คือส่วนตัวไม่เชื่อว่าตัวเองจะมีเซ้นอะไร แบบจะเรียกว่าจิตแข็งก็ได้ แต่หลายๆอย่างมันก็บอกว่าใช่แต่ตัวเราก็ค้านเองมาแต่ไหนแต่ไร จนตอนนี้บางทีก็คิดว่าคิดไปเอง ตั้งแต่เด็กเราจะชอบการปฏิบัติธรรม แบบสิ่งศักดิ์สิทธิ์หาวัตถุมงคลอะไรจะไม่อิน การเวียนเทียนอะไรแบบนี้ก็ไม่ค่อย จะชอบการเข้าไปนั่งในโบสถ์ การนั่งสมาธิการสวดมนต์ ชอบการนั่งอยู่เฉยๆในวัดแล้วก็มองไปรอบๆพินิจดูสิ่งต่างๆอยู่กับปจบ. มันรู้สึกเย็นมากค่ะ จะที่ไหนก็ตามที่มีพระพุทธรูป ห้องพระที่บ้านคือสามารถนั่งได้เป็นวันๆ แต่ไม่ได้ถึงขั้นแบบที่พระเก่งๆท่านทำสมาธินะคะ ตามประสาเด็ก แค่ไม่ว้อกแว้ก ชอบการปฏิบัติถึงขั้นเคยอยากบวช แต่พอรู้ว่าผญบวชไม่ได้ก็เศร้า555
แต่มันเริ่มมีจุดที่ทำให้กลัวการสวดมนต์ คือเริ่มจากตอนที่แม่พาไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม แต่ว่าเราต้องไปนอนบ้านพักของวัดพอตี4กว่าค่อยเดินไปศาลาไปเริ่มสวดมนต์นั่งสมาธิ ระยะทางจากบ้านไปศาลาจะไกลอยู่ค่ะหลายร้อยเมตร แบบไกลสำหรับการเดินของเด็กในตอนกลางคืนที่มีแค่ไฟฉาย ตอนนั้นที่นอนคิดแค่แบบพยายามทำจิตสงบเตรียมปฏิบัติพน. แม่ก็นอนปกติ แต่เรารู้สึกยิ่งเราสงบมันยิ่งวุ่นวาย ที่ว่าวุ่นวายคือ เหมือนพอเราเงียบ เราเลยได้ยินเสียงข้างนอกบ้านพัก มันเป็นแค่เสียงลมแรงๆเสียงต้นไม้ ใบไม้พัดแรงๆ กระทบหลังคาบ้าง มันเหมือนแค่ความวุ่นวายของธรรมชาติ แต่เรารู้สึกว่ามันมีอย่างอื่น มันไม่ใช่ธรรมดาของธรรมชาติ แต่ไม่ได้เห็นได้ยินเสียงเป็นคนเป็นอะไร แค่ความรู้สึดมันบอกว่าไม่ใช่ ตอนเด็กก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่คิดว่ามันทำให้เราวุ่นวาย ก็นอนไม่หลับเลยค่ะ พอเช้ามืดก้เดินไปศาลา เดินไปกับแม่สองคนไฟฉายอันเดียวมืดๆ แม่ก้พูดว่าที่นี่ดีเงียบสงบนอนหลับสบาย นี่ก้คิดในใจผิดกับเรามากไม่หลับไม่สบาย แล้วก้รู้สึกว่าต้องรีบเดินๆ มันมืดจนมองไม่เห็นอะไร เห็นแค่ระยะไฟฉายเห็นทางดินที่เป็นทางเดินจะต่างจากตรงที่ไม่ใช่ทางเดินจะมีใบไม้เต็มพื้น ไม่เห็นต้นไม้อะไร แต่มันเหมือนช่วงกระพริบตาของเรา ภาพในตอนตาหลับมันมีอะไรอยู่ มันไม่ได้เห็นชัดแต่ความรู้สึกมันบอก ก้เสียวๆ จนพอถึงศาลาก้ปฏิบัติไปผู้ใหญ่ก้ชมว่าให้ทำไรก้ทำดี ไม่งอแง หลังๆเริ่มง่วง พระท่านก้บอกให้นอนไปเลย ธรรมดาของเด็ก พอกลับมาบ้านค่อยมาคิดทบทวนสิ่งที่คาใจเพราะตอนนั้นไม่กล้าคิด กลัว มานั่งคิดว่าบ้านเป็น1ชั้นเตี้ยๆ แร่ต้นไม้เป็นต้นไม้สูงมาก ต้นที่ใบใหญ่ๆ ลำต้นใหญ่ๆ มันไม่น่าลมพัดมากระทบหลังคาเสียงดัง มันอาจจะมีใบหล่นใส่หลังคาแต่มันจะไม่ดังเหมือนกิ่งไม้ฟาดแน่ๆ หาคำตอบไม่ได้ เริ่มคิดและ1
