กิจกรรมตอนบ่ายธีร์วราเลือกเอามินิกอล์ฟ ปานเรขาไม่ระแคะระคายเลยว่าอาสาวที่ยืนรอหล่อนตอนออกจากสปานั้นเคยหายตัวไปทำอันใดมา ทั้งพอมีโอกาสเล่นสนุกกับชายคนรักเลยอารมณ์ดีขึ้นมาก ส่วนพวกผู้ชายเมื่อได้ออกกำลังเบาๆ ก็พอใจแล้ว ด้านธีร์วรามีเผลอเหม่อลอยบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับเสียสมาธิจนหมดสนุก เย็นวันนี้จึงสิ้นสุดด้วยความรื่นเริงของทุกคน
รุ่งขึ้นมีกิจกรรมนั่งเรือไปแหล่งดำน้ำชมปะการังที่ปานเรขาจองไว้ แต่พอหลานสาวเคาะประตูปลุกในตอนเช้า ธีร์วราก็โอดครวญ
“อาเพลียไปหมด มึนหัวด้วย ขอบายหนึ่งวันนะ”
คงเพราะช่วงหลังเอาแต่ทำงานนั่งโต๊ะและเคร่งเครียดหลายอย่าง ครั้นจู่ๆ ออกแรงหนักเสียสองวันติดร่างกายจึงประท้วง ธีร์วราตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดเมื่อยและดูเหมือนจะมีไข้นิดๆ
“ตายจริง ไปห้องพยาบาลไหมคะ ที่รีสอร์ทไม่มีหมอแต่มีพยาบาลประจำอยู่”
“อาพกยามาจ้ะ กินแล้วค่อยยังชั่วขึ้นแต่อยากขอพักอีกหน่อย”
“ยังไงก็ลุกไปกินข้าวกันก่อนนะคะ แล้วค่อยกลับมานอน”
สองสาวแต่งตัวเดินลงชั้นล่าง เพื่อพบกับพฤกษ์ยืนรอรายงานว่า “บริษัทส่งงานด่วนให้อาเมธทางอีเมล คงยุ่งทั้งเช้าเลย ไปดำน้ำกับพวกเราไม่ได้แล้ว”
สุเมธออกจากห้องมาสมทบ “โทษทีนะ พอดีเจ้าครามเตรียมรายละเอียดที่จะประชุมวันนี้ไม่เสร็จ เลขาฯ เขาเลยประสานงานมา”
“อาแก้วไม่สบายขอตัวเหมือนกัน เท่ากับป่านต้องดำน้ำกับพี่พฤกษ์สองคนหรือคะ”
ธีร์วราและสุเมธมองหน้ากัน ล้วนนึกถึงข้อตกลงที่จะไม่ปล่อยหลานๆ ไว้สองต่อสอง แต่สภาพธีร์วราแม้ไปด้วยคงหมดแรงเฝ้าดู สุเมธจึงส่ายหัวปลงตก กำลังจะเอ่ยปากทว่าธีร์วราชิงพูดตัดหน้า
“ก็คงงั้นแหละ ป่านไปกันสองคนเถอะ”
สุเมธเลิกคิ้วสูง ด้านพฤกษ์เองยังหลุดปาก “จะดีหรือครับ”
“แล้วไม่ดีตรงไหนล่ะ” ประธานบอร์ดลายหงส์เผยรอยยิ้ม “อาฝากดูแลน้องด้วยนะพฤกษ์”
เมื่อตกลงกันเสร็จสุเมธจึงแยกตัวกลับห้องเพื่อทำงานต่อ เนื่องจากแผนที่อมราจะเปิดสินค้าใหม่เตรียมสู้กับ cool couple ของลายหงส์คืบหน้าเร็วกว่าที่คาด ลายครามต้องการเตรียมงานบางส่วนเสียแต่เนิ่นๆ เลยเร่งรัดขอรายละเอียดไว้เสนอที่ประชุม สุเมธไม่อยากขัดใจเพื่อน
