คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
มันเป็นการมองโลกที่ต่างกับของคนใน Gen ที่ต่างกัน ปัญหาคือคนรุ่นเก่าก็อยากให้ลูกหลานเดินตามทางที่ตนเองเห็นว่าดี (บางทีหนักกว่านั้น ไม่เคยทำงาน แค่ได้ยินคนบอกว่าแบบนี้ดี ก็เลยอยากให้ลูกหลานเดินตามทางนี้บ้าง) ดังนั้นก็ต้องลองอธิบายให้แม่ฟังว่ายุคสมัยต่างไปแล้ว ในเมื่อเรามีฝีมือ มีความสามารถ ทำไมเราไม่ใช้ความสามารถเพื่อตัวเอง จะไปใช้ความสามารถเพื่อคนอื่นทำไม หากอธิบายได้ก็ดี แต่หากอธิบายไม่ได้ก็ต้องเดินตามทางที่ตัวเองเลือกจะดีที่สุด
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
"แม่ก็พูดขึ้นมาว่า เราทำงานประจำก็ต้องซื่อสัตย์ต่องานของเรา ทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงๆ"
"ผมมองว่างานประจำก็ไม่ได้เป็นงานที่คงทนถาวรอะไร เราทำงานตามชั่วโมงเวลาที่เค้ากำหนดมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับพอดีก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?"
ผมรุ่นคุณแม่คุณ จบตรีวิศวะสามย่าน จบโทที่อเริกา ได้งานทำทันทีที่อเมริกา ผมมีคติเหมือนแม่คุณ ทำงานดี รวดเร็ว ประสิทธิภาพสูง เจ้านายชอบมาก เป็นสปอนเซอร์ขอใบเขียวให้ งานทุกอย่างมีขึ้นมีลงตามสถานะภาพของเศรษฐกิจ พอถึงเวลาขาลง บริษัทก็จำเป็นต้องเลย์-ออฟพนักงานบางส่วน ผมไม่เคยถูกเลย์ออฟเลย เจ้านายถึงกับบอกผมว่า ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะถูกเลย์ออฟก็ต่อเมื่อบริษัทแย่ถึงขนาดต้องปิด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผมทำงานให้เขาเห็นคุณค่าในความสามารถและมีประสิทธิภาพสูง ทุกบริษัทต้องการพนักงานแบบนี้ครับ
ถ้าผมทำงานแบบคุณ ก็คงถูกเลย์ออฟไปนานแล้ว คงมีพนักงานมากมายที่คิดแบบคุณ คือทำงานแลกเงินไปวันๆ ไม่สู้งาน ไม่คิดก้าวหน้า เพราะคิดว่าไม่นานก็คงถูกเลิกจ้าง ต้องไปหางานใหม่อยู่ดี ทำงานหลายปีแบบไม่มีประสิทธิภาพ มิน่าพออายุเริ่มมากจึงไม่มีใครอยากจ้าง
ถ้าคุณมีคติในการทำงานดีแบบที่คุณแม่คุณสอน คุณจะเป็นพนักงานที่ทุกบริษัทอยากจ้าง โอกาสตกงานจะน้อยลง ทำงานดีมีชื่อเสียงในแวดวงงาน จะมีบริษัทอื่นอยากจะมาขอซื้อตัวไปด้วยซ้ำ
"ผมมองว่างานประจำก็ไม่ได้เป็นงานที่คงทนถาวรอะไร เราทำงานตามชั่วโมงเวลาที่เค้ากำหนดมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับพอดีก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?"