ขอคำแนะนำค่ะ อยากสวดมนต์แต่กลัว
แต่มันเริ่มมีจุดที่ทำให้กลัวการสวดมนต์ คือเริ่มจากตอนที่แม่พาไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่าเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม แต่ว่าเราต้องไปนอนบ้านพักของวัดพอตี4กว่าค่อยเดินไปศาลาไปเริ่มสวดมนต์นั่งสมาธิ ระยะทางจากบ้านไปศาลาจะไกลอยู่ค่ะหลายร้อยเมตร แบบไกลสำหรับการเดินของเด็กในตอนกลางคืนที่มีแค่ไฟฉาย ตอนนั้นที่นอนคิดแค่แบบพยายามทำจิตสงบเตรียมปฏิบัติพน. แม่ก็นอนปกติ แต่เรารู้สึกยิ่งเราสงบมันยิ่งวุ่นวาย ที่ว่าวุ่นวายคือ เหมือนพอเราเงียบ เราเลยได้ยินเสียงข้างนอกบ้านพัก มันเป็นแค่เสียงลมแรงๆเสียงต้นไม้ ใบไม้พัดแรงๆ กระทบหลังคาบ้าง มันเหมือนแค่ความวุ่นวายของธรรมชาติ แต่เรารู้สึกว่ามันมีอย่างอื่น มันไม่ใช่ธรรมดาของธรรมชาติ แต่ไม่ได้เห็นได้ยินเสียงเป็นคนเป็นอะไร แค่ความรู้สึดมันบอกว่าไม่ใช่ ตอนเด็กก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ แต่คิดว่ามันทำให้เราวุ่นวาย ก็นอนไม่หลับเลยค่ะ พอเช้ามืดก้เดินไปศาลา เดินไปกับแม่สองคนไฟฉายอันเดียวมืดๆ แม่ก้พูดว่าที่นี่ดีเงียบสงบนอนหลับสบาย นี่ก้คิดในใจผิดกับเรามากไม่หลับไม่สบาย แล้วก้รู้สึกว่าต้องรีบเดินๆ มันมืดจนมองไม่เห็นอะไร เห็นแค่ระยะไฟฉายเห็นทางดินที่เป็นทางเดินจะต่างจากตรงที่ไม่ใช่ทางเดินจะมีใบไม้เต็มพื้น ไม่เห็นต้นไม้อะไร แต่มันเหมือนช่วงกระพริบตาของเรา ภาพในตอนตาหลับมันมีอะไรอยู่ มันไม่ได้เห็นชัดแต่ความรู้สึกมันบอก ก้เสียวๆ จนพอถึงศาลาก้ปฏิบัติไปผู้ใหญ่ก้ชมว่าให้ทำไรก้ทำดี ไม่งอแง หลังๆเริ่มง่วง พระท่านก้บอกให้นอนไปเลย ธรรมดาของเด็ก พอกลับมาบ้านค่อยมาคิดทบทวนสิ่งที่คาใจเพราะตอนนั้นไม่กล้าคิด กลัว มานั่งคิดว่าบ้านเป็น1ชั้นเตี้ยๆ แร่ต้นไม้เป็นต้นไม้สูงมาก ต้นที่ใบใหญ่ๆ ลำต้นใหญ่ๆ มันไม่น่าลมพัดมากระทบหลังคาเสียงดัง มันอาจจะมีใบหล่นใส่หลังคาแต่มันจะไม่ดังเหมือนกิ่งไม้ฟาดแน่ๆ หาคำตอบไม่ได้ เริ่มคิดและ1