กว่าจะเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์แบบพกพาก็เกือบสิบโมงเช้า ชายหนุ่มทบทวนข้อมูลอีกเที่ยวก่อนกดส่งอีเมล บิดขี้เกียจพลางมองนอกหน้าต่าง เห็นทะเลสีครามแล้วชักเสียดาย จึงรีบเปลี่ยนชุดหมายจะว่ายน้ำในสระของห้องพักให้ชุ่มปอด แต่เมื่อหยิบผ้าขนหนูพาดบ่าเดินมาถึงกลางห้องนั่งเล่น กลับพบว่ามีคนใจตรงกันเสียแล้ว
ธีร์วรากำลังดำผุดดำว่ายอยู่กลางสระ ชายหนุ่มหยุดยืนใต้ชายคาบ้านพัก กอดอกมองเรือนร่างในชุดวันพีชสีครีมตัดขอบแดงที่ว่ายวนไปทั่ว แล้วจู่ๆ ท่าทางขุ่นเคืองของหล่อนเมื่อวานพลันลอยเข้าหัว เขาส่ายหน้า ตัดสินใจจะเดินอ้อมตัวบ้านเพื่อหาทางลงชายหาด
“คุณจะไปไหนคะ”
สุเมธยังก้าวไม่พ้นขอบสระด้วยซ้ำจึงหันกลับตามเสียงทัก ธีร์วรากำลังลอยตัวในน้ำมองมาที่เขา ประธานฯ หนุ่มยักไหล่ “จะลงไปเล่นน้ำทะเล”
“สระก็อยู่ตรงนี้เอง หรือคุณชอบว่ายที่ทะเลมากกว่า”
ไม่ อันที่จริงเขาอยากว่ายสบายๆ มากกว่าต้องไปโต้คลื่นที่ทะเล ก้มดูใบหน้ายิ้มๆ ของหล่อนแล้วเลยโยนผ้าเช็ดตัวไว้บนเตียงริมสระ หย่อนตัวลงน้ำทันที ด้านธีร์วราก็ว่ายไปอีกทางไม่ได้สนใจเขา ต่างคนเล่นน้ำตัวใครตัวมัน ชายหนุ่มเพลินอยู่สักพักสายตาเจ้ากรรมก็เริ่มเหล่มองเพื่อนร่วมสระ
คราวแรกธีร์วราเริ่มว่ายนิ่งๆ กับที่ พอเขาวนกลับมาอีกรอบหล่อนกำลังลอยตัวมองท้องฟ้า เมื่อวนถึงครั้งที่สามหญิงสาวก็โผไปเกาะขอบสระด้านริมทะเล ทอดสายตาอย่างไร้จุดหมาย ขณะที่เขาดำน้ำลึกลงเรื่อยๆ เบื้องหน้าคือน้ำสีฟ้าใสแต่ดันมีภาพใครบางคนซ้อนทับเป็นระยะ สุดท้ายเลยถีบตัวขึ้นผิวน้ำไปเกาะขอบสระข้างหล่อน
“เหนื่อยแล้วหรือคุณ”
“เปล่าค่ะ” หล่อนยันคางกับแขนที่พาดไขว้กัน “แค่...ทะเลวันนี้สวย”
ทิวทัศน์ตรงหน้าก็สวยจริงๆ นั่นแหละ ท้องนภาไร้เมฆราวครอบแก้วสีฟ้าขังทะเลเขียวสดล้อคลื่นเป็นประกาย แต่สุเมธกลับมองมันแค่แวบเดียวเท่านั้น
ผมยาวเลยไหล่ของธีร์วรายามนี้เปียกลู่แนบศีรษะ เผยวงหน้าคมเรียวรับหางตาเชิดน้อยๆ ผิวเนียนละเอียดขับเน้นคิ้วดำยาวดูโดดเด่น ริมฝีปากแดงระเรื่อยกแย้มน้อยๆ สุเมธชักอยากเสกกล้องขึ้นในมือหรือพู่กันสักด้าม เผื่อจะถ่ายไม่ก็ระบายภาพตรงหน้าเก็บไว้ดูคนเดียว
เขารีบสะบัดหัวขับไล่ความฟุ้งซ่าน คิดอะไรกัน! นี่คนของลายหงส์นะ ท่องไว้ คนของลายหงส์!
