สานต่อความตั้งใจที่ได้ตั้งเอาไว้สำหรับ เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่ง ไทยแลนด์ กับการลงสนามสู้ศึก ซูซูกะ 4 ชั่วโมงเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันในช่วง 27-29 กรกฎาคมนี้ ด้วยการส่ง “เพียวไทยแลนด์ทีม”ลงฟาดฟันในเกมส์แห่งตำนานรายการนี้ นักแข่งไทย + โค้ชไทย + ช่างไทย + กองเชียร์ไทย = ชัยชนะของคนไทย ที่ประเทศญี่ปุ่น แผ่นดินที่เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของรถจักรยานยนต์และการแข่งขันสองล้อทางเรียบก็ว่าได้
บรรยายภาพ 001 : เพียวไทยแลนด์ทีม พร้อมแล้วกันก้าวย่างที่สำคัญอีกก้าว ในการแข่งขันรายการ Suzuka4 Hours Endurance Road Racing 2018
การแข่งขันที่ชี้ขาดผู้ชนะในเวลา 4 ชั่วโมงมันเหมือนหนังไตรภาคย์ที่ต้องวัดกันหลายด้าน แต่กับการทำงานของทีมและนักแข่ง มันมากกว่า 4 ชั่วโมงหลายเดือนนัก และมันยาวนานกว่านั้นด้วยแพลนหลายปีสำหรับ เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเค้าคือ การควานหาเพชรเม็ดงาม บ่มเพาะต้นกล้าให้มีรากแก้วที่แข็งแรง และเติบโตสู่ศึกระดับโลกที่เป็นดั่งสวรรค์ของเกมส์โรดเรซซิ่งอย่าง “โมโตจีพี” ด้วยเป้า 2025 โดยมีซูซูกะ 4 ชั่วโมงอยู่ในโรดแม็ปที่ว่า
ประสบการณ์ในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตั๋วใบแรก ฤดูกาลที่สองนี้ด้วยธงที่ปักเอาไว้อย่างแน่นปึ๊กว่า ทีมไทย, สายเลือดใหม่ และการเรียนรู้เพื่อเติบใหญ่สู่ระดับโลกในอนาคตนั้น พวกเค้าฟอร์มทีมกันอย่างไรบ้าง หายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะพบกับความตื่นเต้นและภาคภูมิใจของคนไทยในบรรทัดต่อไปครับท่าน....
นักแข่ง
4 ชั่วโมง ตัวรถแข่ง 1 คัน นักแข่ง 2 คน และยาง 1 ชุด ในสนามบนฟลอยางมะตอยที่ซูซูกะ คือข้อตกลงเบื้องต้นในการตัดสินชัยชนะ สำหรับการแข่งขันรายการนี้ จะวางทีมไว้ด้วยนักแข่งตัวหลัก 2 คน และอีก 1 คนคือตัวสแตนด์บายเอาไว้เผื่อว่า เกิดเหตุฉุกเฉินก่อนวันแข่งขันที่จำเป็นต้องเรียกใช้งาน ซึ่งทาง เอ.พี. ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์ ได้สัมผัสมันมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา เมื่อเจ้าดรีม สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง นักแข่งตัวจริงเกิดการบาดเจ็บก่อนวันแข่งไม่กี่ชั่วโมง “เลดี้ฟาสท์” มุกข์ลดา สารพืช ต้องลงสนามแทน ซึ่งต้องชื่นชมการเตรียมทีมของทีมไทยแท้ๆ ทีมนี้ แม้นจะฉุกเฉินแค่ไหน มุกข์ ยังลงไปกดคันเร่งในสนามได้แบบไร้รอยต่อ
