ปัญหาการท้าทายให้พิสูจน์ หรืออ้างว่าไม่มีตาทิพย์ หูทิพย์ คนธรรมดาไม่รู้ไม่เห็นได้ รู้ได้ไงนรกสวรรค์ นิพพาน ภพภูมิ มีจริง
พระอรหันต์สารีบุตรอัครสาวกผู้เลิศทางด้านปัญญา รองจากพระศาสดา ท่านไม่มีเจโตปริยญาณ(รู้ใจผู้อื่น) ในพระพุทธเจ้าทั้งหมด
แล้วทำไมท่านถึงกล้ากล่าวว่า พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ไม่มีองค์อื่นทั้งในอดีตและอนาคตที่จะยิ่งกว่า
ด้วยถ้อยคำว่า ข้าพระองค์เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคอย่างนี้ว่า ทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน ไม่มีสมณะหรือพราหมณ์อื่นที่จะมี
ความรู้ยิ่งไปกว่าพระผู้มีพระภาคในทางพระสัมโพธิญาณ ฯ โดยท่านใช้วิธีการอนุมานจากสิ่งที่ท่านรู้ไปสิ่งที่ท่านไม่รู้
สิ่งที่ท่านไม่รู้ในที่นี้หมายถึงไม่รู้ใจพระพุทธเจ้าทั้งหมดที่เคยมี ที่มีอยู่ และที่จะมี
พวกเราคนธรรมดา ไม่มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ก็อาจใช้แนวทางนี้ในการอนุมานจากสิ่งที่รู้แล้วในเบื้องต้น
ไปสู่พระธรรมคำสอนที่เรายังไม่รู้ไม่เห็นในตอนนี้ว่า น่าจะจริงแท้ คือมีสัทธานั้นเอง
เป็นสัทธาที่มีบาทฐานของปัญญา ไม่ใช่สัทธาแบบงมงาย
ประเด็นคือเราอาจมีความเชื่อความสัทธาในสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ แม้ว่าไม่ได้เห็นแจ้งประจักษ์
แต่ก็ต้องอิงอาศัยความรู้บางส่วนที่เรารู้แจ้งประจักษ์ส่วนหนึ่งแล้วด้วยปัญญา
ซึ่งก็คือ
อาการที่เป็นแนวของธรรม
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=11&A=2130&Z=2536
พระสูตรนี้เหมาะมากกับผู้ที่สงสัยในพระตถาคต ดังพุทธพจน์
-----ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสกะท่านพระสารีบุตรว่า เพราะเหตุนั้นแล
สารีบุตร เธอพึงกล่าวธรรมปริยายนี้เนืองๆ แก่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้ง
หลายในธรรมวินัยนี้
ดูกรสารีบุตรความสงสัยหรือความเคลือบแคลงในตถาคตซึ่งจัก
ยังมีอยู่บ้างแก่โมฆบุรุษทั้งหลาย พวกเขาจักละเสียได้ เพราะได้ฟังธรรมปริยายนี้ ฯ
ปัญหาการท้าทายให้พิสูจน์ หรืออ้างว่าไม่มีตาทิพย์ หูทิพย์ คนธรรมดาไม่รู้ไม่เห็นได้ รู้ได้ไงนรกสวรรค์ นิพพาน ภพภูมิ มีจริง
พระอรหันต์สารีบุตรอัครสาวกผู้เลิศทางด้านปัญญา รองจากพระศาสดา ท่านไม่มีเจโตปริยญาณ(รู้ใจผู้อื่น) ในพระพุทธเจ้าทั้งหมด
แล้วทำไมท่านถึงกล้ากล่าวว่า พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ไม่มีองค์อื่นทั้งในอดีตและอนาคตที่จะยิ่งกว่า
ด้วยถ้อยคำว่า ข้าพระองค์เลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคอย่างนี้ว่า ทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน ไม่มีสมณะหรือพราหมณ์อื่นที่จะมี
ความรู้ยิ่งไปกว่าพระผู้มีพระภาคในทางพระสัมโพธิญาณ ฯ โดยท่านใช้วิธีการอนุมานจากสิ่งที่ท่านรู้ไปสิ่งที่ท่านไม่รู้
สิ่งที่ท่านไม่รู้ในที่นี้หมายถึงไม่รู้ใจพระพุทธเจ้าทั้งหมดที่เคยมี ที่มีอยู่ และที่จะมี
พวกเราคนธรรมดา ไม่มีหูทิพย์ ตาทิพย์ ก็อาจใช้แนวทางนี้ในการอนุมานจากสิ่งที่รู้แล้วในเบื้องต้น
ไปสู่พระธรรมคำสอนที่เรายังไม่รู้ไม่เห็นในตอนนี้ว่า น่าจะจริงแท้ คือมีสัทธานั้นเอง
เป็นสัทธาที่มีบาทฐานของปัญญา ไม่ใช่สัทธาแบบงมงาย
ประเด็นคือเราอาจมีความเชื่อความสัทธาในสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ แม้ว่าไม่ได้เห็นแจ้งประจักษ์
แต่ก็ต้องอิงอาศัยความรู้บางส่วนที่เรารู้แจ้งประจักษ์ส่วนหนึ่งแล้วด้วยปัญญา
ซึ่งก็คือ อาการที่เป็นแนวของธรรม
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=11&A=2130&Z=2536
พระสูตรนี้เหมาะมากกับผู้ที่สงสัยในพระตถาคต ดังพุทธพจน์
-----ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสกะท่านพระสารีบุตรว่า เพราะเหตุนั้นแล
สารีบุตร เธอพึงกล่าวธรรมปริยายนี้เนืองๆ แก่ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาทั้ง
หลายในธรรมวินัยนี้ ดูกรสารีบุตรความสงสัยหรือความเคลือบแคลงในตถาคตซึ่งจัก
ยังมีอยู่บ้างแก่โมฆบุรุษทั้งหลาย พวกเขาจักละเสียได้ เพราะได้ฟังธรรมปริยายนี้ ฯ