แต่เมื่อมาอยู่ที่เกาะความจริงอันนั้นกลับเรือนลางลงทุกที โดยเฉพาะยามเห็นหล่อนเผลอยิ้มให้ท้องทะเลเหมือนเช่นตอนนี้ จะใช้กล้องคุณภาพยอดเยี่ยมหรือจิตกรฝีมือเลิศเลอขนาดไหน ก็ไม่มีวันถ่ายทอดได้เพียงครึ่งของสิ่งที่มองอยู่ จะมีทางบ้างไหม...ให้รอยยิ้มนั้นหันมาที่เขาบ้าง
สุเมธรีบพูด หวังกลบเกลื่อนอาการคันยุบยิบในหัวใจ “นึกว่าคุณกินยาแล้วนอนอยู่ซะอีก”
“ก็หลับไปงีบหนึ่งเหมือนกัน พอตื่นเลยอยากว่ายน้ำให้สมองโปร่ง”
ชายหนุ่มอมยิ้มยามระลึกว่าสักสิบนาทีก่อนเขาก็เพิ่งคิดเหมือนกัน “เมื่อวานเห็นคุณตึงๆ นึกว่ายังโกรธอยู่ แต่ดันอนุญาตพวกเด็กๆ ไปเที่ยวตามลำพังซะงั้น ไม่ได้ไข้กลับจนเบลอใช่ไหม”
หล่อนปรายตามา “ก็คุณชอบย้ำให้ฉันเชื่อใจไม่ใช่เหรอ”
“หือ? คุณยอมเชื่อใจผมแล้ว”
“พฤกษ์เป็นเด็กดีค่ะ รู้จักรับผิดชอบวางใจได้”
ชายหนุ่มหัวเราะ เสยผมจนหยาดน้ำไหลลงมาตามแนวกราม ไรหนวดเขียวจางๆ ดูเพลินตา “ไว้ใจเจ้าพฤกษ์ก็ยังดี นับเป็นก้าวกระโดดขนานใหญ่จนชักอยากรู้ว่าอะไรเปลี่ยนใจคุณ”
“ฉันเองก็อยากรู้เรื่องหนึ่ง คุณใช้วิธีปล่อยเด็กสองคนนั่นไปตามธรรมชาติ ทำไมมั่นใจนักว่าสุดท้ายพวกเขาต้องเลิกกัน”
เขาประหลาดใจจนลืมว่าหล่อนยังไม่ได้ตอบข้อสงสัยตนเอง “ทำไมมั่นใจหรือ คุณเองก็คงเห็นเหมือนผมนั่นแหละ พวกเขาต่างกันมากเกินไป ทั้งนิสัย ความคิด พื้นฐานครอบครัว”
“คนต่างกันใช่จะรักยืนยาวกันไม่ได้”
“นี่คุณค้านเพราะคิดงั้นจริงๆ หรือเพราะเถียงผมจนติดนิสัยกันแน่”
“แล้วที่คุณพยายามเลี่ยงคำถามฉันเพราะติดเป็นนิสัย หรือเพราะหาเหตุผลดีๆ มาอธิบายไม่ได้กันแน่”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไอ้ความดื้อดึงแบบนี้มันมาพร้อมสายเลือดใช่ไหม ป่านเองก็ใช่ย่อย ผมถึงมั่นใจว่าเธอไปกับพฤกษ์ไม่รอดหรอก”
“อ๋อ ที่แท้ก็เห็นกว่าป่านไม่สูงส่งพอเหมาะกับหลานคุณ!”
จู่ๆ อุณหภูมิน้ำดูจะทะลักใกล้จุดเดือดในพริบตา แล้วก่อนที่สุเมธทันพูดอะไรหล่อนก็ว่ายหนีปีนบันไดขึ้นจากสระ คว้าเสื้อคลุมปรี่เข้าตัวบ้าน ชายหนุ่มไล่ตามถึงตอนที่หล่อนกำลังวิ่งขึ้นบันไดจึงรีบร้องใส่
“เดี๋ยวก่อน เรายังคุยกันไม่จบนะ คุณตีความคำพูดผมไปคนละทางแล้ว”
ธีร์วราเกาะราวบันได หันขวับมาด้วยแววตาแข็งกร้าว “จะสนทำไมว่าคุณพูดยังไงหรือฉันคิดแบบไหน ในเมื่อสุดท้ายผลลัพธ์ย่อมเหลืออย่างเดียว คนของลายหงส์กับอมราไม่มีทางญาติดีกันได้ เรื่องก็แค่นี้!”