บรรยายภาพ 002 : 3 นักแข่งของ เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่ง ไทยแลนด์ กับก้าวที่สำคัญของทีม นักแข่งและกองเชียร์ชาวไทย บททดสอบที่สำคัญในรายการซูซูกะ 4 ชั่วโมง แต่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขามันมากกว่ารายการนี้
มาว่ากันที่ 3 นักแข่งของปีนี้กันเลย กับ Suzuka4 Hours Endurance Road Racing ของ เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์
คนแรก “บิว”วริทธิ์ ทองนพคุณ อายุ 19 ปี
บรรยายภาพ 003 : เจ้าบิววริทธิ์ ทองนพคุณ เมล็ดพันธุ์ซิ่งที่ เอ.พี.ฮอนด้าทีมหว่านมากับมือ พร้อมที่จะเติบโตจากแดดลมของเวทีการแข่งขันรายการต่างๆ แล้ว
เด็กหนุ่มที่วิ่งไล่กวดความฝันกับเวที 2 ล้อ ลงตะบันคันเร่งตั้งแต่อายุ 15 ปี ทั้งที่พึ่งสลัดคำว่าเด็กชายพ้นตัวไปหมาดๆ “บิว”วริทธิ์ ออกซองเมื่อปี 2014 กับการ เข้าคอร์สอบรม Racing School ของฮอนด้า พร้อมด้วยเจิมชีวิตนักแข่งในรายการ รายการ Honda Click 125cc. One Make Race ในปีนั้นทันที
เจ้าบิว ร่างสูงโปร่งวิ่งตะบันลมต่อในปีต่อๆ มาด้วยการแข่งขัน Honda Click 125cc. One Make Race, Honda MSX 125 cc. One Make Race หรือ Sport Mini 125 cc. และจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดเมื่อปี 2016 เจ้าบิวลงสนามในรายการ Honda Thailand Talent Cup และลงแข่งขันรายการนี้จนถึงปัจจุบัน ฟอร์มการขับขี่ที่เข้าตา พัฒนาการ วินัยในการแข่งขันและความเร็วในสนาม คือสรรพคุณของเจ้าบิว
คนที่สอง “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ อายุ 19 ปี
บรรยายภาพ 004 : เจ้าฟิล์ม ปิยวัฒน์ ประทุมยศ ที่กล่าวว่าเตรียมตัวมาอย่างดีกับการแข่งขันรายการนี้ ทั้งการซ้อม ร่างกาย หรือการทบทวนกติกาการแข่งขันต่างๆ
เติบโตมาพร้อมกับ Honda Racing School เมื่อปี 2013 เพราะบ่มประสบการณ์ด้วยรายการชิงแชมป์ประเทศไทยอย่าง Honda Click 110cc. One Make Race. และ Honda Wave 110 cc. One Make Race เจ้าฟิล์มขยับครั้งสำคัญในปี 2016 จนถึงฤดูกาล 2018 นี้ด้วยรายการสำคัญที่สุดในชีวิตดาวรุ่งนักบิดก็คือ Honda Thailand Talent Cup นี่คือนักแข่งที่แสดงพัฒนาการให้เห็นอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในการขัดเกลาจากการแข่งขันของ เอ.พี.ฮอนด้า มาโดยตลอด
นี่คือโปรไฟล์ย่อๆ ของ 2 นักแข่งที่จะเป็นตัวแทนทีมไทยกับ Suzuka4 Hours Endurance Road Racing ของ เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์ ไปว่ากันต่อกับอีกหนึ่งคนที่จะมาสแตนด์บายเอาไว้ครับ“นิว”กฤชพร แก้วสนธิ อายุ 22 ปี
