กองทุนน้ำมันขึ้นแท่น
ผลตอบแทนสูงสุดใน 3 โลก
http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=9&content_id=3212
ตามสัญญากับ Smart Invest สัปดาห์นี้ มาพร้อมกับความเต็มอิ่มกับผลตอบแทนกองทุนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561
ไม่ว่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผลตอบแทนติดลบกันถ้วนหน้า
มีก็เพียงแค่กองทุนตราสาหนี้ระยะสั้นและปานกลาง เท่านั้นที่ผลตอบแทนเป็นบวก
กองทุนน้ำมันขึ้นแท่น
ผลตอบแทนสูงสุดใน 3 โลก
แม้กองทุนหุ้น-ตราสารหนี้ ผลตอบแทนค่อนข้างน่าผิดหวัง จากความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลก
ผลพวงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงผลกระทบจาก Trade War ที่สหรัฐเปิดฉากสงครามกับทั่วโลก ซึ่งเป็นเส้นทางสู่ “หายนะ” ในอนาคต
ฉีกตำรา “เสรีการค้า” ที่ประเทศมหาอำนาจใช้เป็นลู่ทางในการเจาะตลาดเพื่อนบ้าน
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก กองทุนประเภท Commodities Energy นั้นยังคงทำผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่อง
โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือนสูงถึง +21.81%, และในช่วง 1 ปี +48.62%, ตามด้วย Global Health Care และ US Equity 6 เดือน +3.71%, +3.18% ตามลำดับ
กองทุนหุ้นไทย
ผลตอบแทนติดลบ 12%
ในส่วนกลุ่มกองทุนหุ้นไทยนั้นทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง นำโดยกองทุนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กนั้นผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือน -12.71%, 3 เดือน -10.09%
ส่วนกองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ ผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือน -8.41%, 3 เดือน -9.05% สอดคล้องกับดัชนีหุ้นไทย SET TR ที่มีผลตอบแทน 6 เดือน -7.33%, 3 เดือน -9.25%
ต่างชาติถล่มขายหุ้น
ครึงปีแรก 1.8 แสนลบ.
สาเหตุหลักที่ทำให้ผลตอบแทนในการลงทุนตลาดหุ้นไทย “ดำดิ่ง” ตัวแปรหลักมาจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ที่เทขายหุ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีไปแล้วกว่า 1.8 แสนล้านบาท
โดยแรงเทขายนั้นเกิดจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้า และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ เฟด
กองทุนหุ้นต่างประเทศเดี้ยง
ส่วนกองทุนหุ้นในตลาดต่างประเทศเกือบทุกตลาดทำผลตอบแทนติดลบทั้งสิ้นดังนี้ ASEAN Equity ผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือน ที่ -9.32%, Emerging Market Equity -8.40%, India Equity ที่ -7.96%, Asia Pacific ex-Japan Equity ที่ -6.57%, China Equity ที่ -3.93%, Japan Equity ที่ -3.35% และ Europe Equity ที่ -0.45% มีเพียงตลาดหุ้นในสหรัฐฯเท่านั้นที่ยังมีผลตอบแทนเป็นบวก
กองทุนตราสารหนี้เสี่ยงต่ำ
ผลตอบแทนยังเป็นบวก
ในส่วนของการลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้นั้นทั้งตราสารหนี้ที่ลงทุนในประเทศอย่าง กลุ่ม Short Term Bond , Money Market และ กลุ่ม Mid/Long Term Bond นั้นล้วนแต่ทำผลตอบแทนเป็นบวกเล็กน้อย โดยที่มีค่าเฉลี่ยผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือน อยู่ที่ 0.49%, 0.43%, และ 0.37% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนตราสารหนี้ต่างประเทศอย่าง Emerging Market Bond และ กลุ่ม Global Bond นั้นกลับทำผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือนติดลบที่ -5.24% และ -1.91% ตามลำดับ
หวังว่า...คงเห็นภาพที่ชัดเจนของผลตอบแทนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ส่วนครึ่งปีหลัง สถานการณ์เริ่มตีกลับ... โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่กลับมายืนเหนือ 1,700 จุด ได้อย่างสวยงาม จากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน และรายย่อย ที่มีเข้ามากว่า 2 แสนล้านบาท
ขณะที่ต่างชาติเริ่มกลัว “ตกขบวน” เริ่มกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 4 วัน
แม้อาจจะดูน้อย เมื่อเทียบกับ 1.9 แสนล้านบาท ที่ถล่มขายมาตั้งแต่ต้นปี แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดี สำหรับตลาดหุ้นไทย
ที่ว่ากันว่า แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสทะยานต่อ รับเลือกตั้ง!!!
