⭐จุดเริ่มต้นเริ่มจาก⭐
เราเจอกันตั้งแต่เข้ามหาลัยปี1 (ปี2556) เขาเป็นพี่สาขา เป็นพี่บัดดี้หอ เลยได้เจอกันตลอด ส่วนตัวแล้วเราสองคน คล้ายๆกันไม่ค่อยสนใจเรื่องความรัก เป็นพวกโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พอมาเจอกัน คุยๆกันเลยรู้สึกชอบกัน (ย้ำนะคะ!!!)เราไม่ได้มาจีบกัน ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปเรื่อยๆจนเป็นความรัก แน่นอนค่ะ เขาเป็นคนขอเราเป็นแฟนก่อน
⭐1ปีที่คบกัน⭐
มีเรื่องให้ทะเลาะกันบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยก็ดูเข้ากันไม่ได้เลย เพราะเขาไม่เปิดใจกับเรา อะไรก็ดูขัดใจเขาไปหมด ทั้งๆที่เขาไม่ได้เจ้าชู้ ไม่นอกใจเรา แต่เขาไม่สนใจในเรื่องของผญเลย เขาไม่ให้ความสำคัญกับเรา ไปร้านเหล้าก็ไม่ตามไม่ห่วง เวลาเขากลับบ้าน อยู่กับเพื่อนเราจะติดต่อเขาไม่ได้เลย ถามว่าทำไมโทรไปไม่รับ เล่นเกม นอน ยุบ้านไม่ค่อยรับโทรศัพท มันใช่เหตุผลหรอวะ
⭐2ปีต่อมา⭐
เรามารู้ทีหลังว่า เขาเคยโดนแฟนเก่าทิ้งมา เราก็ไปรื้อดูข้อความเก่าๆในเฟสเขาถึงรู้ว่าเขารักผญคนนี้มาก และยังทำใจไม่ได้ มันทำให้เรารู้สึกว่าการที่เขามาคบกับเราเพียงเพราะเขาต้องการจะลืมคนเก่าหรือเปล่า เพราะดูจากการกระทำของเขาแล้ว เขาไม่สนใจใยดี หรือแคร์ความรู้สึกของเราเลย ทะเลาะกันเขาจะหนีปัญหาตลอด ตัดสายทิ้งปิดเครื่องหนี ประชดตัวเองด้วยการ อดข้าว อดน้ำ บอกแต่ว่าไม่มีใครรัก จนเราไม่โอเคกับนิสัยและความคิดของผชคนนี้เลย เราดูแลทำหลายๆอย่างให้เขา แม้แต่ความอดทนเข้มแข็งเรายังต้องมีให้มากกว่าเขา ส่วนเขาอะไรๆก้กลัวไปหมด ความอดทนต่ำ ไม่มีความเป็นผู้นำเลย
⭐3ปีต่อมา⭐
มาถึงจุดที่เราว่าเราไม่ไหวกับความสัมพันธ์ มันไม่ใช่ว่าเราไม่รักเขา เรารัก เราห่วง เราดูแล แต่เขาคือฝ่ายที่รับอย่างเดียว หลายๆคนบอกเราตลอดนะว่า คบกันแล้วมันมีอะไรดีขึ้นมั้ย เขาดูแลเรามั้ย ปัญหานั้นอ่ะที่เราทะเลาะกันมาตลอด มาถึงจุดที่เราอ่อนแอ แทนที่เขาจะคอยอยู่ข้างๆ เจากลับบั่นทอนจิตใจกัน จนเราเริ่มคิดแล้วว่า เพราะนิสัยแบบนี้ป่าววะถึงโดนทิ้งมาอะ พอเราบอกเลิก กลับไม่ง้อเรา เก็บตัว ปิดเครื่องหนี ประชดตัวเองอดข้าวอดน้ำ ซึ่งเป็นนิสัยที่งี่เง่ามากบอกเลย
⭐4ปีต่อมา⭐
