ตอนแรกก็ตกใจที่ถูกวางตัวคู่กันสองเรื่อง แต่เป็นสองเรื่องที่เป็นอาหารคนละจาน รสชาติคนละแบบอย่างสิ้นเชิง
จากนั้นเกิดความอยากรู้ว่าการถ่ายทำละครพร้อมๆ กันสองเรื่อง บุคลิกก็แตกต่าง ยุคสมัยก็ต่างมาก สองนักแสดงจะรับมือยังไง เป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายเลย

              ส่วนหนึ่งคือความยากของการแยกแยะบุคลิกตัวละคร อีกส่วนคือการต่อสู้กับอคติสำหรับนักแสดงที่มีละครคู่ที่ต้องออนแอร์ติดๆ กัน ถ้าไม่ได้เข้าใจผิด เราคิดว่าตั้งแต่ดูละครมา ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีนักแสดงคู่ไหนที่เจอสถานการณ์ออนแอร์ติดกัน และเป็นพระ-นางคู่เดิมอย่างนี้มาก่อน

              ส่วนตัวเชื่อมั่นในความเก่งของพี่แต้ว พิสูจน์จากละครหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา พี่แต้วเป็นนักแสดงฝีมือเยี่ยมที่เป็นที่รักของคนดู เหลือก็แต่น้องน้อยเจ้าเจมส์ที่จะว่าไปชั่วโมงบินก็ยังน้อย และมักจะถูกจัดไว้ในสายไอดอลมาตลอด ทั้งๆ ที่หลายบทบาทที่ผ่านมาก็เป็นบทบาทที่สร้างชื่อเสียงและทำให้คนดูทึ่งกันมาแล้ว

              พอหนึ่งด้าวออนแอร์ บางฉากซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการถ่ายทำช่วงแรกๆ เจมส์ยังไม่สามารถพูดบทให้เข้าปาก ซึ่งเจมส์เองก็เคยเล่าให้สื่อฟังตรงๆ และเคยให้สัมภาษณ์อย่างไม่เหนียมอายว่ามีปัญหา โดนเทคยับ เช่นฉาก “ฟักเขียวต้ม” ในตำนาน เรื่องประวัติศาสตร์ก็ต้องไปทำการบ้านเพิ่ม และก็เป็นไปตามนั้นจริง จนน้องเคยเล่าว่าเกรงใจพี่แต้วที่ต้องมายืนรอ แต่นี่กลับเป็นส่วนที่ทำให้รู้สึชอบเจมส์มากขึ้นไปอีกในเรื่องนิสัยใจคอ การเป็นคนที่ยอมรับข้อเสียของตัวเอง และยังเล่าออกมาได้ตรงๆ ไม่ปิดบัง

              พอปรับตัวได้ การแสดงก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่เราคิดว่าทำได้ดีคือเรื่องการดีไซน์ตัวละคร ที่เราเห็นความแตกต่างจากการแสดงที่ผ่านๆ มาของเจมส์ ส่วนนี้น่าจะมาจากการไกด์ที่ดีของพี่ฟิวส์ผู้กำกับ และตัวเจมส์เองก็สามารถดีไซน์ความเป็น “ขันที” ได้น่าสนใจ

              แม้เป็นชาย แต่เก็บความเป็นชายได้แนบเนียน แถมยังดูสงบเย็นเหมือนคนเคยบวช เวลาให้ข้อคิดเตือนใจดูน่าเชื่อจนอยากจะยกมือสาธุ  ถึงดูเรียบร้อยแต่ไม่ออกสาวสะดิ้ง กลับดูเหมือนสตรีมียศศักดิ์ที่รู้จักไว้ตัว อย่างที่มีบางคนเคยบอกไว้

              แต่พอในฉากที่ต้องใช้เสน่ห์ความวาย หลอกท่านเจ้าคุณให้ตายใจอายเขินม้วนต้วน ก็เล่นเอาโซเชียลแทบระเบิด จิ้นกระจายกับสายตาอ่อยอ้อยไล่ระดับหลายเลเวล หลายคนถึงกับบอกว่าไม่นึกว่าเห็นหน้าตาลุค “เคะ” แบบนี้จะเป็น “สายรุก” กับเขาได้ด้วย 5555