กล่าวจบหมุนตัวเดินพรวดถึงชั้นสอง ส่วนสุเมธหยุดแค่ชานบันไดเพราะตกลงกันไว้แต่ต้นว่าเขากับหลานชายจะไม่ขึ้นข้างบนซึ่งเป็นพื้นที่ของผู้หญิงเด็ดขาด ทำได้เพียงมองหล่อนปิดประตูห้องนอนดังปัง ตนเองเกาหัวหงุดหงิดจนหยดน้ำกระจายเปื้อนเสื้อคลุมที่คว้ามาสวมแบบลวกๆ
ระหว่างพวกเขานี่ ไม่มีทางพูดกันดีๆ ได้เกินสิบประโยคเลยใช่ไหม!
*****
บานประตูเพิ่งกระแทกโครม ธีร์วราพลันเอนตัวพิงมันไว้ ยกมือนวดขมับที่กำลังปวดหนึบ ดูเหมือนยาจะเริ่มหมดฤทธิ์ อาการเวียนหัวจึงจู่โจมเป็นพักๆ ตั้งแต่ที่สระว่ายน้ำแล้ว ทว่าหล่อนกำลังสนุกจนไม่ทันสนใจ พอเจอสุเมธจี้จุดเรื่องนิสัยปานเรขาซึ่งธีร์วราเองก็แอบกังวลอยู่ ความหงุดหงิดเลยทบเท่าทวี เผลอพาลใส่เขาผิดวิสัยหล่อน
แต่นั่นแหละ ถึงหล่อนจะผิดก็ใช่ว่าเขาจะถูก!
ธีร์วราตัดสินใจกินยาอีกรอบ หลังอาบน้ำล้างคราบคลอรีนจากสระไม่นานก็ผล็อยหลับไป ตื่นขึ้นมาตอนล่วงสู่ยามบ่าย ในหัวยังมึนๆ ตื้อๆ ไม่แน่ใจว่าเพราะเป็นหวัดจริงๆ หรือนอนมากเกินไป จึงตั้งใจกินข้าวกลางวันก่อนแล้วถ้ายังไม่หายค่อยแวะห้องพยาบาลอีกที
พอลงชั้นล่างอดปรายตามองห้องนอนสุเมธไม่ได้ ครั้นเห็นปิดเงียบจึงเร่งฝีเท้าออกนอกบ้าน ปะทะไอชื้นค่อยทราบว่าฝนเพิ่งหยุดตก ในรีสอร์ทล้วนมีแต่ต้นไม้บรรยากาศเลยชุ่มฉ่ำไปหมด ธีร์วราสูดกลิ่นฝนเข้าเต็มปอด เปลี่ยนใจเลือกทางอ้อมเดินทอดน่องชมทิวทัศน์สองข้างทางไปเรื่อย จนไปเจอดอกไม้สีม่วงสดเกาะบนต้นไม้ หญิงสาวชอบอะไรประเภทนี้อยู่แล้ว แต่มันเป็นช่วงหัวโค้งซึ่งดินข้างถนนยื่นแหลมไปไกลกว่าแถวอื่น ส่วนเจ้าต้นไม้นั่นก็ขึ้นบนพื้นที่อยู่ถัดจากถนนลงไปอีกชั้น โผล่ส่วนกิ่งที่มีดอกไม้เกาะอยู่ให้เห็นลิบๆ
ธีร์วรามองซ้ายขวา ตัดสินใจปีนรั้วขอบถนนที่เป็นไม้กั้นสูงประมาณเอว เดินไปใกล้ปลายแหลมของพื้นข้างถนนเพื่อพินิจดอกไม้ให้ชัด
“คุณแก้ว! ทำอะไรน่ะ”
ธีร์วราตกใจหันขวับ เห็นสุเมธผู้ร้องเรียกแค่เสี้ยววินาทีเท้าดันเหยียบดินเปียกๆ จนเซล้ม หงายหลังลื่นตกลงไปอีกชั้นทันที!