เป็นจุดเปลี่ยนที่เขาเริ่มรู้แล้วว่าเราจะเลิกกับเขาจริงๆ เราปรึกษาครอบครัว เพื่อนตลอดว่าจะเอายังไงดี หลายๆคนบอกว่าเราไม่หนักแน่นพอที่จะตัดใจ เพราะเรารู้ไงว่าผชคนนี้ควรได้รับบทเรียน แต่เราก็เห็นใจเขา เขาไม่ได้เจ้าชู้นอกใจเราเลย ทำไมเราถึงต้องทำร้ายใจเขา ตั้งแต่ที่เราต้องใจจะห่างเราเริ่มเห็นว่าเขาพยามที่จะเปลี่ยนตัวเอง พยามที่จะดูแลเอาใจใส่เราทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยทำ เขาคิดได้จริงๆหรอ หรือเขาทำเพื่อให้อยากเสียเราจริงๆ
มีอีก2เรื่องที่เรามีปัญหากันตลอดคือเรื่องเงินกับการมองข้ามกัน
วันรับปริญญาเขา เป็นครั้งแรกที่เราจะได้เจอหน้าครอบครัวเขา บอกตรงๆนะทั้งตื่นเต้น กล้าๆกลัวๆ แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิดนะ เขาไม่ได้เห็นความสำคัญของเรา วันงานฝากกล้องโทรศัพท์ให้เรายืนรออยู่หน้าซุ้มรับปริญญา เราก็ห่วงกลัวเขาจะเหนื่อย หอบของรอ ถือน้ำเย็นๆรอเขา แต่เขากลับเดินไปหาน้ำกินเอง และอารมณเสียที่หาเราไม่เจอ พอเจอเราเจาก็เอากล้องกับโทรศัพทไปถ่ายกับญาติๆของเขา ทั้งๆที่เรายืนอยู่ห่างเขาไม่ถึง500เมตร วันนั้นเรารู้สึกว่าเราไม่ควรไปอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ เราโกรธเขานะ น้อยใจเขามาก
แต่พอถึงวันรับปริญญาของเราเอง เราก็รู้สึกเจ็บลึกๆแต่ก็ดีใจที่เขามา เราเดินไปหาเขาคนแรกและจูงมือพาไปแนะนำให้ครอบครัวรู้จัก เพราะเขาเปรียบเสมือนครอบครัวของเราเอง เราก็อยากให้เขาคิดแบบนั้นบ้าง
⭐5ปีต่อมา⭐
เราตัดสินใจมานั่งคุยกับเขา เพราะอยากให้เขาเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนตัวเอง เราบอกให้เขาไปบวช ไปเป็นทหาร ฝึกตัวเอง ฝึกความอดทน (ต้องบอกก่อนนะ เขาไม่ทำอาหาร ไม่กินผัก ไม่เที่ยว ความอดทนต่ำ ขับรถไม่เป็น พูดจาดูถูก ไม่แคร์ใคร) ต่อมาเมื่อรู้ข่าวว่าเขาจะบวช เราก้มีโอกาสได้ไปบ้านเขาเป็นครั้งแรก ทุกคนต้อนรับดีมากๆโดยเฉพาะปู่กับย่า แต่แม่ก็ดูจะหวงๆลูกหน่อยตามประสา ในงาน พ่อแอบมากระซิบให้เราฟังว่า ลูกชายพ่ออะเขาเปลี่ยนตัวเองแล้วนะ หนูอดทนกับนิสัยเขานะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป หนูคบกันมานานแล้วพ่อก็อยากให้หนูรักกันนานๆ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง อืมการเป็นทหารและบวชพระ มันก็ทำให้เขาเปลี่ยนไปนะ แต่เขาก็ยังมีนิสัยเรื่องความอดทนต่ำ และการใช้เงินอย่างเกินกว่าเหตุ