              ทั้งสองเรื่อง พี่แต้วและน้องเจมส์ต้องทำให้คนดูรู้สึกว่าตัวละครมีความแตกต่าง และต่างคนต่างก็ทำออกมาได้ดี

              ออกพระศรีดูเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว เป็นที่พึ่งทางใจที่มั่นคงให้แมงเม่าได้ ขณะเดียวกัน ความฉลาดแก่นแก้วแสนซนช่างแกล้งของแม่แมงเม่า ก็ส่งเสริมให้สองตัวละครดูเป็นคู่สามีภรรยาที่มีไหวพริบสติปัญญาเท่าทันกัน และยังมีความผูกพันทางใจลึกซึ้งชนิดที่ความตายก็ไม่อาจพราก ยังประทับใจไม่หายกับฉากออกพระศรีใกล้ตาย โดยมีแมงเม่าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ ดูทีไรก็น้ำตาไหล ชอบการกรีดร้องแทบขาดใจของพี่แต้วในฉากนี้มากจริงๆ




              เรื่องที่สอง “เกมเสน่หา” ต้องเรียกว่าพลิกคาเร็กเตอร์ไปเลย เจมส์ออกจากโหมดออกพระศรี มาเป็นผู้บริหารหนุ่มที่มีปมในวัยเด็ก และต้องฝ่าฟันอคติเพื่อจะได้รักผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะเธอคนนั้นเกลียดชังตัวเขาอย่างผิดๆ  

              ส่วนพี่แต้วก็ต้องเล่นเป็นนางเอกร้าย เอาแต่ใจ แบบที่ไม่เคยเล่นมาก่อน การที่คนดูดูแล้วเกลียดเหมือนชนก เราว่ามันการันตีว่าพี่แต้วเล่นถึง ตีโจทย์แตก เพราะคาเร็กเตอร์เหมือนชนกคือหญิงสาวตัวปัญหา เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจตัวเอง เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง  ยิ่งเวลาลอยหน้าด่าทอพระเอก รู้สึกได้เลยว่าเหมือนชนกเธอมีความฝังใจอะไรบางอย่างผิดๆ กับลัคนัย สมควรต้องถูกพาไปปรับทัศนคติด่วน 5555

              พี่แต้วทำให้เหมือนชนกเป็นตัวละครที่มีพัฒนาการในทางร้าย คือจากหญิงสาวเจ้าคิดเจ้าแค้นเปิดเผยที่เอาแต่พุ่งชน มาเป็นคนเจ้าแผนการ วางแผนเล่นเกม รู้จักตามสืบเก็บหลักฐานไว้แฉ แต่เพราะพื้นฐานเป็นเด็กที่ชอบเอาชนะ คิดว่าตัวเองเหนือกว่าอีกฝ่ายตลอดเวลา เลยหลุดวาจาร้ายกาจออกมาหลายครั้งอย่างคนที่ห้ามปากไม่ได้ ซึ่งสองสามตอนหลังนี้ นางได้รับบทเรียนช้ำๆ จากความเย็นชาของลัคนัยไปเต็มๆ

              พี่แต้วลุคส์นี้ดูสาวสะพรั่ง สวยเต็มวัย แต่ละชุดที่ใส่ดูเหมาะกับรูปร่างที่มีส่วนเว้าส่วนโค้ง น่ามองสุดๆ แล้วตั้งแต่ดูละครของพี่แต้วมา พอเวลาแต่งหน้าอ่อนๆ อยู่กับบ้านก็สวยละมุนจับใจ แม้แต่ฉากร้องไห้ จนหลายคนในทวิตอยากให้ทางทีมงานละครไทช่วยรีวิวเครื่องสำอางกันเลยทีเดียว



              บทโรแมนติกปูให้เห็นมาตั้งแต่ต้น สายตาลัคนัยสื่อมาตั้งแต่อีพีแรกๆ แล้วว่ารักผู้หญิงคนนี้มาก แล้วมาเริ่มคุกรุ่นในฉากที่โรงเรียนคนตาบอด ที่เหมือนชนกปิดตาลูบจับใบหน้าลัคนัย มือของเหมือนชนกที่ค่อยๆ เคลื่อนไปตามหน้าอก ลำคอ ใบหน้า ชวนให้คนดูรู้สึกตามคุณลัคนัยไปด้วย จนความรักของคุณนัยเรียกได้ว่าล้นออกมาทางสายตา เป็นอีกซีนที่แทบไม่ต้องพูด แต่ทำได้ดีทั้งคู่จริงๆ




