ในช่วงชีวิตคนเรามีเป้าหมายและความฝันแตกต่างกัน 20ปีที่แล้วสมัย entrancez ผมเลือกคณะแพทย์เป็นอันดับหนึ่งและสองแต่ไม่ติด ไปติดพยาบาลแทนจากชีวิตเด็กจนๆปากกัดตีนถีบเรียนจบพยาบาลได้รับราชการมีอาชีพหน้าที่การงานที่มั่นคง มีความก้าวหน้า งานหนักแต่เงินเดือนน้อยแต่ชีวิตก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ ตั้งแต่เรียนจนทำงานรู้สึกรักในวิชาชีพ มีความสุขในการช่วยเหลือคน รู้สึกตนเองยิ่งอยู่ยิ่งมีคุณค่าโดยเฉพาะการอยู่ในพื้นที่ห่างไกล กันดาร พื้นที่เสี่ยง ร็สึกว่าตนเองมีคุณค่ามากๆ จากชีวิตพยาบาล รพ.ของรัฐ ทำงานที่หลากหลายตั้งแต่ สถานีอนามัย รพ.ชุมชน รพ.ศูนย์จังหวัด โดยชอบทำงานในระดับ pre hospital ในที่ไม่มีแพทย์ทำให้เราถนัดในงานด้านเวชกรรมมากกว่าด้านพยาบาล จนวันหนึ่งต้องการอยากย้ายจาก รพ.ศูนย์ไปอยู่ รพ.สต.ที่เป็นเกาะเล็กๆที่ไม่มีแพทย์อยู่ตลอด แต่ด้วยความที่ รพ.ใหญ่พยาบาลขาดแคลนเด็กใหม่ลาออกเป็นว่าเล่นทำให้ไม่อนุมัติในการย้าย แต่ชาวบ้านเห็นเราเป็นคนในพื้นที่ จึงได้ช่วยกันทำเรื่องขอให้ไปปฏิบัติงานทุกครึ่งเดือน เวลามีเคสผมมักจะทำเกินบทบาทหน้าที่และกฎหมายวิชาชีพพยาบาลไม่รองรับ อยู่กับความเสี่ยงที่ขาข้างหนึ่งเข้าคุกตลอดเวลา เลยมีความคิดอยากจะเรียนแพทย์กลับมาหลายรอบ แต่จนแล้วจนรอดด้วยระบบการสอบของไทยที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาทำให้คิดว่าหมดหนทางในการเรียนแพทย์ จึงตัดสินใจเรียนต่อ ป.โททางพยาบาลเวชปฏิบัติ อย่างน้องกฎหมายก็รองรับด้านเวชกรรมในระดับหนึ่ง
ช่วงเวลานั้นครอบครัวญาติพี่น้องเกิดภาวะหนี้สินเนื่องจากเอาที่ดินไปค้ำเพื่อทำธุรกิจแล้วเกิดผิดพลาด จนผมต้องยื่นมือเข้าไปช่วยและรับภาระหนี้สินมาอยู่กับตัวเอง กู้ธนาคารเพื่อสร้างธุรกิจตัวใหม่ขึ้นมาแต่ตนเองไม่ค่อยถนัดนักเลยให้พี่น้องเป็นคนช่วยเหลือดูแลจัดการจนตั้งตัวได้อีกครั้ง และมีเงินเก็บพอสมควร และช่วงนั้นได้รู้จักคนที่เรียนแพทย์ฟิลิปปินส์จึงเป็นโอกาสประจวบเหมาะพอดีที่จะเข้าเรียนแพทย์ที่ฟิลิปปินส์เพื่อทำตามความฝันที่จะได้ช่วยเหลือคนทำงานด้านเวชกรรมเต็มตัว อีกเหตุผลนึงอยากทำตามอุดมการณ์เดิมที่อยากช่วยเหลือคนในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่ค่อยมีแพทย์อยากไปอยู่ เมื่อมหาวิทยาลัยที่แพทยสภาไทยรับรองตอบรับเข้าเรียน จึงเข้าพบผู้บริหารเพื่อขอใช้สิทธิราชการลาศึกษาต่อ แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากเหตุผลคือแพทย์ไม่ได้ขาดแคลน