เข้าเรื่องสุดท้ายเลยนะ หลังจากที่เราทั้งคู่เรียนจบและได้ทำงาน ถึงแม้เราจะอายุแค่24ปี แต่เราเป็นคนที่ตั้งใจทำงานหาเงินมากๆ มันอาจจะเป็นเพราะว่าครอบครัวเราไม่ได้รวย เราอยากรีบสร้างตัวเองให้มั่นคงเร็วๆเพื่อจะได้กลับไปสร้างบ้านให้พ่อแม่ เป้าหมายเดียวในชีวิตของเราคือครอบครัว เราเป็นคนที่จริงจังตลอดเวลา แต่แฟนเราเป็นคนที่คอยแต่เดินตามตลอดเวลา เราคิดอะไรทำอะไรเขาก็ตาม เราอยากให้เขามั่นคงกับเป้าหมายของอนาคตตัวเอง ช่วยกันเก็บเงินบ้าง แต่เขาไม่ได้นึกถึงตรงนี้ เราเลยไม่มั่นใจว่าผชคนนี้จะจริงจังกับเราจนถึงแต่งงานหรือเปล่า เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนะคะ เพราะพ่อแม่เราถือ พ่อแม่ถามตลอดว่าเขาคิดจะแต่งกับเรามั้ย อันนี้เราก้ตอบไม่ได้ เพราะเราก้ไม่มั่นใจในตัวเขาเหมือนกัน ถามว่าเขารักเรามั้ย เราไม่มั่นใจ แต่เรารู้ว่าทุกวันนี้เราคบกันเพราะความผูกพัน เพราะผ่านอะไรมาด้วยกัน และปัญหาต่างๆเราก้ยอมกันบ้าง ขัดกันบ้าง
ตอนนี้ในใจเราก็สับสนว่า5ปีที่คบกันมีความหมายหรือเปล่า เป็นเพราะอิ่มตัว เหนื่อยกับปัญหาเดิมๆที่สะสมอยู่หรืออะไรกันแน่ก็พยามปรึกษาคนอื่นๆ ถามว่าคบกันเป็นแฟนอ่ะได้นะไม่ได้แย่ แต่ถ้าคิดจะแต่งงานด้วยกันนี่ต้องคิดหนักเลยอ่ะ ยังไงขอคำแนะนำดีๆจากทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ😊😊
เป็นแฟนกันมา5ปี เมื่อถึงจุดที่ต้องนึกถึงอนาคต ควรไปต่อหรือหยุดอยู่ที่เดิม
เราเจอกันตั้งแต่เข้ามหาลัยปี1 (ปี2556) เขาเป็นพี่สาขา เป็นพี่บัดดี้หอ เลยได้เจอกันตลอด ส่วนตัวแล้วเราสองคน คล้ายๆกันไม่ค่อยสนใจเรื่องความรัก เป็นพวกโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร พอมาเจอกัน คุยๆกันเลยรู้สึกชอบกัน (ย้ำนะคะ!!!)เราไม่ได้มาจีบกัน ความสัมพันธ์มันพัฒนาไปเรื่อยๆจนเป็นความรัก แน่นอนค่ะ เขาเป็นคนขอเราเป็นแฟนก่อน
⭐1ปีที่คบกัน⭐
มีเรื่องให้ทะเลาะกันบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อยก็ดูเข้ากันไม่ได้เลย เพราะเขาไม่เปิดใจกับเรา อะไรก็ดูขัดใจเขาไปหมด ทั้งๆที่เขาไม่ได้เจ้าชู้ ไม่นอกใจเรา แต่เขาไม่สนใจในเรื่องของผญเลย เขาไม่ให้ความสำคัญกับเรา ไปร้านเหล้าก็ไม่ตามไม่ห่วง เวลาเขากลับบ้าน อยู่กับเพื่อนเราจะติดต่อเขาไม่ได้เลย ถามว่าทำไมโทรไปไม่รับ เล่นเกม นอน ยุบ้านไม่ค่อยรับโทรศัพท มันใช่เหตุผลหรอวะ
⭐2ปีต่อมา⭐