คู่เล่ห์เคียงรัก ตอนที่ 11
รุ่งขึ้นมีกิจกรรมนั่งเรือไปแหล่งดำน้ำชมปะการังที่ปานเรขาจองไว้ แต่พอหลานสาวเคาะประตูปลุกในตอนเช้า ธีร์วราก็โอดครวญ
“อาเพลียไปหมด มึนหัวด้วย ขอบายหนึ่งวันนะ”
คงเพราะช่วงหลังเอาแต่ทำงานนั่งโต๊ะและเคร่งเครียดหลายอย่าง ครั้นจู่ๆ ออกแรงหนักเสียสองวันติดร่างกายจึงประท้วง ธีร์วราตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดเมื่อยและดูเหมือนจะมีไข้นิดๆ
“ตายจริง ไปห้องพยาบาลไหมคะ ที่รีสอร์ทไม่มีหมอแต่มีพยาบาลประจำอยู่”
“อาพกยามาจ้ะ กินแล้วค่อยยังชั่วขึ้นแต่อยากขอพักอีกหน่อย”
“ยังไงก็ลุกไปกินข้าวกันก่อนนะคะ แล้วค่อยกลับมานอน”
สองสาวแต่งตัวเดินลงชั้นล่าง เพื่อพบกับพฤกษ์ยืนรอรายงานว่า “บริษัทส่งงานด่วนให้อาเมธทางอีเมล คงยุ่งทั้งเช้าเลย ไปดำน้ำกับพวกเราไม่ได้แล้ว”
สุเมธออกจากห้องมาสมทบ “โทษทีนะ พอดีเจ้าครามเตรียมรายละเอียดที่จะประชุมวันนี้ไม่เสร็จ เลขาฯ เขาเลยประสานงานมา”
“อาแก้วไม่สบายขอตัวเหมือนกัน เท่ากับป่านต้องดำน้ำกับพี่พฤกษ์สองคนหรือคะ”
ธีร์วราและสุเมธมองหน้ากัน ล้วนนึกถึงข้อตกลงที่จะไม่ปล่อยหลานๆ ไว้สองต่อสอง แต่สภาพธีร์วราแม้ไปด้วยคงหมดแรงเฝ้าดู สุเมธจึงส่ายหัวปลงตก กำลังจะเอ่ยปากทว่าธีร์วราชิงพูดตัดหน้า
“ก็คงงั้นแหละ ป่านไปกันสองคนเถอะ”
สุเมธเลิกคิ้วสูง ด้านพฤกษ์เองยังหลุดปาก “จะดีหรือครับ”
“แล้วไม่ดีตรงไหนล่ะ” ประธานบอร์ดลายหงส์เผยรอยยิ้ม “อาฝากดูแลน้องด้วยนะพฤกษ์”
เมื่อตกลงกันเสร็จสุเมธจึงแยกตัวกลับห้องเพื่อทำงานต่อ เนื่องจากแผนที่อมราจะเปิดสินค้าใหม่เตรียมสู้กับ cool couple ของลายหงส์คืบหน้าเร็วกว่าที่คาด ลายครามต้องการเตรียมงานบางส่วนเสียแต่เนิ่นๆ เลยเร่งรัดขอรายละเอียดไว้เสนอที่ประชุม สุเมธไม่อยากขัดใจเพื่อน
กว่าจะเงยหน้าจากคอมพิวเตอร์แบบพกพาก็เกือบสิบโมงเช้า ชายหนุ่มทบทวนข้อมูลอีกเที่ยวก่อนกดส่งอีเมล บิดขี้เกียจพลางมองนอกหน้าต่าง เห็นทะเลสีครามแล้วชักเสียดาย จึงรีบเปลี่ยนชุดหมายจะว่ายน้ำในสระของห้องพักให้ชุ่มปอด แต่เมื่อหยิบผ้าขนหนูพาดบ่าเดินมาถึงกลางห้องนั่งเล่น กลับพบว่ามีคนใจตรงกันเสียแล้ว