และให้เหตุผลว่าอายุเกิน 35ปี กว่าจะจบแพทย์อายุการใช้งานน้อยไม่เหมาะกับเงินเดือนที่รัฐต้องเสียไปในการใช้จ่ายรายเดือน เมื่อหน่วยงานไม่ให้ลาศึกษาต่อแต่มันมีโอกาสที่จะได้เรียนแพทย์มาถึงแล้ว ผมไม่อยากละทิ้งโอกาสนั้นจึงตัดสินใจลาออกทันทีเพื่อไล่ล่าความฝันและทำตามอุดมการณ์ ตอนนั้นผมวางแผนทางการเงินทุกอย่างพร้อม ธุรกิจเล็กๆมันก็เกิดกำไรอย่างดี ผ่อนหนี้สินได้ด้วยตัวมันเอง อีกอย่างชาวบ้าน ญาติพี่น้อง คนรู้จักโดยเฉพาะในชุมชนอยากให้เรียนจบแพทย์เพื่อกลับมาเป็นหมอใหญ่ในชุมชนเป็นที่พึ่งของคนในชุมชนจริงๆ ความรู้สึก ณ ตอนนั้นมันฮึกเหิมมาก ผมเดินทางไปเรียนด้วยความมุ่งมั่นไล่ล่าความฝันเต็มที่
ผมผ่านประสบการณ์การทำงานมา 15 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมทุกข์ร่วมสุขกับวงการแพทย์โดยเฉพาะแพทย์จบใหม่มาทุกปี เลยรู้ว่ากว่าจะเป็นหมอไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด ผมทำใจไว้แล้วว่ามันต้องผ่านการเรียนที่หนักหน่วง เหนื่อยแน่นอน เพราะต้องสอบ 3 step ในไทยด้วย มหาวิทยาลัยที่ผมเข้าเรียนถึงแม้จะเป็นเอกชน แต่ผมว่ามาตรฐานการสอนดีและไม่แพ้ในไทยเลย ผมเคยร่วมงานกับ Intern มาหลายรุ่น ผมจะไม่ดูถูกสถาบันใดสถาบันหนึ่ง อยู่กับตัวบุคคลมากกว่าว่าจะตั้งใจและรับเอาสิ่งที่อาจารย์สอนมากกได้แค่ไหน
ผ่านไปสองปีผลการเรียนของผลอยู่ในลำดับต้นๆของ class เกิดจากความตั้งใจเรียนและเต็มที่เสมอ เพราะเรามีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องผ่านและเรียนจบ สอบใบประกอบวิชาชีพผ่านตามระยะเวลาที่กำหนด การเรียนผมเริ่มปรับตัวได้มากขึ้นและเริ่มง่ายขึ้นเมื่อเข้าสู่ชั้นคลีนิค เพราะประสบการณ์วิชาชีพพยาบาลตลอด 15 ปีที่ผ่านมาเจอเคสเกือบทุกรูปแบบ เมื่อเรียนจะทำให้มองเห็นภาพชัดขึ้น แต่กลับเกิดปัญหาสภาวะทางการเงิน ธุรกิจเริ่มไม่เป็นไปตามแผน หนึ่งปีที่ผ่านมาเอาเงินเก็บผมไป support ตลอด เงินผมเริ่มหมด ผมต้องหมุนบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดไปจ่ายค่าเทอม ค่าเล่าเรียน เอาเงินไปหมุนแต่ละเดือนเพื่อให้เรียนจบชั้นปีนี้ก่อน กลับไทยจะได้ทำงาน part time เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้บัตรเครดิต หนี้ยืมเพื่อน แต่เหมือนทุกอย่างผิดพลาดไปหมด หยิบจับอะไรก็ผิดหวังไปหมด ผมคิดว่าโชคชะตากลับมาเล่นงานผมอีกรอบ การเงินมีปัญหา จะกู้เรียนต่อก็ไม่ได้แล้วเพราะไม่มีเงินเดือน ผมก็อยากเรียนต่อให้จบ ไม่อยากหยุดเพราะอายุมากแล้วมันก็ช้าไปอีก วันนี้ผมรู้สึกว่าตนเองมืดมนไปหมด มันเหมือนหมดหนทาง ปกติผมเป็นคนคิดบวกเสมอ คิดว่ามันต้องมีทางออกเสมอ ผมเคยให้กำลังใจใครหลายๆคน กับคนที่เกิดภาวะล้มเหลว ผิดหวังในชีวิต แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองเลย
ถามว่าถ้าเป็นผมตอนนี้จะทำอย่างไรต่อไปดี ชีวิตที่เฝ้ารอโอกาสที่จะได้เป็นแพทย์ตลอดยี่สิบปีหายไปกับตา ผมอยากขอทุนหรือมีแหล่งกู้ยืมเพื่อการศึกษาพอจะมีใครทราบแหล่งทุนบ้าง ส่วนกู้ยืมตามธนาคารคงไม่มีโอกาสแล้วเพราะไม่มีเงินเดือน กลายเป็นว่าตอนนี้เครียดมากเลยมาระบายใน pantip เผื่อใครมีคำแนะนำดีๆให้บ้าง
อาจจะยาวหน่อย แต่ผมตั้งใจอยากเล่าอยากระบายจริงๆครับ
เมื่อเกิดภาวะวิกฤติทางการเงินในการเรียนต่อเราควรจะทำอย่างไรดี
ช่วงเวลานั้นครอบครัวญาติพี่น้องเกิดภาวะหนี้สินเนื่องจากเอาที่ดินไปค้ำเพื่อทำธุรกิจแล้วเกิดผิดพลาด จนผมต้องยื่นมือเข้าไปช่วยและรับภาระหนี้สินมาอยู่กับตัวเอง กู้ธนาคารเพื่อสร้างธุรกิจตัวใหม่ขึ้นมาแต่ตนเองไม่ค่อยถนัดนักเลยให้พี่น้องเป็นคนช่วยเหลือดูแลจัดการจนตั้งตัวได้อีกครั้ง และมีเงินเก็บพอสมควร และช่วงนั้นได้รู้จักคนที่เรียนแพทย์ฟิลิปปินส์จึงเป็นโอกาสประจวบเหมาะพอดีที่จะเข้าเรียนแพทย์ที่ฟิลิปปินส์เพื่อทำตามความฝันที่จะได้ช่วยเหลือคนทำงานด้านเวชกรรมเต็มตัว อีกเหตุผลนึงอยากทำตามอุดมการณ์เดิมที่อยากช่วยเหลือคนในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่ค่อยมีแพทย์อยากไปอยู่ เมื่อมหาวิทยาลัยที่แพทยสภาไทยรับรองตอบรับเข้าเรียน จึงเข้าพบผู้บริหารเพื่อขอใช้สิทธิราชการลาศึกษาต่อ แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากเหตุผลคือแพทย์ไม่ได้ขาดแคลน และให้เหตุผลว่าอายุเกิน 35ปี กว่าจะจบแพทย์อายุการใช้งานน้อยไม่เหมาะกับเงินเดือนที่รัฐต้องเสียไปในการใช้จ่ายรายเดือน เมื่อหน่วยงานไม่ให้ลาศึกษาต่อแต่มันมีโอกาสที่จะได้เรียนแพทย์มาถึงแล้ว ผมไม่อยากละทิ้งโอกาสนั้นจึงตัดสินใจลาออกทันทีเพื่อไล่ล่าความฝันและทำตามอุดมการณ์ ตอนนั้นผมวางแผนทางการเงินทุกอย่างพร้อม ธุรกิจเล็กๆมันก็เกิดกำไรอย่างดี ผ่อนหนี้สินได้ด้วยตัวมันเอง อีกอย่างชาวบ้าน ญาติพี่น้อง คนรู้จักโดยเฉพาะในชุมชนอยากให้เรียนจบแพทย์เพื่อกลับมาเป็นหมอใหญ่ในชุมชนเป็นที่พึ่งของคนในชุมชนจริงๆ ความรู้สึก ณ ตอนนั้นมันฮึกเหิมมาก ผมเดินทางไปเรียนด้วยความมุ่งมั่นไล่ล่าความฝันเต็มที่