บรรยายภาพ 005 : นิว กฤชพร แก้วสนธิ แบ็คอัพตัวสำคัญที่ตอนนี้ลงแข่งขันรายการระดับเอเชียแล้ว พร้อมเสมอเพื่อทีมในยามที่ต้องใช้งาน
ลงทะเบียนฝึกฝนกับ Honda Racing School เมื่อปี 2013 นิวเดินตามสเต็ปที่ต้นสังกัดอย่าง เอ.พี่.ฮอนด้า วางเอาไว้สำหรับการสนับสนุนนักแข่งที่มีพรสวรรค์ด้วยรายการชิงแชมป์ประเทศไทยอย่าง Honda Click 125cc. One Make Race, Honda Wave 110cc. One Make Race, Honda MSX 125 cc. One Make Race. ซึ่งก้าวย่างที่สำคัญของเจ้านิวก็คือการลงแข่ง Thailand talent cup ซึ่งเหมือนการปูบันไดให้เจ้านิวตีตั๋วสู่รายการ Asia talent cup รายการระดับทวีปที่คัดหัวกะทิรุ่นใหม่สำหรับการก้าวสู่ระดับโลก และปั้นนักแข่งสู่การแข่งขันในระดับโลกมาแล้ว
ปีนี้เจ้านิวลงเต็มฤดูกาลกับ Asia Road Racing รุ่น Asia Production 250 เป็นสายเลือดใหม่ที่ฮอนด้าฝากความหวังเอาไว้อีกหนึ่งคน
ดูจุดเริ่มต้นและเส้นทางของนักแข่งวัยสะรุ่นทั้ง 3 คนแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่านี่คือผลผลิตที่เป็นเมล็ดพันธุ์อันงดงามจากโครงการฝึกสอนของ เอ.พี.ฮอนด้า รายการแข่งขันที่เติมประสบการณ์และความสามารถจากต้นสังกัดอย่าง เอ.พี.ฮอนด้า และก้าวสู่การเปิดโลกกว้างด้วยการผลักดันของเอ.พี.ฮอนด้า ซึ่งซูซูกะ 4 ชั่วโมงปีนี้ จะเป็นหนึ่งก้าวสำคัญของทั้ง 3 คนอีกหนึ่งก้าว
บรรยายภาพ 006 : 3 ดาวรุ่งจาก เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์ เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีและพร้อมแล้วที่จะก้าวเดินก้าวใหญ่ๆ ไปอีกก้าว โดย เอ.พี.ฮอนด้า ที่ผลักดันอย่างเต็มที่
เป็นเดิมพันที่เสี่ยงเกินไปหรือไม่สำหรับ เอ.พี.ฮอนด้า เมื่อวางความหวังเอาไว้กับนักแข่งที่ประสบการณ์น้อยนิดเช่นนี้ ไม่แปลกที่จะรู้สึกเช่นนั้น แต่หากได้มานั่งฟังเจตนารมณ์อันชัดเจนของพวกเขาเมื่อวันลั่นไมค์แถลงข่าวแล้วละก็ มันชวนให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจและมีส่วนร่วมในอารมณ์ยิ่งนักจนอยากจะไปตะโกนเชียร์ถึงขอบสนามซูซูกะให้ลูกหลานซามูไรได้อึ้งรับประทานกันเลยทีเดียว
เอ.พี.ฮอนด้าทีม ปั้นนักแข่งมาหลายเจนเนอร์เรชั่นก่อนหน้านี้ หากแชมป์คือคำว่าชนะในเกมส์ 4 ชั่วโมงและจบนั้น พวกเค้ามีตัวขี่ที่ “ชัวร์” และประสบการณ์มากกว่านี้หลายคน แต่การซื้อประสบการณ์ราคาแพงให้เด็กๆ ในคาถาของพวกเขานี้ จากการวางแพลนที่ชัดเจนคือ การเลือกเฟ้นหาเด็กที่มีพรสวรรค์ การผลักดันด้วยการฝึกฝนที่ถูกต้อง การให้โอกาสในเวทีที่พัฒนาฝีมือได้ และนี่คือโอกาสทองฝังเพชรของเด็กๆ ทั้งสามที่ควรปรบมือให้ต้นสังกัดของพวกเขา อย่าง เอ.พี.ฮอนด้า ที่กล้าคิดข้ามช็อตไปไกลถึงระดับโลก
