
ทริปนี้ไม่เน้นสาระ เน้น รูป และพิกัดไปแต่ละที่ แบบรวบรัด
สำหรับคนที่จะแบกเป้ เดินทางท่องเที่ยว
รูปก็อาจจะเยอะๆหน่อย สาระ ก็อาจจะหาแทบไม่ได้ 5555555555
เราเดินช่วง 20-23 มิถุนายน 2561 ค่ะ
ทริปนี้ จขกท.เดินทางกัน 2 คน จริงๆจองตั๋ว ไป 3 คน จองตั๋วไปกลับ รวมค่าตัดบัตร ตกคนละ 3,000 บาท
เราจองโรงแรม Capsule Pod Boutique Hostel 3 คืน คนละ 2,422 บาท (เป็นห้องรวมหญิง นะคะ)
เติมเงินในบัตร MRT ไป 30 SG เหลือเงินในบัตร 5 SG ค่ะ
แต่มีเหตุต้องไป 2 คน
(อันนี้เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่จองตั๋วโปรเดินทางของสายการบิน Airasia นะคะ หากจองราคาโปรไว้ จะยกเลิก หรือเปลี่ยนตั๋ว คืนเงินไม่ได้
แต่ว่า สามารถขอส่วนต่างค่าภาษีสนามบิน คืนได้นะคะ สามารถทำได้หลังจากไฟท์ที่จองทำการบินเรียบร้อยแล้ว
****สำคัญยิ่ง ตอนที่เรา check in การเดินทาง ไม่ต้องไป check in คนที่จะขอคืนภาษีสนามบินไปด้วยนะคะ)

จะบอกว่าทริปนี้ มีเรื่องให้ จขกท.ตื่นเต้นก่อนไป เหตุเพราะ นาฬิกาเดินช้ากว่าปกติ ทำให้ดูเวลาผิด
คือขึ้นเครื่อง 7 โมง ประตูเปิดให้เข้าตอน 6.20
แต่ว่า 6.05 น. จขกท.เพิ่งจะได้ขึ้น taxi จากปิ่นเกล้า เพื่อไปสนามบินดอนเมืองค่ะ
ตอนนั้นอย่าถามค่ะว่าอาการเป็นเยี่ยงไร คิดหาทางออก หากไปไม่ทัน หากตกเครื่อง บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แอบโกรธตัวเองมากมาย 555555555555555 บอก taxi ว่ามีทางไหนไปเร็วสุดบ้าง
ขึ้นทางด่วน เหยียบให้สุดเลย (ต้องกราบขออภัย taxi คันนั้นมาก ที่นั่งกดดัน taxi ตลอดเวลา 55555 เก๊าขอโทษ)
คือแบบไปถึงสนามบินในเวลา 06.28 นาทีค่ะ วิ่งค่ะวิ่ง วิ่งแบบไม่สนใจสายตาประชาชีที่ต่างหันมามอง
กลัวตกเครื่องมากกว่าอายค่ะ ยอมโดนเรียก final call ดีกว่าตกเครื่องค่ะ
ดีที่ check in และปริ้น Boarding Pass มาแล้ว ไม่ต้องโหลดกระเป๋า เพราะถือเป้ carry on ขึ้นเครื่องอย่างเดียว
นึกในใจ โชคดีมากที่ไม่ได้ต้องโหลดกระเป๋า ไม่งั้นมีการต้องทิ้งกระเป๋าโหลดแน่นอน
คงจะให้ Taxi วนเอากระเป๋ากลับไปเก็บให้แทน 555555555
ตอนนั้นอาการทุกอย่างมาเต็ม แต่ตอนนี้พอนึกล่ะฮาแทนค่ะ (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีมากๆ ไม่ควรเลียบแบบนะคะ)
พอวิ่งเข้าผ่าน ตม. สแกนกระเป๋า เสร็จรีบวิ่งไป gate 21 ค่ะ ไกลแค่ไหน คือใกล้
เหนื่อยโฮก วิ่งไปถึงคือแบบโลกสว่างทันตา โล่งค่ะ กำลังต่อแถวขึ้นเครื่องพอดี แถวที่นั่งเป็น Zone 3 พอดี
เรียกขึ้นเครื่องเป็นแถวสุดท้าย ............... ยาหอมยาลม ยาหม่องมาเต็มค่ะงานนี้