ผมผ่านประสบการณ์การทำงานมา 15 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมทุกข์ร่วมสุขกับวงการแพทย์โดยเฉพาะแพทย์จบใหม่มาทุกปี เลยรู้ว่ากว่าจะเป็นหมอไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด ผมทำใจไว้แล้วว่ามันต้องผ่านการเรียนที่หนักหน่วง เหนื่อยแน่นอน เพราะต้องสอบ 3 step ในไทยด้วย มหาวิทยาลัยที่ผมเข้าเรียนถึงแม้จะเป็นเอกชน แต่ผมว่ามาตรฐานการสอนดีและไม่แพ้ในไทยเลย ผมเคยร่วมงานกับ Intern มาหลายรุ่น ผมจะไม่ดูถูกสถาบันใดสถาบันหนึ่ง อยู่กับตัวบุคคลมากกว่าว่าจะตั้งใจและรับเอาสิ่งที่อาจารย์สอนมากกได้แค่ไหน
ผ่านไปสองปีผลการเรียนของผลอยู่ในลำดับต้นๆของ class เกิดจากความตั้งใจเรียนและเต็มที่เสมอ เพราะเรามีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องผ่านและเรียนจบ สอบใบประกอบวิชาชีพผ่านตามระยะเวลาที่กำหนด การเรียนผมเริ่มปรับตัวได้มากขึ้นและเริ่มง่ายขึ้นเมื่อเข้าสู่ชั้นคลีนิค เพราะประสบการณ์วิชาชีพพยาบาลตลอด 15 ปีที่ผ่านมาเจอเคสเกือบทุกรูปแบบ เมื่อเรียนจะทำให้มองเห็นภาพชัดขึ้น แต่กลับเกิดปัญหาสภาวะทางการเงิน ธุรกิจเริ่มไม่เป็นไปตามแผน หนึ่งปีที่ผ่านมาเอาเงินเก็บผมไป support ตลอด เงินผมเริ่มหมด ผมต้องหมุนบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดไปจ่ายค่าเทอม ค่าเล่าเรียน เอาเงินไปหมุนแต่ละเดือนเพื่อให้เรียนจบชั้นปีนี้ก่อน กลับไทยจะได้ทำงาน part time เพื่อเอาเงินมาใช้หนี้บัตรเครดิต หนี้ยืมเพื่อน แต่เหมือนทุกอย่างผิดพลาดไปหมด หยิบจับอะไรก็ผิดหวังไปหมด ผมคิดว่าโชคชะตากลับมาเล่นงานผมอีกรอบ การเงินมีปัญหา จะกู้เรียนต่อก็ไม่ได้แล้วเพราะไม่มีเงินเดือน ผมก็อยากเรียนต่อให้จบ ไม่อยากหยุดเพราะอายุมากแล้วมันก็ช้าไปอีก วันนี้ผมรู้สึกว่าตนเองมืดมนไปหมด มันเหมือนหมดหนทาง ปกติผมเป็นคนคิดบวกเสมอ คิดว่ามันต้องมีทางออกเสมอ ผมเคยให้กำลังใจใครหลายๆคน กับคนที่เกิดภาวะล้มเหลว ผิดหวังในชีวิต แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองเลย
ถามว่าถ้าเป็นผมตอนนี้จะทำอย่างไรต่อไปดี ชีวิตที่เฝ้ารอโอกาสที่จะได้เป็นแพทย์ตลอดยี่สิบปีหายไปกับตา ผมอยากขอทุนหรือมีแหล่งกู้ยืมเพื่อการศึกษาพอจะมีใครทราบแหล่งทุนบ้าง ส่วนกู้ยืมตามธนาคารคงไม่มีโอกาสแล้วเพราะไม่มีเงินเดือน กลายเป็นว่าตอนนี้เครียดมากเลยมาระบายใน pantip เผื่อใครมีคำแนะนำดีๆให้บ้าง
อาจจะยาวหน่อย แต่ผมตั้งใจอยากเล่าอยากระบายจริงๆครับ