รวมเลือดเนื้อสายเลือดไทย...มาเชียร์ มาชนะ และเห็นความเติบโตของทีมไทย นักแข่งไทยไประดับโลกด้วยกันครับ
ทีม
“ฟิล์ม”รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักบิดขวัญใจชาวไทย ยังคงรั้งบทบาท “เฮดโค้ช” เช่นเดิมเป็นปีที่สอง นี่คือ “คลัง” วิชาอย่างแท้จริงที่ถ่ายทอดวิทยายุทธสู่น้องๆ ในสีเสื้อเอ.พี.ฮอนด้า แน่นอนอยู่แล้วกับเชิงการขับขี่ในสนามแข่งที่เจ้าฟิล์มพร้อมเทหมดหน้าตัก แต่นอกเหนือจากนั้นยังมีองค์ประกอบสำคัญที่จะก้าวไปสู่นักบิดที่ดีอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิตวิทยาวิทยาศาสตร์การกีฬา อาหารการกิน, การออกกำลังกาย, การฝึกซ้อม, การเตรียมตัว จนถึงกระทั่งสภาพจิตใจ การมีวินัย ของนักแข่งเพื่อพร้อมสำหรับเกมส์ระดับนี้
บรรยายภาพ 007 : ทีม ... สู้ด้วยกัน ซ้อมด้วยกัน ชนะด้วยกัน เพราะเราจะก้าวไปพร้อมๆ กัน
แต่ที่น่าสนใจไม่น้อยจนต้องเขม่นตาดูในปีนี้คือ การติดตั้ง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ที่แฟนๆ ให้นิคเนมสุดเกร๋ว่า “เลดี้ฟาส”เลื่อนชั้นจากการเป็นนักแข่งมาควบตำแหน่ง “ไรเดอร์โค้ช” ในอีเวนท์การแข่งขันสุดทรหด ซูซูกะ 4 ชั่วโมง 2018 นี้ ทำให้การทำงานของ เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะหากจำกันได้จากปีที่ผ่านมา นี่คือนักแข่งในรายการนี้ของเอ.พี.ฮอนด้า ทีมที่มีประสบการณ์ทุกมิติในมือ...
นักแข่งที่มีประสบการณ์เป็นมือที่ 3 (สแตนด์บาย) แต่ได้ลงแข่งจริงก่อนเกมส์ไม่ถึง 24 ชั่วโมง
นักแข่งที่โดนฟิล์ม รัฐภาคย์ จับติวเข้มพอพอกับตัวขี่มือแรก และไม่รู้ว่าจะได้ลงสนามไหม
นักแข่งที่เสียเปรียบด้วยข้อแม้เป็นกระบุง ในฐานะที่เป็นผู้หญิง พละกำลังหรือจะสู้ชายอกสามศอกได้
แต่การลงสนามในครั้งนั้น “มุกข์” สามารถยืนระยะ สู้ได้อย่างไร้ข้อกังขา น่ารัวมือให้สักร้อยรอบ
มุกข์ คือคนที่จะถ่ายทอดทุกอารมณ์ในสนามได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด เพราะคือคนที่ได้สัมผัสเกมส์จริงเมื่อปีที่แล้วที่เอ.พี.ฮอนด้า มีอยู่เพียงคนเดียว อารมณ์ในเกมส์ การทำงานร่วมกันกับทีมให้เป็นเนื้อเดียว โดยอีกด้านคือการได้ร่วมงานกับฟิล์มมาแล้ว มิติของการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้นั้นก็ได้รับมาเต็มสองมือเช่นกัน ยื่นออกไปให้สุดแขน มองดูภาพรวมไกลๆ คงเห็นแล้วใช่มั้ยครับว่า มันคือการถ่ายทอดองค์ความรู้เชิงสองล้อทุกมิติให้กับสายเลือดใหม่ให้ได้เติบโตทั้งในสนามและนอกสนาม
ตัวรถแข่ง/ทีมแม็คคานิค
บรรยายภาพ 008 : Honda CBR600RR ที่ศักยภาพของมันได้รับการการันตีมาแล้วจากการแข่งขันเวทีระดับโลก