บัตรสมาชิกบัตรเครดิต กรุงเทพ อย่าลืมใช้สิทธิ์รับเครื่องดื่มฟรีบนเครื่องด้วยนะคะ

เราจองตั๋วแบบวันแรกที่ไปถึงเลือกไฟท์บินเช้าสุด และขากลับจากสิงคโปร์มาไทย เลือกไฟท์ดึกสุด
เพื่อที่จะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น
เราเดินทางออกจากประเทศไทย 07.00 และไปถึงสนามบินชางฮีประเทศสิงคโปร์ในเวลา 10.30
(ตามเวลาของสิงคโปร์นะคะ จะเร็วกว่าเวลาในไทย 1 ชม. นะคะ) ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 2 ชั่วโมง 30 นาทีค่ะ
เมื่อถึง สนามบิน Changi Airport ลงจอดที่ Terminal 4 เราก็เดินตามป้าย Arrival ไปเรื่อยๆ เพื่อไป ผ่าน ตม.ค่ะ
จะบอกว่าตั้งแต่ผ่าน ตม.มา จนท.ตม. ที่นี่เป็นประเทศแรกที่เค้าพูดเล่น และไม่ทำหน้าดุ ถทึงใส่ ตอนถาม
ดีงามมากมาย (เป็นความประทับใจส่วนตัวนะคะอันนี้)
เราต้องต่อรถบัสฟรี จาก terminal 4 ไป ขึ้น MRT เข้าเมืองที่ Terminal 2 กันค่ะ
(รถบัสจะวิ่งมาบ่อยมากๆค่ะ เกือบทุกๆ 5 นาทีได้ค่ะ ไม่ต้องรีบ หรือรอนาน)

พอออกจาก ตม . เดินไปตามป้ายประตูทางออก แล้วมองขวาจะเห็นป้าย But to T2 & MRT ค่ะ

แล้วเดินตามไปจะเจอจุดที่ให้นั่งรอ รถบัสค่ะ

ใช้เวลาเดินทางจาก T2 ไป T4 ประมาณ 5-10 นาทีค่ะ
พอถึง T2 ก็เดินเข้าไปในอาคารมองหาป้าย Train To City (จะอยู่ชั้น B2 ค่ะ)

สามารถไปติดต่อซื้อบัตร ที่เคาน์เตอร์ และให้ จนท. เติมเงินได้เลยค่ะ


เราจองที่พักไว้แถว Chinatown ค่ะ ก็ขึ้น MRT ไปลงสถานี Tanah Merah เพื่อไปต่อ MRT ไปChinatown ค่ะ
คือทุกคนต้องไปลงสถานี Tanah Merah เพื่อเปลี่ยนสายนะคะ อย่านั่งเพลินลืมกันนะคะ
เมื่อเข้าที่พักเพื่อไปฝากของไว้ได้ก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลา check in ค่ะ

เมื่อเก็บของเข้าที่พักแล้ว สิ่งแรกที่เราจะเริ่มออกเดินทาง lanmark แรกของเรานั้นคือ

ค่ะเรามาโผล่กันที่ห้างนี้ค่ะ Anchor Point คือผู้ร่วมทริปของเรา ตั้งใจอยากมาซื้อกระเป๋า Charles&Keith ที่สิงคโปร์ และไม่ถือกระเป๋าถือใดๆขึ้นเครื่องมาเลย นอกจากกระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้า 1 ใบ โดย เอากล้อง กระเป๋าเงินทุกอย่างใส่ถุงหิ้วมาเดินรอบเกาะสิงคโปร์ค่ะ คือเพื่อลดความกดดันเลยต้องพามาหา Outlet เพื่อถอยกระเป๋าก่อนค่ะ 555