ธีร์วรากำลังดำผุดดำว่ายอยู่กลางสระ ชายหนุ่มหยุดยืนใต้ชายคาบ้านพัก กอดอกมองเรือนร่างในชุดวันพีชสีครีมตัดขอบแดงที่ว่ายวนไปทั่ว แล้วจู่ๆ ท่าทางขุ่นเคืองของหล่อนเมื่อวานพลันลอยเข้าหัว เขาส่ายหน้า ตัดสินใจจะเดินอ้อมตัวบ้านเพื่อหาทางลงชายหาด
“คุณจะไปไหนคะ”
สุเมธยังก้าวไม่พ้นขอบสระด้วยซ้ำจึงหันกลับตามเสียงทัก ธีร์วรากำลังลอยตัวในน้ำมองมาที่เขา ประธานฯ หนุ่มยักไหล่ “จะลงไปเล่นน้ำทะเล”
“สระก็อยู่ตรงนี้เอง หรือคุณชอบว่ายที่ทะเลมากกว่า”
ไม่ อันที่จริงเขาอยากว่ายสบายๆ มากกว่าต้องไปโต้คลื่นที่ทะเล ก้มดูใบหน้ายิ้มๆ ของหล่อนแล้วเลยโยนผ้าเช็ดตัวไว้บนเตียงริมสระ หย่อนตัวลงน้ำทันที ด้านธีร์วราก็ว่ายไปอีกทางไม่ได้สนใจเขา ต่างคนเล่นน้ำตัวใครตัวมัน ชายหนุ่มเพลินอยู่สักพักสายตาเจ้ากรรมก็เริ่มเหล่มองเพื่อนร่วมสระ
คราวแรกธีร์วราเริ่มว่ายนิ่งๆ กับที่ พอเขาวนกลับมาอีกรอบหล่อนกำลังลอยตัวมองท้องฟ้า เมื่อวนถึงครั้งที่สามหญิงสาวก็โผไปเกาะขอบสระด้านริมทะเล ทอดสายตาอย่างไร้จุดหมาย ขณะที่เขาดำน้ำลึกลงเรื่อยๆ เบื้องหน้าคือน้ำสีฟ้าใสแต่ดันมีภาพใครบางคนซ้อนทับเป็นระยะ สุดท้ายเลยถีบตัวขึ้นผิวน้ำไปเกาะขอบสระข้างหล่อน
“เหนื่อยแล้วหรือคุณ”
“เปล่าค่ะ” หล่อนยันคางกับแขนที่พาดไขว้กัน “แค่...ทะเลวันนี้สวย”
ทิวทัศน์ตรงหน้าก็สวยจริงๆ นั่นแหละ ท้องนภาไร้เมฆราวครอบแก้วสีฟ้าขังทะเลเขียวสดล้อคลื่นเป็นประกาย แต่สุเมธกลับมองมันแค่แวบเดียวเท่านั้น
ผมยาวเลยไหล่ของธีร์วรายามนี้เปียกลู่แนบศีรษะ เผยวงหน้าคมเรียวรับหางตาเชิดน้อยๆ ผิวเนียนละเอียดขับเน้นคิ้วดำยาวดูโดดเด่น ริมฝีปากแดงระเรื่อยกแย้มน้อยๆ สุเมธชักอยากเสกกล้องขึ้นในมือหรือพู่กันสักด้าม เผื่อจะถ่ายไม่ก็ระบายภาพตรงหน้าเก็บไว้ดูคนเดียว
เขารีบสะบัดหัวขับไล่ความฟุ้งซ่าน คิดอะไรกัน! นี่คนของลายหงส์นะ ท่องไว้ คนของลายหงส์!