ไม่มีความสงสัยใดๆ กับสมรรถนะของเจ้า Honda CBR600RR ตัวแข่งที่ เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่ง ไทยแลนด์เลือกเป็นตัวความหวัง เพราะนี่คือตัวแข่งที่พวกเค้าเลือกใช้งานอยู่แล้วในการแข่งขันคลาสเดียวกันรายการอื่นๆ ศักยภาพของมันหน่ะหรือ การแข่งขันโมโต 2 ที่ชิงแชมป์โลกกันเป็นคำตอบได้อย่างดี เมื่อใช้เครื่องยนต์ของมันเป็นกติกาสากลจนถึงปัจจุบันนี้
บรรยายภาพ 009 : ทีมแม็คคานิคที่ต่างคนต่างรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ได้อย่างดีที่สุด และความเป็นทีมจะผสานทุกส่วนเข้าด้วยกัน
จากประสบการณ์เมื่อปีที่ผ่านมา เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์ได้เรียนรู้หลายอย่าง ซึ่งแม้นโครงสร้างของทีมจะมีการปรับบ้างเล็กน้อยแต่นั่นก็เพื่อความเหมาะสมจากที่ได้ลงสนามเรียนรู้มาแล้ว ทีมแม็คคานิค ยังคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดี นำทีมโดย “บอล” ศุภฤกษ์ จันทร์ศรี ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมายในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีช่างคู่ใจ “เจ้าฝุ่นระเบิด”ชาคริต รุ่งสุวรรณ อดีตนักแข่งสายบู้ของ เอ.พี.ฮอนด้า ในรายการทางฝุ่น แท็คทีมกับยอดฝีมืออีกหลายคนที่เหมือนมองตาก็รู้ใจกัน คุยภาษาเดียวกันแล้ว....ก็แหงหล่ะ คนไทยทั้งทีมนี่นา !
[Advertorial]
[BR] “เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่ง ไทยแลนด์”ต้นกล้าแห่งความตั้งใจ กับศึกใหญ่ระดับตานาน ซูซูกะ 2018
การแข่งขันที่ชี้ขาดผู้ชนะในเวลา 4 ชั่วโมงมันเหมือนหนังไตรภาคย์ที่ต้องวัดกันหลายด้าน แต่กับการทำงานของทีมและนักแข่ง มันมากกว่า 4 ชั่วโมงหลายเดือนนัก และมันยาวนานกว่านั้นด้วยแพลนหลายปีสำหรับ เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์ เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเค้าคือ การควานหาเพชรเม็ดงาม บ่มเพาะต้นกล้าให้มีรากแก้วที่แข็งแรง และเติบโตสู่ศึกระดับโลกที่เป็นดั่งสวรรค์ของเกมส์โรดเรซซิ่งอย่าง “โมโตจีพี” ด้วยเป้า 2025 โดยมีซูซูกะ 4 ชั่วโมงอยู่ในโรดแม็ปที่ว่า
ประสบการณ์ในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตั๋วใบแรก ฤดูกาลที่สองนี้ด้วยธงที่ปักเอาไว้อย่างแน่นปึ๊กว่า ทีมไทย, สายเลือดใหม่ และการเรียนรู้เพื่อเติบใหญ่สู่ระดับโลกในอนาคตนั้น พวกเค้าฟอร์มทีมกันอย่างไรบ้าง หายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะพบกับความตื่นเต้นและภาคภูมิใจของคนไทยในบรรทัดต่อไปครับท่าน....