ห้าง Anchor Point นั่งไปลงสถานี Queenstown เดินออกตรงไปทางถนนเส้น Alexandra Road
ไปทางออก B (เลี้ยวซ้าย) แล้วเดินตรงขึ้นไป ตรงแยก แล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆห้างจะอยู่ขวามือค่ะ
จะเห็น IKEA อยู่ถึงก่อนฝั่งซ้ายมือค่ะ
หรือถามคนแถวนั้นทางฝั่งไป IKEA ก้ได้ค่ะ
(แต่แนะนำอย่าถามว่าไปห้าง Anchor Point เพราะลองมาแล้ว คือ 4-5 คนแบบไม่รู้จัก
แต่รู้จัก IKEA ทั้งที่อยู่ติดกัน แค่คนละฝั่งถนน 55555

ที่นี่ของอาจจะไม่เยอะ แต่ก็มีลดราคา และก่อนไป จขกท.ได้เข้าไปยืมบัตรสมาชิก Charles&Keith ในกรุ๊ป สิงคโปร์ มาด้วย
ก็บอกเลขที่บัตรสมาชิก และได้ส่วนลดเพิ่มไปอีก 10% สวยๆค่ะ (ต้องกราบขอบคุณสำหรับ ผู้ใจดีที่สนับสนุนส่วนลดด้วยค่ะ)
เสร็จแล้วเราก็ทานอาหารประจำชาติ สิงคโปร์กันค่ะ นั้นก็คือ KFC แฮ่ (แค่อยากลองรสชาติของแต่ละประเทศแค่นั้นเอ๊งค่ะ 5555)