              โมเม้นท์นอกละครต่างๆ ระหว่างน้องเจมส์กับพี่แต้ว เราเชื่อว่าแฟนๆ ของทั้งสองคนรับรู้ได้ถึงความสบายใจที่ได้ทำงานด้วยกัน การโพสต์รูป ส่งความปรารถนาดีระหว่างกันโดยไม่ต้องคอยระแวงดราม่า ท่าทางเวลาอยู่ด้วยกันมันเป็นไปตามธรรมชาติของคนที่สนิทสนม แตะแขน จับไหล่ เชคแฮนด์เวลาเจอหน้า ตีมือไฮไฟฟ์ หรือหัวเราะร่าเวลาที่นึกถึงอะไรที่รู้กัน จะเรียกว่าอะไรดี เราขอเรียกว่า “เคมีสบายใจ” ก็แล้วกัน

              เป็นความสบายใจเพราะบริสุทธิ์ใจ ต่างคนต่างก็มีคนในใจตัวจริง และเราก็มั่นใจว่าทั้งสองคนสนิทใจกันจริงๆ จึงได้แสดงออกอย่างที่เราเห็น อยากเห็นมิตรภาพดีๆ ของคนสองคนที่ร่วมงานกันเมื่อไหร่ก็ได้ เราพร้อมสนับสนุนเสมอ และคิดว่ากองหนุนของ “คู่กันทางการแสดง” คู่นี้ มีอยู่จำนวนมากทั้งในไทยและต่างประเทศ

              เคมีระหว่างสองคนนี้ชัดเจนในความรู้สึกแม้แต่ในสายตาของคนที่ไม่ใช่แฟนคลับ เราไม่เห็นความแตกต่างระหว่างวัยของทั้งสองคนในการแสดงเรื่องนี้เลย เห็นแต่ผู้ชายคนหนึ่งที่รักผู้หญิงคนหนึ่งอย่างไม่มีเงื่อนไข และผู้หญิงที่รักเขาไปแล้วทั้งใจแต่ยังทำปากแข็ง

              สำหรับเรา เห็นเคมีคู่นี้มาตั้งแต่คลิปเบื้องหลังถ่ายนิตยสารเวดดิ้งเมื่อหลายปีมาแล้ว คิดมาตลอดว่าสักวันอยากให้น้องได้เล่นละครคู่กับพี่แต้ว อยากเห็นโมเม้นท์สบายใจแบบนี้ในการทำงาน อะไรก็ได้ที่ได้ทำด้วยกัน




              วันนี้เหมือนฝันเป็นจริง น้องได้เล่นละครกับพี่ พัฒนาการแสดงจนได้รับเสียงชื่นชมจากคนที่ไม่ใช่แฟนคลับ สังเกตว่าหลังจากได้มาทำงานกับพี่แต้ว เจมส์คุมคาเร็กเตอร์ได้นิ่งขึ้น มีสมาธิ พี่แต้วเองก็ส่งอารมณ์ให้ดีมากๆ และเล่นถึงทุกฉาก

              ขอชื่นชมซีนเมื่อคืนที่แม่นิ่มตาย แม่นิ่มจากไปพร้อมรอยยิ้ม คุณนัยมองหน้า ยิ้มอำลาแม่ทั้งน้ำตา เสียงสะอื้นของเหมือนชนกทั้งๆ ที่กล้องไม่ได้จับ เอาน้ำตาหยดแรกจากเราไป ต่อด้วยการปิดหน้าร้องไห้เงียบงันแต่สั่นเทิ้มไปทั้งตัวของลัคนัย เจ็บปวดสุดหัวใจแต่กดไว้จนแทบทนไม่ไหว เป็นอีกหนึ่งฉากร้องไห้ที่ดีที่สุดของเจมส์เลยนะ เราเชื่ออย่างที่เจมส์บอกจริงๆ ว่า “ได้สิ่งที่ดีๆ จากพี่แต้วมาเยอะ”