นักแข่ง
4 ชั่วโมง ตัวรถแข่ง 1 คัน นักแข่ง 2 คน และยาง 1 ชุด ในสนามบนฟลอยางมะตอยที่ซูซูกะ คือข้อตกลงเบื้องต้นในการตัดสินชัยชนะ สำหรับการแข่งขันรายการนี้ จะวางทีมไว้ด้วยนักแข่งตัวหลัก 2 คน และอีก 1 คนคือตัวสแตนด์บายเอาไว้เผื่อว่า เกิดเหตุฉุกเฉินก่อนวันแข่งขันที่จำเป็นต้องเรียกใช้งาน ซึ่งทาง เอ.พี. ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์ ได้สัมผัสมันมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา เมื่อเจ้าดรีม สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง นักแข่งตัวจริงเกิดการบาดเจ็บก่อนวันแข่งไม่กี่ชั่วโมง “เลดี้ฟาสท์” มุกข์ลดา สารพืช ต้องลงสนามแทน ซึ่งต้องชื่นชมการเตรียมทีมของทีมไทยแท้ๆ ทีมนี้ แม้นจะฉุกเฉินแค่ไหน มุกข์ ยังลงไปกดคันเร่งในสนามได้แบบไร้รอยต่อ
มาว่ากันที่ 3 นักแข่งของปีนี้กันเลย กับ Suzuka4 Hours Endurance Road Racing ของ เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์
คนแรก “บิว”วริทธิ์ ทองนพคุณ อายุ 19 ปี
เด็กหนุ่มที่วิ่งไล่กวดความฝันกับเวที 2 ล้อ ลงตะบันคันเร่งตั้งแต่อายุ 15 ปี ทั้งที่พึ่งสลัดคำว่าเด็กชายพ้นตัวไปหมาดๆ “บิว”วริทธิ์ ออกซองเมื่อปี 2014 กับการ เข้าคอร์สอบรม Racing School ของฮอนด้า พร้อมด้วยเจิมชีวิตนักแข่งในรายการ รายการ Honda Click 125cc. One Make Race ในปีนั้นทันที
เจ้าบิว ร่างสูงโปร่งวิ่งตะบันลมต่อในปีต่อๆ มาด้วยการแข่งขัน Honda Click 125cc. One Make Race, Honda MSX 125 cc. One Make Race หรือ Sport Mini 125 cc. และจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดเมื่อปี 2016 เจ้าบิวลงสนามในรายการ Honda Thailand Talent Cup และลงแข่งขันรายการนี้จนถึงปัจจุบัน ฟอร์มการขับขี่ที่เข้าตา พัฒนาการ วินัยในการแข่งขันและความเร็วในสนาม คือสรรพคุณของเจ้าบิว
คนที่สอง “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ อายุ 19 ปี
เติบโตมาพร้อมกับ Honda Racing School เมื่อปี 2013 เพราะบ่มประสบการณ์ด้วยรายการชิงแชมป์ประเทศไทยอย่าง Honda Click 110cc. One Make Race. และ Honda Wave 110 cc. One Make Race เจ้าฟิล์มขยับครั้งสำคัญในปี 2016 จนถึงฤดูกาล 2018 นี้ด้วยรายการสำคัญที่สุดในชีวิตดาวรุ่งนักบิดก็คือ Honda Thailand Talent Cup นี่คือนักแข่งที่แสดงพัฒนาการให้เห็นอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในการขัดเกลาจากการแข่งขันของ เอ.พี.ฮอนด้า มาโดยตลอด
นี่คือโปรไฟล์ย่อๆ ของ 2 นักแข่งที่จะเป็นตัวแทนทีมไทยกับ Suzuka4 Hours Endurance Road Racing ของ เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์ ไปว่ากันต่อกับอีกหนึ่งคนที่จะมาสแตนด์บายเอาไว้ครับ“นิว”กฤชพร แก้วสนธิ อายุ 22 ปี
ลงทะเบียนฝึกฝนกับ Honda Racing School เมื่อปี 2013 นิวเดินตามสเต็ปที่ต้นสังกัดอย่าง เอ.พี่.ฮอนด้า วางเอาไว้สำหรับการสนับสนุนนักแข่งที่มีพรสวรรค์ด้วยรายการชิงแชมป์ประเทศไทยอย่าง Honda Click 125cc. One Make Race, Honda Wave 110cc. One Make Race, Honda MSX 125 cc. One Make Race. ซึ่งก้าวย่างที่สำคัญของเจ้านิวก็คือการลงแข่ง Thailand talent cup ซึ่งเหมือนการปูบันไดให้เจ้านิวตีตั๋วสู่รายการ Asia talent cup รายการระดับทวีปที่คัดหัวกะทิรุ่นใหม่สำหรับการก้าวสู่ระดับโลก และปั้นนักแข่งสู่การแข่งขันในระดับโลกมาแล้ว