เรามารู้ทีหลังว่า เขาเคยโดนแฟนเก่าทิ้งมา เราก็ไปรื้อดูข้อความเก่าๆในเฟสเขาถึงรู้ว่าเขารักผญคนนี้มาก และยังทำใจไม่ได้ มันทำให้เรารู้สึกว่าการที่เขามาคบกับเราเพียงเพราะเขาต้องการจะลืมคนเก่าหรือเปล่า เพราะดูจากการกระทำของเขาแล้ว เขาไม่สนใจใยดี หรือแคร์ความรู้สึกของเราเลย ทะเลาะกันเขาจะหนีปัญหาตลอด ตัดสายทิ้งปิดเครื่องหนี ประชดตัวเองด้วยการ อดข้าว อดน้ำ บอกแต่ว่าไม่มีใครรัก จนเราไม่โอเคกับนิสัยและความคิดของผชคนนี้เลย เราดูแลทำหลายๆอย่างให้เขา แม้แต่ความอดทนเข้มแข็งเรายังต้องมีให้มากกว่าเขา ส่วนเขาอะไรๆก้กลัวไปหมด ความอดทนต่ำ ไม่มีความเป็นผู้นำเลย
⭐3ปีต่อมา⭐
มาถึงจุดที่เราว่าเราไม่ไหวกับความสัมพันธ์ มันไม่ใช่ว่าเราไม่รักเขา เรารัก เราห่วง เราดูแล แต่เขาคือฝ่ายที่รับอย่างเดียว หลายๆคนบอกเราตลอดนะว่า คบกันแล้วมันมีอะไรดีขึ้นมั้ย เขาดูแลเรามั้ย ปัญหานั้นอ่ะที่เราทะเลาะกันมาตลอด มาถึงจุดที่เราอ่อนแอ แทนที่เขาจะคอยอยู่ข้างๆ เจากลับบั่นทอนจิตใจกัน จนเราเริ่มคิดแล้วว่า เพราะนิสัยแบบนี้ป่าววะถึงโดนทิ้งมาอะ พอเราบอกเลิก กลับไม่ง้อเรา เก็บตัว ปิดเครื่องหนี ประชดตัวเองอดข้าวอดน้ำ ซึ่งเป็นนิสัยที่งี่เง่ามากบอกเลย
⭐4ปีต่อมา⭐
เป็นจุดเปลี่ยนที่เขาเริ่มรู้แล้วว่าเราจะเลิกกับเขาจริงๆ เราปรึกษาครอบครัว เพื่อนตลอดว่าจะเอายังไงดี หลายๆคนบอกว่าเราไม่หนักแน่นพอที่จะตัดใจ เพราะเรารู้ไงว่าผชคนนี้ควรได้รับบทเรียน แต่เราก็เห็นใจเขา เขาไม่ได้เจ้าชู้นอกใจเราเลย ทำไมเราถึงต้องทำร้ายใจเขา ตั้งแต่ที่เราต้องใจจะห่างเราเริ่มเห็นว่าเขาพยามที่จะเปลี่ยนตัวเอง พยามที่จะดูแลเอาใจใส่เราทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยทำ เขาคิดได้จริงๆหรอ หรือเขาทำเพื่อให้อยากเสียเราจริงๆ
มีอีก2เรื่องที่เรามีปัญหากันตลอดคือเรื่องเงินกับการมองข้ามกัน
วันรับปริญญาเขา เป็นครั้งแรกที่เราจะได้เจอหน้าครอบครัวเขา บอกตรงๆนะทั้งตื่นเต้น กล้าๆกลัวๆ แต่มันไม่เป็นอย่างที่คิดนะ เขาไม่ได้เห็นความสำคัญของเรา วันงานฝากกล้องโทรศัพท์ให้เรายืนรออยู่หน้าซุ้มรับปริญญา เราก็ห่วงกลัวเขาจะเหนื่อย หอบของรอ ถือน้ำเย็นๆรอเขา แต่เขากลับเดินไปหาน้ำกินเอง และอารมณเสียที่หาเราไม่เจอ พอเจอเราเจาก็เอากล้องกับโทรศัพทไปถ่ายกับญาติๆของเขา ทั้งๆที่เรายืนอยู่ห่างเขาไม่ถึง500เมตร วันนั้นเรารู้สึกว่าเราไม่ควรไปอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ เราโกรธเขานะ น้อยใจเขามาก