///////////////////
ขอบคุณบทความจาก
www.facebook.com/Share2Trade/
www.share2trade.com
กองทุนน้ำมันขึ้นแท่น ผลตอบแทนสูงสุดใน 3 โลก (โดย Smart Invest เว็บ Share2Trade)
ผลตอบแทนสูงสุดใน 3 โลก
http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=9&content_id=3212
ตามสัญญากับ Smart Invest สัปดาห์นี้ มาพร้อมกับความเต็มอิ่มกับผลตอบแทนกองทุนในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561
ไม่ว่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ กองทุนหุ้นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผลตอบแทนติดลบกันถ้วนหน้า
มีก็เพียงแค่กองทุนตราสาหนี้ระยะสั้นและปานกลาง เท่านั้นที่ผลตอบแทนเป็นบวก
กองทุนน้ำมันขึ้นแท่น
ผลตอบแทนสูงสุดใน 3 โลก
แม้กองทุนหุ้น-ตราสารหนี้ ผลตอบแทนค่อนข้างน่าผิดหวัง จากความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลก
ผลพวงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงผลกระทบจาก Trade War ที่สหรัฐเปิดฉากสงครามกับทั่วโลก ซึ่งเป็นเส้นทางสู่ “หายนะ” ในอนาคต
ฉีกตำรา “เสรีการค้า” ที่ประเทศมหาอำนาจใช้เป็นลู่ทางในการเจาะตลาดเพื่อนบ้าน
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก กองทุนประเภท Commodities Energy นั้นยังคงทำผลตอบแทนได้ดีอย่างต่อเนื่อง
โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือนสูงถึง +21.81%, และในช่วง 1 ปี +48.62%, ตามด้วย Global Health Care และ US Equity 6 เดือน +3.71%, +3.18% ตามลำดับ
กองทุนหุ้นไทย
ผลตอบแทนติดลบ 12%
ในส่วนกลุ่มกองทุนหุ้นไทยนั้นทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง นำโดยกองทุนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กนั้นผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือน -12.71%, 3 เดือน -10.09%
ส่วนกองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ ผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือน -8.41%, 3 เดือน -9.05% สอดคล้องกับดัชนีหุ้นไทย SET TR ที่มีผลตอบแทน 6 เดือน -7.33%, 3 เดือน -9.25%
ต่างชาติถล่มขายหุ้น
ครึงปีแรก 1.8 แสนลบ.
สาเหตุหลักที่ทำให้ผลตอบแทนในการลงทุนตลาดหุ้นไทย “ดำดิ่ง” ตัวแปรหลักมาจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ที่เทขายหุ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีไปแล้วกว่า 1.8 แสนล้านบาท
โดยแรงเทขายนั้นเกิดจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้า และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ เฟด
กองทุนหุ้นต่างประเทศเดี้ยง
ส่วนกองทุนหุ้นในตลาดต่างประเทศเกือบทุกตลาดทำผลตอบแทนติดลบทั้งสิ้นดังนี้ ASEAN Equity ผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือน ที่ -9.32%, Emerging Market Equity -8.40%, India Equity ที่ -7.96%, Asia Pacific ex-Japan Equity ที่ -6.57%, China Equity ที่ -3.93%, Japan Equity ที่ -3.35% และ Europe Equity ที่ -0.45% มีเพียงตลาดหุ้นในสหรัฐฯเท่านั้นที่ยังมีผลตอบแทนเป็นบวก
กองทุนตราสารหนี้เสี่ยงต่ำ
ผลตอบแทนยังเป็นบวก
ในส่วนของการลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้นั้นทั้งตราสารหนี้ที่ลงทุนในประเทศอย่าง กลุ่ม Short Term Bond , Money Market และ กลุ่ม Mid/Long Term Bond นั้นล้วนแต่ทำผลตอบแทนเป็นบวกเล็กน้อย โดยที่มีค่าเฉลี่ยผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือน อยู่ที่ 0.49%, 0.43%, และ 0.37% ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนตราสารหนี้ต่างประเทศอย่าง Emerging Market Bond และ กลุ่ม Global Bond นั้นกลับทำผลตอบแทนเฉลี่ย 6 เดือนติดลบที่ -5.24% และ -1.91% ตามลำดับ
หวังว่า...คงเห็นภาพที่ชัดเจนของผลตอบแทนการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2561 ส่วนครึ่งปีหลัง สถานการณ์เริ่มตีกลับ... โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่กลับมายืนเหนือ 1,700 จุด ได้อย่างสวยงาม จากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน และรายย่อย ที่มีเข้ามากว่า 2 แสนล้านบาท
ขณะที่ต่างชาติเริ่มกลัว “ตกขบวน” เริ่มกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 4 วัน
แม้อาจจะดูน้อย เมื่อเทียบกับ 1.9 แสนล้านบาท ที่ถล่มขายมาตั้งแต่ต้นปี แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดี สำหรับตลาดหุ้นไทย
ที่ว่ากันว่า แนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสทะยานต่อ รับเลือกตั้ง!!!
///////////////////
ขอบคุณบทความจาก
www.facebook.com/Share2Trade/
www.share2trade.com