ปีนี้เจ้านิวลงเต็มฤดูกาลกับ Asia Road Racing รุ่น Asia Production 250 เป็นสายเลือดใหม่ที่ฮอนด้าฝากความหวังเอาไว้อีกหนึ่งคน
ดูจุดเริ่มต้นและเส้นทางของนักแข่งวัยสะรุ่นทั้ง 3 คนแล้ว เห็นได้ชัดเลยว่านี่คือผลผลิตที่เป็นเมล็ดพันธุ์อันงดงามจากโครงการฝึกสอนของ เอ.พี.ฮอนด้า รายการแข่งขันที่เติมประสบการณ์และความสามารถจากต้นสังกัดอย่าง เอ.พี.ฮอนด้า และก้าวสู่การเปิดโลกกว้างด้วยการผลักดันของเอ.พี.ฮอนด้า ซึ่งซูซูกะ 4 ชั่วโมงปีนี้ จะเป็นหนึ่งก้าวสำคัญของทั้ง 3 คนอีกหนึ่งก้าว
เป็นเดิมพันที่เสี่ยงเกินไปหรือไม่สำหรับ เอ.พี.ฮอนด้า เมื่อวางความหวังเอาไว้กับนักแข่งที่ประสบการณ์น้อยนิดเช่นนี้ ไม่แปลกที่จะรู้สึกเช่นนั้น แต่หากได้มานั่งฟังเจตนารมณ์อันชัดเจนของพวกเขาเมื่อวันลั่นไมค์แถลงข่าวแล้วละก็ มันชวนให้รู้สึกตื่นตาตื่นใจและมีส่วนร่วมในอารมณ์ยิ่งนักจนอยากจะไปตะโกนเชียร์ถึงขอบสนามซูซูกะให้ลูกหลานซามูไรได้อึ้งรับประทานกันเลยทีเดียว
เอ.พี.ฮอนด้าทีม ปั้นนักแข่งมาหลายเจนเนอร์เรชั่นก่อนหน้านี้ หากแชมป์คือคำว่าชนะในเกมส์ 4 ชั่วโมงและจบนั้น พวกเค้ามีตัวขี่ที่ “ชัวร์” และประสบการณ์มากกว่านี้หลายคน แต่การซื้อประสบการณ์ราคาแพงให้เด็กๆ ในคาถาของพวกเขานี้ จากการวางแพลนที่ชัดเจนคือ การเลือกเฟ้นหาเด็กที่มีพรสวรรค์ การผลักดันด้วยการฝึกฝนที่ถูกต้อง การให้โอกาสในเวทีที่พัฒนาฝีมือได้ และนี่คือโอกาสทองฝังเพชรของเด็กๆ ทั้งสามที่ควรปรบมือให้ต้นสังกัดของพวกเขา อย่าง เอ.พี.ฮอนด้า ที่กล้าคิดข้ามช็อตไปไกลถึงระดับโลก
รวมเลือดเนื้อสายเลือดไทย...มาเชียร์ มาชนะ และเห็นความเติบโตของทีมไทย นักแข่งไทยไประดับโลกด้วยกันครับ
ทีม
“ฟิล์ม”รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักบิดขวัญใจชาวไทย ยังคงรั้งบทบาท “เฮดโค้ช” เช่นเดิมเป็นปีที่สอง นี่คือ “คลัง” วิชาอย่างแท้จริงที่ถ่ายทอดวิทยายุทธสู่น้องๆ ในสีเสื้อเอ.พี.ฮอนด้า แน่นอนอยู่แล้วกับเชิงการขับขี่ในสนามแข่งที่เจ้าฟิล์มพร้อมเทหมดหน้าตัก แต่นอกเหนือจากนั้นยังมีองค์ประกอบสำคัญที่จะก้าวไปสู่นักบิดที่ดีอย่างเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิตวิทยาวิทยาศาสตร์การกีฬา อาหารการกิน, การออกกำลังกาย, การฝึกซ้อม, การเตรียมตัว จนถึงกระทั่งสภาพจิตใจ การมีวินัย ของนักแข่งเพื่อพร้อมสำหรับเกมส์ระดับนี้
แต่ที่น่าสนใจไม่น้อยจนต้องเขม่นตาดูในปีนี้คือ การติดตั้ง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ที่แฟนๆ ให้นิคเนมสุดเกร๋ว่า “เลดี้ฟาส”เลื่อนชั้นจากการเป็นนักแข่งมาควบตำแหน่ง “ไรเดอร์โค้ช” ในอีเวนท์การแข่งขันสุดทรหด ซูซูกะ 4 ชั่วโมง 2018 นี้ ทำให้การทำงานของ เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะหากจำกันได้จากปีที่ผ่านมา นี่คือนักแข่งในรายการนี้ของเอ.พี.ฮอนด้า ทีมที่มีประสบการณ์ทุกมิติในมือ...
