กระแสเครื่องยนต์ดีเซลกำลังมาแรงเพื่อผนึกกำลังสร้างความแข็งแกร่งและแข่งขันในตลาดโลก
โดย Toyota ได้เข้าซื้อหุ้นของ Isuzu Motors Ltd. (ในส่วนของรถบรรทุกและเครื่องยนต์ดีเซล) จำนวน 5.89 เปอร์เซ็นต์ เป็นมูลค่า 373 ล้านดอลลาร์ (ในเวลานั้น) ซึ่ง Isuzu จะเป็นตัวหลักในการพัฒนาขุมพลังดีเซล ขณะที่ Toyota จะรับหน้าที่พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์รวมถึงพลังงานทางเลือกไว้ใช้ร่วมกัน ทั้งนี้รถยนต์ Toyota ก็จะใช้เครื่องยนต์จาก Isuzu ด้วย
แต่หลังจากที่อนาคตของเครื่องยนต์ดีเซลไม่สดใสอีกต่อไป จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ Toyota และ Isuzu ตัดสินใจยุติความร่วมมือดังกล่าวลง ซึ่ง Toyota ได้ทำการขายหุ้นทั้งหมด (5.89 เปอร์เซ็นต์) คืนให้กับ Isuzu ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ 720 ล้านดอลลาร์ ให้กับ Isuzu เป็นที่เรียบร้อย
ถือว่าเป็นการเลิกราด้วยเหตุผลอันสมควร ถ้าไปต่อแล้วไม่น่ารุ่งก็จบ แยกย้าย เดินหน้ากันต่อไป ดีเซลใคร ดีเซลมัน ไม่มีดราม่า เพราะในแง่ของธุรกิจแล้วย่อมไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร ซึ่ง Toyota ไม่ใช่รายแรกที่แยกทางกับ Isuzu เพราะอดีต GM ก็เคยเป็นพาร์ทเนอร์กับ Isuzu แล้วแยกทางมาก่อนเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งความสัมพันธ์ก็ยังแน่นแฟ้น จะมีก็แค่ดีเซลเท่านั้นที่โลกอนาคตดูจะไม่ต้องการ"
ทั้งๆที่น้ำมันดีเซลถูกกว่าเบนซิน ทำไมไม่รุ่งครับ หรือเพราะรถไฮบริดหรือไฟฟ้าเข้ามา?
ทำไมอนาคตดีเซลถึงไม่รุ่ง
https://car.kapook.com/view197489.html
Toyota และ Isuzu ตัดสินใจยุติพัฒนาขุมพลังดีเซลร่วมกัน Toyota ขายหุ้นคืนแก่ Isuzu ทั้งหมด เพราะอนาคตเครื่องยนต์ดีเซลไม่ได้สดใสอีกต่อไปแล้ว
เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ไม่มีอะไรยั่งยืน เทคโนโลยีที่เคยสดใสอย่างขุมพลังดีเซล มาถึงช่วงขาลงอย่างรวดเร็วแบบคาดไม่ถึง ซึ่งนับตั้งแต่เกิดกระแสโกงค่ามลพิษของผู้ผลิตรถยนต์บางรายเป็นต้นมา ไม่ว่าดีเซลจะทำตัวให้คลีนแค่ไหนก็ดูจะผิดที่ผิดทางไปเสียหมด และนั่นก็ทำให้ Toyota และ Isuzu ต้องตัดสินใจยกเลิกความร่วมมือในการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล แต่แยกทางครั้งนี้ไม่มีดราม่า
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2561 ทั้ง Toyota และ Isuzu ได้ประกาศยุติความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลขนาดเล็กร่วมกัน หลังจากผู้ผลิตรถยนต์ทั้งสองได้เซ็นสัญญาลงนามข้อตกลงในเดือน กรกฎาคม 2006 ช่วงที่กระแสเครื่องยนต์ดีเซลกำลังมาแรงเพื่อผนึกกำลังสร้างความแข็งแกร่งและแข่งขันในตลาดโลก
โดย Toyota ได้เข้าซื้อหุ้นของ Isuzu Motors Ltd. (ในส่วนของรถบรรทุกและเครื่องยนต์ดีเซล) จำนวน 5.89 เปอร์เซ็นต์ เป็นมูลค่า 373 ล้านดอลลาร์ (ในเวลานั้น) ซึ่ง Isuzu จะเป็นตัวหลักในการพัฒนาขุมพลังดีเซล ขณะที่ Toyota จะรับหน้าที่พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับเครื่องยนต์รวมถึงพลังงานทางเลือกไว้ใช้ร่วมกัน ทั้งนี้รถยนต์ Toyota ก็จะใช้เครื่องยนต์จาก Isuzu ด้วย
แต่หลังจากที่อนาคตของเครื่องยนต์ดีเซลไม่สดใสอีกต่อไป จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ Toyota และ Isuzu ตัดสินใจยุติความร่วมมือดังกล่าวลง ซึ่ง Toyota ได้ทำการขายหุ้นทั้งหมด (5.89 เปอร์เซ็นต์) คืนให้กับ Isuzu ปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ 720 ล้านดอลลาร์ ให้กับ Isuzu เป็นที่เรียบร้อย
ถือว่าเป็นการเลิกราด้วยเหตุผลอันสมควร ถ้าไปต่อแล้วไม่น่ารุ่งก็จบ แยกย้าย เดินหน้ากันต่อไป ดีเซลใคร ดีเซลมัน ไม่มีดราม่า เพราะในแง่ของธุรกิจแล้วย่อมไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูที่ถาวร ซึ่ง Toyota ไม่ใช่รายแรกที่แยกทางกับ Isuzu เพราะอดีต GM ก็เคยเป็นพาร์ทเนอร์กับ Isuzu แล้วแยกทางมาก่อนเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งความสัมพันธ์ก็ยังแน่นแฟ้น จะมีก็แค่ดีเซลเท่านั้นที่โลกอนาคตดูจะไม่ต้องการ"
ทั้งๆที่น้ำมันดีเซลถูกกว่าเบนซิน ทำไมไม่รุ่งครับ หรือเพราะรถไฮบริดหรือไฟฟ้าเข้ามา?