ผมรุ่นคุณแม่คุณ จบตรีวิศวะสามย่าน จบโทที่อเริกา ได้งานทำทันทีที่อเมริกา ผมมีคติเหมือนแม่คุณ ทำงานดี รวดเร็ว ประสิทธิภาพสูง เจ้านายชอบมาก เป็นสปอนเซอร์ขอใบเขียวให้ งานทุกอย่างมีขึ้นมีลงตามสถานะภาพของเศรษฐกิจ พอถึงเวลาขาลง บริษัทก็จำเป็นต้องเลย์-ออฟพนักงานบางส่วน ผมไม่เคยถูกเลย์ออฟเลย เจ้านายถึงกับบอกผมว่า ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะถูกเลย์ออฟก็ต่อเมื่อบริษัทแย่ถึงขนาดต้องปิด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผมทำงานให้เขาเห็นคุณค่าในความสามารถและมีประสิทธิภาพสูง ทุกบริษัทต้องการพนักงานแบบนี้ครับ
ถ้าผมทำงานแบบคุณ ก็คงถูกเลย์ออฟไปนานแล้ว คงมีพนักงานมากมายที่คิดแบบคุณ คือทำงานแลกเงินไปวันๆ ไม่สู้งาน ไม่คิดก้าวหน้า เพราะคิดว่าไม่นานก็คงถูกเลิกจ้าง ต้องไปหางานใหม่อยู่ดี ทำงานหลายปีแบบไม่มีประสิทธิภาพ มิน่าพออายุเริ่มมากจึงไม่มีใครอยากจ้าง
ถ้าคุณมีคติในการทำงานดีแบบที่คุณแม่คุณสอน คุณจะเป็นพนักงานที่ทุกบริษัทอยากจ้าง โอกาสตกงานจะน้อยลง ทำงานดีมีชื่อเสียงในแวดวงงาน จะมีบริษัทอื่นอยากจะมาขอซื้อตัวไปด้วยซ้ำ
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่มีงานอะไรที่มั่นคงหรอกค่ะ
ทำราชการ ทำผิดก็มีสิทธิโดนปลด ไม่ถูกกับนายก็มีสิทธิโดนบีบ
ทำเอกชน อายุมาก ไม่เก่งพอ ก็มีสิทธิโดนบีบ หางานใหม่ยาก
ทำธุรกิจ ก็เสี่ยงเจ๊ง เสี่ยงการเงิน เสี่ยงคู่แข่ง
แต่ผู้ใหญ่บอกให้ทำงานประจำและซื่อสัตย์ถูกต้องแล้ว
เพราะถือเป็นการหาประสบการณ์และเตรียมความพร้อมตนเอง
สู่การเป็นหัวหน้างานหรือทำธุรกิจตนเองภายหน้า
ทำราชการ ทำผิดก็มีสิทธิโดนปลด ไม่ถูกกับนายก็มีสิทธิโดนบีบ
ทำเอกชน อายุมาก ไม่เก่งพอ ก็มีสิทธิโดนบีบ หางานใหม่ยาก
ทำธุรกิจ ก็เสี่ยงเจ๊ง เสี่ยงการเงิน เสี่ยงคู่แข่ง
แต่ผู้ใหญ่บอกให้ทำงานประจำและซื่อสัตย์ถูกต้องแล้ว
เพราะถือเป็นการหาประสบการณ์และเตรียมความพร้อมตนเอง
สู่การเป็นหัวหน้างานหรือทำธุรกิจตนเองภายหน้า
แสดงความคิดเห็น
ทำไมผ็ใหญ่มักจะมองว่า งานประจำคือทางออกสำหรับเด็กจบใหม่
ซึ่งผมมองว่างานประจำก็ไม่ได้เป็นงานที่คงทนถาวรอะไร เราทำงานตามชั่วโมงเวลาที่เค้ากำหนดมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับพอดีก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ?
ไหนเลยจะต้องถวายหัวให้ เพราะผมเข้าไปทำงานเพียงเอาประสบการ์ณก็เท่านั้นเอง บอกตรงๆว่าไม่มีใครอยากทำงานกินเงินเดทือนไปตลอดชีวิตครับ ทุกคนล้วนมองหาความมั่งคั่ง ไม่ใช่เพียงแค่มั่นคง ผมเลยสงสัยว่าทำไมคุณแม่ของผมซึ่งเกิดในยุค BABY BOOM จะเอาความคงทนถาวรจากงานประจำอะไร ในเมื่ออีกไม่กี่ปีข้างหน้าเราก็ไม่รู้ว่า AI จะมาแย่งงานเราเมื่อไหร่ ที่สำคัญทุกบริษัทล้วนอยากลดต้นทุนด้วยกันทั้งสิ้นนี่เป็นเรื่องน่าคิดครับสำหรับ GEN Y แบบผมที่ทำงานในยุค 4.0 แบบนี้