แต่เมื่อมาอยู่ที่เกาะความจริงอันนั้นกลับเรือนลางลงทุกที โดยเฉพาะยามเห็นหล่อนเผลอยิ้มให้ท้องทะเลเหมือนเช่นตอนนี้ จะใช้กล้องคุณภาพยอดเยี่ยมหรือจิตกรฝีมือเลิศเลอขนาดไหน ก็ไม่มีวันถ่ายทอดได้เพียงครึ่งของสิ่งที่มองอยู่ จะมีทางบ้างไหม...ให้รอยยิ้มนั้นหันมาที่เขาบ้าง
สุเมธรีบพูด หวังกลบเกลื่อนอาการคันยุบยิบในหัวใจ “นึกว่าคุณกินยาแล้วนอนอยู่ซะอีก”
“ก็หลับไปงีบหนึ่งเหมือนกัน พอตื่นเลยอยากว่ายน้ำให้สมองโปร่ง”
ชายหนุ่มอมยิ้มยามระลึกว่าสักสิบนาทีก่อนเขาก็เพิ่งคิดเหมือนกัน “เมื่อวานเห็นคุณตึงๆ นึกว่ายังโกรธอยู่ แต่ดันอนุญาตพวกเด็กๆ ไปเที่ยวตามลำพังซะงั้น ไม่ได้ไข้กลับจนเบลอใช่ไหม”
หล่อนปรายตามา “ก็คุณชอบย้ำให้ฉันเชื่อใจไม่ใช่เหรอ”
“หือ? คุณยอมเชื่อใจผมแล้ว”
“พฤกษ์เป็นเด็กดีค่ะ รู้จักรับผิดชอบวางใจได้”
ชายหนุ่มหัวเราะ เสยผมจนหยาดน้ำไหลลงมาตามแนวกราม ไรหนวดเขียวจางๆ ดูเพลินตา “ไว้ใจเจ้าพฤกษ์ก็ยังดี นับเป็นก้าวกระโดดขนานใหญ่จนชักอยากรู้ว่าอะไรเปลี่ยนใจคุณ”
“ฉันเองก็อยากรู้เรื่องหนึ่ง คุณใช้วิธีปล่อยเด็กสองคนนั่นไปตามธรรมชาติ ทำไมมั่นใจนักว่าสุดท้ายพวกเขาต้องเลิกกัน”
เขาประหลาดใจจนลืมว่าหล่อนยังไม่ได้ตอบข้อสงสัยตนเอง “ทำไมมั่นใจหรือ คุณเองก็คงเห็นเหมือนผมนั่นแหละ พวกเขาต่างกันมากเกินไป ทั้งนิสัย ความคิด พื้นฐานครอบครัว”
“คนต่างกันใช่จะรักยืนยาวกันไม่ได้”
“นี่คุณค้านเพราะคิดงั้นจริงๆ หรือเพราะเถียงผมจนติดนิสัยกันแน่”
“แล้วที่คุณพยายามเลี่ยงคำถามฉันเพราะติดเป็นนิสัย หรือเพราะหาเหตุผลดีๆ มาอธิบายไม่ได้กันแน่”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไอ้ความดื้อดึงแบบนี้มันมาพร้อมสายเลือดใช่ไหม ป่านเองก็ใช่ย่อย ผมถึงมั่นใจว่าเธอไปกับพฤกษ์ไม่รอดหรอก”
“อ๋อ ที่แท้ก็เห็นกว่าป่านไม่สูงส่งพอเหมาะกับหลานคุณ!”
จู่ๆ อุณหภูมิน้ำดูจะทะลักใกล้จุดเดือดในพริบตา แล้วก่อนที่สุเมธทันพูดอะไรหล่อนก็ว่ายหนีปีนบันไดขึ้นจากสระ คว้าเสื้อคลุมปรี่เข้าตัวบ้าน ชายหนุ่มไล่ตามถึงตอนที่หล่อนกำลังวิ่งขึ้นบันไดจึงรีบร้องใส่
“เดี๋ยวก่อน เรายังคุยกันไม่จบนะ คุณตีความคำพูดผมไปคนละทางแล้ว”
ธีร์วราเกาะราวบันได หันขวับมาด้วยแววตาแข็งกร้าว “จะสนทำไมว่าคุณพูดยังไงหรือฉันคิดแบบไหน ในเมื่อสุดท้ายผลลัพธ์ย่อมเหลืออย่างเดียว คนของลายหงส์กับอมราไม่มีทางญาติดีกันได้ เรื่องก็แค่นี้!”