นักแข่งที่มีประสบการณ์เป็นมือที่ 3 (สแตนด์บาย) แต่ได้ลงแข่งจริงก่อนเกมส์ไม่ถึง 24 ชั่วโมง
นักแข่งที่โดนฟิล์ม รัฐภาคย์ จับติวเข้มพอพอกับตัวขี่มือแรก และไม่รู้ว่าจะได้ลงสนามไหม
นักแข่งที่เสียเปรียบด้วยข้อแม้เป็นกระบุง ในฐานะที่เป็นผู้หญิง พละกำลังหรือจะสู้ชายอกสามศอกได้
แต่การลงสนามในครั้งนั้น “มุกข์” สามารถยืนระยะ สู้ได้อย่างไร้ข้อกังขา น่ารัวมือให้สักร้อยรอบ
มุกข์ คือคนที่จะถ่ายทอดทุกอารมณ์ในสนามได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด เพราะคือคนที่ได้สัมผัสเกมส์จริงเมื่อปีที่แล้วที่เอ.พี.ฮอนด้า มีอยู่เพียงคนเดียว อารมณ์ในเกมส์ การทำงานร่วมกันกับทีมให้เป็นเนื้อเดียว โดยอีกด้านคือการได้ร่วมงานกับฟิล์มมาแล้ว มิติของการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้นั้นก็ได้รับมาเต็มสองมือเช่นกัน ยื่นออกไปให้สุดแขน มองดูภาพรวมไกลๆ คงเห็นแล้วใช่มั้ยครับว่า มันคือการถ่ายทอดองค์ความรู้เชิงสองล้อทุกมิติให้กับสายเลือดใหม่ให้ได้เติบโตทั้งในสนามและนอกสนาม
ตัวรถแข่ง/ทีมแม็คคานิค
ไม่มีความสงสัยใดๆ กับสมรรถนะของเจ้า Honda CBR600RR ตัวแข่งที่ เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่ง ไทยแลนด์เลือกเป็นตัวความหวัง เพราะนี่คือตัวแข่งที่พวกเค้าเลือกใช้งานอยู่แล้วในการแข่งขันคลาสเดียวกันรายการอื่นๆ ศักยภาพของมันหน่ะหรือ การแข่งขันโมโต 2 ที่ชิงแชมป์โลกกันเป็นคำตอบได้อย่างดี เมื่อใช้เครื่องยนต์ของมันเป็นกติกาสากลจนถึงปัจจุบันนี้
จากประสบการณ์เมื่อปีที่ผ่านมา เอ.พี.ฮอนด้าเรซซิ่งไทยแลนด์ได้เรียนรู้หลายอย่าง ซึ่งแม้นโครงสร้างของทีมจะมีการปรับบ้างเล็กน้อยแต่นั่นก็เพื่อความเหมาะสมจากที่ได้ลงสนามเรียนรู้มาแล้ว ทีมแม็คคานิค ยังคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดี นำทีมโดย “บอล” ศุภฤกษ์ จันทร์ศรี ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากมายในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีช่างคู่ใจ “เจ้าฝุ่นระเบิด”ชาคริต รุ่งสุวรรณ อดีตนักแข่งสายบู้ของ เอ.พี.ฮอนด้า ในรายการทางฝุ่น แท็คทีมกับยอดฝีมืออีกหลายคนที่เหมือนมองตาก็รู้ใจกัน คุยภาษาเดียวกันแล้ว....ก็แหงหล่ะ คนไทยทั้งทีมนี่นา !
[Advertorial]
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน