บทความเกี่ยวกับ Data science ใน EPL ครับ เดิมทีแปลลงเพจ แต่เหมาะกับแฟนบอลกลุ่มอื่นๆด้วย ก็ขอเอามาลงพันทิปด้วยแล้วกัน ต้นฉบับอยู่ที่ https://www.wired.co.uk/article/premier-league-stats-football-analytics-prozone-gegenpressing-tiki-taka
เนื่องจากแมนซิตี้เป็นพระเอก แฟนซิตี้เข้ามาอธิบายว่าใครตอนนี้ทำอะไรที่ไหนก็ดีครับ
เมื่อ ไซมอน วิลสัน มาที่เซาแธมตันครั้งแรก เขาเป็นที่ปรึกษาของสตาร์ทอัพชื่อ Prozone(โปรโซน) โปรโซนได้พัฒนาซอฟแวร์ติดตามผู้เล่นขึ้นมา มันอาศัยกล้องแปดตัวรอดๆสนาม อัพเดตการเคลื่อนไหวของผู้เล่นทุกๆ 0.1 วินาที แล้วให้ข้อมูลออกมาเป็นอนิเมชั่นสองมิติจากด้านบน(นึกภาพเกมแบบ FM ไว้ครับ) มันเก็บข้อมูลการจับบอลมากกว่า 3000 ครั้งต่อเกม และให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการคำนวณทางสถิติจำนวนมาก เซาแธมตัน ซื้อโปรโซน และจ้างวิลสัน เป็นนักวิเคราะห์สำหรับทีมชุดใหญ่
"โปรโซนไม่ใช่ส่วนนึงของวัฒนธรรมฟุตบอล และผู้จัดการส่วนใหญ่ก็ไม่คุ้นเคย" วิลสันว่า "ผมซื่อมากตอนนั้น จนไม่เข้าใจว่าใครล่ะ จะไม่อยากได้ข้อมูลพวกนี้"
ครั้งหนึ่งในเดือนสิงหาคม 2005 เกมระหว่าง ลูตันทาวน์ กับเซาแธมตัน วิลสันไปบรีฟให้ทีมและผู้จัดการทีมในตอนนั้น - แฮรี่ เร้ดแนป "แฮรี่เป็นพวกใช้สัญชาติญาณมากกว่าจะนั่งเคราะห์" "เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับการถล่มผู้เล่นด้วยข้อมูลมากเกินไป"
เซาแธมตันแพ้ 3-2 บนรถบัส เร้ดแนปหันมาวิลสันและบอกว่า "ชั้นจะบอกให้นะ อาทิตย์หน้าทำไมแกไม่เอาคอมของแก ไปแข่งกับคอมฝ่ายตรงข้ามแทนล่ะ"
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการบางคนเข้าใจมัน และหนึ่งในนั้นคือ คลิฟ วู้ดวาร์ด เขาเป็นโค้ชของทีมรักบี้ชุดแชมป์โลกปี 2003และ 2005 ในปี 2005 เขาได้สัญญา 1 ปีเป็น Director of Football ให้เซาแธมตัน เขาเคยใช้โปรโซนในรักบี้ โดยติดตั้นมันในทวิคแฮม 4 ปีก่อนเวิร์ลคัพ - ซึ่งทำให้เขาเก็บข้อมูลได้ว่าทั้งอังกฤษและคู่แข่งเล่นอย่างไร
"ผมรักมันแต่แรกพบเลย เพราะไม่เคยเห็นเกมจากมุมมองด้านบนเป็นจุดเคลื่อนไหว" วู้ดวาร์ดว่า "มันตัดอคติว่าทีมเล่นอย่างไรได้เยอะมาก มันแตกต่างมากเวลาเราดูมันเป็นข้อมูล ไม่ใช่ดูมันเป็นทีมที่เราไม่เคยเอาชนะได้เลย"
ครั้งหนึ่ง เมื่อผู้เล่นของเขาบอกว่าไม่มีพื้นที่ในสนามให้วิ่งออกไปได้เลย วู้ดวาร์ด พิมพ์ภาพของโปรโซนในเกมเจอฝรั่งเศส แล้วชี้ให้ทีมดูว่า ผู้เล่นกระจุกกันอยู่ในพื้นที่เล็กๆของสนาม และมีพื้นที่กว้างมหาศาลด้านอื่นที่ไม่มีคนเลย เขาเอามันติดบอร์ดแล้วเขียนไว้ว่า "ที่เขียวๆนั่นไงว่าง"
"คลิฟท้าทายผมตลอดเวลา" วิลสันพูดถึงตอนวู้ดวาร์ดอยู่ที่เซาแธมตัน "เขาถามทุกๆมุมมองในเกม ทำไมเราคิดมากนักเรื่องจะยิงประตู มากกว่าเรื่องป้องกัน ผมพยายามอธิบายว่าเราทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็ถามซ้ำๆว่าทำไม"
วู้ดวาร์ด และวิลสัน พยายามทำหลายๆอย่าง เช่นถ่ายวีดีโอจังหวะผู้เล่นเตะบอล แล้วเอาไปศึกษาทางชีวกลศาสตร์(Biomechanical) การริเริ่มพวกนี้ไม่เคยได้ผล เร้ดแนปออกไปก่อนสิ้นปี แล้ววู้ดวาร์ดตามไปเมื่อสัญญาหมดลง เช่นเดียวกับวิลสัน "วู้ดวาร์ดเชื่อมั่นว่าหลักฐาน - จะเป็นวีดีโอ สถิติหรือข้อมูลอะไรก็ตาม เป็นรากฐานสำคัญของการสร้างทีม" วิลสันพูด
วู้ดวาร์ดยังคงมีอิทธิพลอย่างมากกับเขา "เขาสอนผมว่า เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรซักอย่าง เพราะมันทำแบบนั้นต่อๆกันมา"
ทุกวันนี้ 19 ใน 20 ทีมของพรีเมียร์ลีกใช้โปรโซน ทุกทีมมีนักวิเคราะห์ของตัวเอง และนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลคอยดูตัวบ่งชี้ที่วัดประสิทธิภาพผู้เล่นเป็นตัวเลข เหตุการณ์ที่กำหนดผลของเกม และ ฤดูกาลนั้นๆ พวกเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ชำแหละเกมที่นิยมที่สุดในโลก ดูข้อมูลจากโปรโซนและแหล่งอื่นๆ ที่จะตัดสินชัยชนะระหว่างแพ้และชนะ ในสภาพแวดล้อมหลายล้านปอนด์ ทีมต้องการทุกความได้เปรียบที่เป็นไปได้
ไซมอน วิลสัน ผู้จัดการฝ่ายยุทธศาสตร์ข้อมูลของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
การวิเคราะห์ข้อมูลใน EPL
เนื่องจากแมนซิตี้เป็นพระเอก แฟนซิตี้เข้ามาอธิบายว่าใครตอนนี้ทำอะไรที่ไหนก็ดีครับ
เมื่อ ไซมอน วิลสัน มาที่เซาแธมตันครั้งแรก เขาเป็นที่ปรึกษาของสตาร์ทอัพชื่อ Prozone(โปรโซน) โปรโซนได้พัฒนาซอฟแวร์ติดตามผู้เล่นขึ้นมา มันอาศัยกล้องแปดตัวรอดๆสนาม อัพเดตการเคลื่อนไหวของผู้เล่นทุกๆ 0.1 วินาที แล้วให้ข้อมูลออกมาเป็นอนิเมชั่นสองมิติจากด้านบน(นึกภาพเกมแบบ FM ไว้ครับ) มันเก็บข้อมูลการจับบอลมากกว่า 3000 ครั้งต่อเกม และให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการคำนวณทางสถิติจำนวนมาก เซาแธมตัน ซื้อโปรโซน และจ้างวิลสัน เป็นนักวิเคราะห์สำหรับทีมชุดใหญ่
"โปรโซนไม่ใช่ส่วนนึงของวัฒนธรรมฟุตบอล และผู้จัดการส่วนใหญ่ก็ไม่คุ้นเคย" วิลสันว่า "ผมซื่อมากตอนนั้น จนไม่เข้าใจว่าใครล่ะ จะไม่อยากได้ข้อมูลพวกนี้"
ครั้งหนึ่งในเดือนสิงหาคม 2005 เกมระหว่าง ลูตันทาวน์ กับเซาแธมตัน วิลสันไปบรีฟให้ทีมและผู้จัดการทีมในตอนนั้น - แฮรี่ เร้ดแนป "แฮรี่เป็นพวกใช้สัญชาติญาณมากกว่าจะนั่งเคราะห์" "เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับการถล่มผู้เล่นด้วยข้อมูลมากเกินไป"
เซาแธมตันแพ้ 3-2 บนรถบัส เร้ดแนปหันมาวิลสันและบอกว่า "ชั้นจะบอกให้นะ อาทิตย์หน้าทำไมแกไม่เอาคอมของแก ไปแข่งกับคอมฝ่ายตรงข้ามแทนล่ะ"
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการบางคนเข้าใจมัน และหนึ่งในนั้นคือ คลิฟ วู้ดวาร์ด เขาเป็นโค้ชของทีมรักบี้ชุดแชมป์โลกปี 2003และ 2005 ในปี 2005 เขาได้สัญญา 1 ปีเป็น Director of Football ให้เซาแธมตัน เขาเคยใช้โปรโซนในรักบี้ โดยติดตั้นมันในทวิคแฮม 4 ปีก่อนเวิร์ลคัพ - ซึ่งทำให้เขาเก็บข้อมูลได้ว่าทั้งอังกฤษและคู่แข่งเล่นอย่างไร
"ผมรักมันแต่แรกพบเลย เพราะไม่เคยเห็นเกมจากมุมมองด้านบนเป็นจุดเคลื่อนไหว" วู้ดวาร์ดว่า "มันตัดอคติว่าทีมเล่นอย่างไรได้เยอะมาก มันแตกต่างมากเวลาเราดูมันเป็นข้อมูล ไม่ใช่ดูมันเป็นทีมที่เราไม่เคยเอาชนะได้เลย"
ครั้งหนึ่ง เมื่อผู้เล่นของเขาบอกว่าไม่มีพื้นที่ในสนามให้วิ่งออกไปได้เลย วู้ดวาร์ด พิมพ์ภาพของโปรโซนในเกมเจอฝรั่งเศส แล้วชี้ให้ทีมดูว่า ผู้เล่นกระจุกกันอยู่ในพื้นที่เล็กๆของสนาม และมีพื้นที่กว้างมหาศาลด้านอื่นที่ไม่มีคนเลย เขาเอามันติดบอร์ดแล้วเขียนไว้ว่า "ที่เขียวๆนั่นไงว่าง"
"คลิฟท้าทายผมตลอดเวลา" วิลสันพูดถึงตอนวู้ดวาร์ดอยู่ที่เซาแธมตัน "เขาถามทุกๆมุมมองในเกม ทำไมเราคิดมากนักเรื่องจะยิงประตู มากกว่าเรื่องป้องกัน ผมพยายามอธิบายว่าเราทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็ถามซ้ำๆว่าทำไม"
วู้ดวาร์ด และวิลสัน พยายามทำหลายๆอย่าง เช่นถ่ายวีดีโอจังหวะผู้เล่นเตะบอล แล้วเอาไปศึกษาทางชีวกลศาสตร์(Biomechanical) การริเริ่มพวกนี้ไม่เคยได้ผล เร้ดแนปออกไปก่อนสิ้นปี แล้ววู้ดวาร์ดตามไปเมื่อสัญญาหมดลง เช่นเดียวกับวิลสัน "วู้ดวาร์ดเชื่อมั่นว่าหลักฐาน - จะเป็นวีดีโอ สถิติหรือข้อมูลอะไรก็ตาม เป็นรากฐานสำคัญของการสร้างทีม" วิลสันพูด
วู้ดวาร์ดยังคงมีอิทธิพลอย่างมากกับเขา "เขาสอนผมว่า เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรซักอย่าง เพราะมันทำแบบนั้นต่อๆกันมา"
ทุกวันนี้ 19 ใน 20 ทีมของพรีเมียร์ลีกใช้โปรโซน ทุกทีมมีนักวิเคราะห์ของตัวเอง และนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลคอยดูตัวบ่งชี้ที่วัดประสิทธิภาพผู้เล่นเป็นตัวเลข เหตุการณ์ที่กำหนดผลของเกม และ ฤดูกาลนั้นๆ พวกเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ชำแหละเกมที่นิยมที่สุดในโลก ดูข้อมูลจากโปรโซนและแหล่งอื่นๆ ที่จะตัดสินชัยชนะระหว่างแพ้และชนะ ในสภาพแวดล้อมหลายล้านปอนด์ ทีมต้องการทุกความได้เปรียบที่เป็นไปได้
ไซมอน วิลสัน ผู้จัดการฝ่ายยุทธศาสตร์ข้อมูลของแมนเชสเตอร์ ซิตี้