กล่าวจบหมุนตัวเดินพรวดถึงชั้นสอง ส่วนสุเมธหยุดแค่ชานบันไดเพราะตกลงกันไว้แต่ต้นว่าเขากับหลานชายจะไม่ขึ้นข้างบนซึ่งเป็นพื้นที่ของผู้หญิงเด็ดขาด ทำได้เพียงมองหล่อนปิดประตูห้องนอนดังปัง ตนเองเกาหัวหงุดหงิดจนหยดน้ำกระจายเปื้อนเสื้อคลุมที่คว้ามาสวมแบบลวกๆ
ระหว่างพวกเขานี่ ไม่มีทางพูดกันดีๆ ได้เกินสิบประโยคเลยใช่ไหม!
*****
บานประตูเพิ่งกระแทกโครม ธีร์วราพลันเอนตัวพิงมันไว้ ยกมือนวดขมับที่กำลังปวดหนึบ ดูเหมือนยาจะเริ่มหมดฤทธิ์ อาการเวียนหัวจึงจู่โจมเป็นพักๆ ตั้งแต่ที่สระว่ายน้ำแล้ว ทว่าหล่อนกำลังสนุกจนไม่ทันสนใจ พอเจอสุเมธจี้จุดเรื่องนิสัยปานเรขาซึ่งธีร์วราเองก็แอบกังวลอยู่ ความหงุดหงิดเลยทบเท่าทวี เผลอพาลใส่เขาผิดวิสัยหล่อน
แต่นั่นแหละ ถึงหล่อนจะผิดก็ใช่ว่าเขาจะถูก!
ธีร์วราตัดสินใจกินยาอีกรอบ หลังอาบน้ำล้างคราบคลอรีนจากสระไม่นานก็ผล็อยหลับไป ตื่นขึ้นมาตอนล่วงสู่ยามบ่าย ในหัวยังมึนๆ ตื้อๆ ไม่แน่ใจว่าเพราะเป็นหวัดจริงๆ หรือนอนมากเกินไป จึงตั้งใจกินข้าวกลางวันก่อนแล้วถ้ายังไม่หายค่อยแวะห้องพยาบาลอีกที
พอลงชั้นล่างอดปรายตามองห้องนอนสุเมธไม่ได้ ครั้นเห็นปิดเงียบจึงเร่งฝีเท้าออกนอกบ้าน ปะทะไอชื้นค่อยทราบว่าฝนเพิ่งหยุดตก ในรีสอร์ทล้วนมีแต่ต้นไม้บรรยากาศเลยชุ่มฉ่ำไปหมด ธีร์วราสูดกลิ่นฝนเข้าเต็มปอด เปลี่ยนใจเลือกทางอ้อมเดินทอดน่องชมทิวทัศน์สองข้างทางไปเรื่อย จนไปเจอดอกไม้สีม่วงสดเกาะบนต้นไม้ หญิงสาวชอบอะไรประเภทนี้อยู่แล้ว แต่มันเป็นช่วงหัวโค้งซึ่งดินข้างถนนยื่นแหลมไปไกลกว่าแถวอื่น ส่วนเจ้าต้นไม้นั่นก็ขึ้นบนพื้นที่อยู่ถัดจากถนนลงไปอีกชั้น โผล่ส่วนกิ่งที่มีดอกไม้เกาะอยู่ให้เห็นลิบๆ
ธีร์วรามองซ้ายขวา ตัดสินใจปีนรั้วขอบถนนที่เป็นไม้กั้นสูงประมาณเอว เดินไปใกล้ปลายแหลมของพื้นข้างถนนเพื่อพินิจดอกไม้ให้ชัด
“คุณแก้ว! ทำอะไรน่ะ”
ธีร์วราตกใจหันขวับ เห็นสุเมธผู้ร้องเรียกแค่เสี้ยววินาทีเท้าดันเหยียบดินเปียกๆ จนเซล้ม หงายหลังลื่นตกลงไปอีกชั้นทันที!