แต่พอถึงวันรับปริญญาของเราเอง เราก็รู้สึกเจ็บลึกๆแต่ก็ดีใจที่เขามา เราเดินไปหาเขาคนแรกและจูงมือพาไปแนะนำให้ครอบครัวรู้จัก เพราะเขาเปรียบเสมือนครอบครัวของเราเอง เราก็อยากให้เขาคิดแบบนั้นบ้าง
⭐5ปีต่อมา⭐
เราตัดสินใจมานั่งคุยกับเขา เพราะอยากให้เขาเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนตัวเอง เราบอกให้เขาไปบวช ไปเป็นทหาร ฝึกตัวเอง ฝึกความอดทน (ต้องบอกก่อนนะ เขาไม่ทำอาหาร ไม่กินผัก ไม่เที่ยว ความอดทนต่ำ ขับรถไม่เป็น พูดจาดูถูก ไม่แคร์ใคร) ต่อมาเมื่อรู้ข่าวว่าเขาจะบวช เราก้มีโอกาสได้ไปบ้านเขาเป็นครั้งแรก ทุกคนต้อนรับดีมากๆโดยเฉพาะปู่กับย่า แต่แม่ก็ดูจะหวงๆลูกหน่อยตามประสา ในงาน พ่อแอบมากระซิบให้เราฟังว่า ลูกชายพ่ออะเขาเปลี่ยนตัวเองแล้วนะ หนูอดทนกับนิสัยเขานะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป หนูคบกันมานานแล้วพ่อก็อยากให้หนูรักกันนานๆ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง อืมการเป็นทหารและบวชพระ มันก็ทำให้เขาเปลี่ยนไปนะ แต่เขาก็ยังมีนิสัยเรื่องความอดทนต่ำ และการใช้เงินอย่างเกินกว่าเหตุ
เข้าเรื่องสุดท้ายเลยนะ หลังจากที่เราทั้งคู่เรียนจบและได้ทำงาน ถึงแม้เราจะอายุแค่24ปี แต่เราเป็นคนที่ตั้งใจทำงานหาเงินมากๆ มันอาจจะเป็นเพราะว่าครอบครัวเราไม่ได้รวย เราอยากรีบสร้างตัวเองให้มั่นคงเร็วๆเพื่อจะได้กลับไปสร้างบ้านให้พ่อแม่ เป้าหมายเดียวในชีวิตของเราคือครอบครัว เราเป็นคนที่จริงจังตลอดเวลา แต่แฟนเราเป็นคนที่คอยแต่เดินตามตลอดเวลา เราคิดอะไรทำอะไรเขาก็ตาม เราอยากให้เขามั่นคงกับเป้าหมายของอนาคตตัวเอง ช่วยกันเก็บเงินบ้าง แต่เขาไม่ได้นึกถึงตรงนี้ เราเลยไม่มั่นใจว่าผชคนนี้จะจริงจังกับเราจนถึงแต่งงานหรือเปล่า เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนะคะ เพราะพ่อแม่เราถือ พ่อแม่ถามตลอดว่าเขาคิดจะแต่งกับเรามั้ย อันนี้เราก้ตอบไม่ได้ เพราะเราก้ไม่มั่นใจในตัวเขาเหมือนกัน ถามว่าเขารักเรามั้ย เราไม่มั่นใจ แต่เรารู้ว่าทุกวันนี้เราคบกันเพราะความผูกพัน เพราะผ่านอะไรมาด้วยกัน และปัญหาต่างๆเราก้ยอมกันบ้าง ขัดกันบ้าง
ตอนนี้ในใจเราก็สับสนว่า5ปีที่คบกันมีความหมายหรือเปล่า เป็นเพราะอิ่มตัว เหนื่อยกับปัญหาเดิมๆที่สะสมอยู่หรืออะไรกันแน่ก็พยามปรึกษาคนอื่นๆ ถามว่าคบกันเป็นแฟนอ่ะได้นะไม่ได้แย่ แต่ถ้าคิดจะแต่งงานด้วยกันนี่ต้องคิดหนักเลยอ่ะ ยังไงขอคำแนะนำดีๆจากทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ😊😊