พักเติมพลังก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางตามล่าหา Lanmark กันอย่างจริงจังเสียทีค่ะ
[CR] 4 วัน 3 คืน ทริปตามล่าหา Landmark ใน Singapore อย่างแท้จริง (กับงบไม่ถึงหมื่น)
สำหรับคนที่จะแบกเป้ เดินทางท่องเที่ยว
รูปก็อาจจะเยอะๆหน่อย สาระ ก็อาจจะหาแทบไม่ได้ 5555555555
เราเดินช่วง 20-23 มิถุนายน 2561 ค่ะ
ทริปนี้ จขกท.เดินทางกัน 2 คน จริงๆจองตั๋ว ไป 3 คน จองตั๋วไปกลับ รวมค่าตัดบัตร ตกคนละ 3,000 บาท
เราจองโรงแรม Capsule Pod Boutique Hostel 3 คืน คนละ 2,422 บาท (เป็นห้องรวมหญิง นะคะ)
เติมเงินในบัตร MRT ไป 30 SG เหลือเงินในบัตร 5 SG ค่ะ
แต่มีเหตุต้องไป 2 คน
(อันนี้เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่จองตั๋วโปรเดินทางของสายการบิน Airasia นะคะ หากจองราคาโปรไว้ จะยกเลิก หรือเปลี่ยนตั๋ว คืนเงินไม่ได้
แต่ว่า สามารถขอส่วนต่างค่าภาษีสนามบิน คืนได้นะคะ สามารถทำได้หลังจากไฟท์ที่จองทำการบินเรียบร้อยแล้ว
****สำคัญยิ่ง ตอนที่เรา check in การเดินทาง ไม่ต้องไป check in คนที่จะขอคืนภาษีสนามบินไปด้วยนะคะ)
คือขึ้นเครื่อง 7 โมง ประตูเปิดให้เข้าตอน 6.20
แต่ว่า 6.05 น. จขกท.เพิ่งจะได้ขึ้น taxi จากปิ่นเกล้า เพื่อไปสนามบินดอนเมืองค่ะ
ตอนนั้นอย่าถามค่ะว่าอาการเป็นเยี่ยงไร คิดหาทางออก หากไปไม่ทัน หากตกเครื่อง บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แอบโกรธตัวเองมากมาย 555555555555555 บอก taxi ว่ามีทางไหนไปเร็วสุดบ้าง
ขึ้นทางด่วน เหยียบให้สุดเลย (ต้องกราบขออภัย taxi คันนั้นมาก ที่นั่งกดดัน taxi ตลอดเวลา 55555 เก๊าขอโทษ)
คือแบบไปถึงสนามบินในเวลา 06.28 นาทีค่ะ วิ่งค่ะวิ่ง วิ่งแบบไม่สนใจสายตาประชาชีที่ต่างหันมามอง
กลัวตกเครื่องมากกว่าอายค่ะ ยอมโดนเรียก final call ดีกว่าตกเครื่องค่ะ
ดีที่ check in และปริ้น Boarding Pass มาแล้ว ไม่ต้องโหลดกระเป๋า เพราะถือเป้ carry on ขึ้นเครื่องอย่างเดียว
นึกในใจ โชคดีมากที่ไม่ได้ต้องโหลดกระเป๋า ไม่งั้นมีการต้องทิ้งกระเป๋าโหลดแน่นอน
คงจะให้ Taxi วนเอากระเป๋ากลับไปเก็บให้แทน 555555555
ตอนนั้นอาการทุกอย่างมาเต็ม แต่ตอนนี้พอนึกล่ะฮาแทนค่ะ (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีมากๆ ไม่ควรเลียบแบบนะคะ)
พอวิ่งเข้าผ่าน ตม. สแกนกระเป๋า เสร็จรีบวิ่งไป gate 21 ค่ะ ไกลแค่ไหน คือใกล้
เหนื่อยโฮก วิ่งไปถึงคือแบบโลกสว่างทันตา โล่งค่ะ กำลังต่อแถวขึ้นเครื่องพอดี แถวที่นั่งเป็น Zone 3 พอดี
เรียกขึ้นเครื่องเป็นแถวสุดท้าย ............... ยาหอมยาลม ยาหม่องมาเต็มค่ะงานนี้
เพื่อที่จะได้มีเวลาเที่ยวมากขึ้น
เราเดินทางออกจากประเทศไทย 07.00 และไปถึงสนามบินชางฮีประเทศสิงคโปร์ในเวลา 10.30
(ตามเวลาของสิงคโปร์นะคะ จะเร็วกว่าเวลาในไทย 1 ชม. นะคะ) ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 2 ชั่วโมง 30 นาทีค่ะ
เมื่อถึง สนามบิน Changi Airport ลงจอดที่ Terminal 4 เราก็เดินตามป้าย Arrival ไปเรื่อยๆ เพื่อไป ผ่าน ตม.ค่ะ
จะบอกว่าตั้งแต่ผ่าน ตม.มา จนท.ตม. ที่นี่เป็นประเทศแรกที่เค้าพูดเล่น และไม่ทำหน้าดุ ถทึงใส่ ตอนถาม
ดีงามมากมาย (เป็นความประทับใจส่วนตัวนะคะอันนี้)
เราต้องต่อรถบัสฟรี จาก terminal 4 ไป ขึ้น MRT เข้าเมืองที่ Terminal 2 กันค่ะ
(รถบัสจะวิ่งมาบ่อยมากๆค่ะ เกือบทุกๆ 5 นาทีได้ค่ะ ไม่ต้องรีบ หรือรอนาน)
พอถึง T2 ก็เดินเข้าไปในอาคารมองหาป้าย Train To City (จะอยู่ชั้น B2 ค่ะ)
สามารถไปติดต่อซื้อบัตร ที่เคาน์เตอร์ และให้ จนท. เติมเงินได้เลยค่ะ
คือทุกคนต้องไปลงสถานี Tanah Merah เพื่อเปลี่ยนสายนะคะ อย่านั่งเพลินลืมกันนะคะ
เมื่อเข้าที่พักเพื่อไปฝากของไว้ได้ก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลา check in ค่ะ
เมื่อเก็บของเข้าที่พักแล้ว สิ่งแรกที่เราจะเริ่มออกเดินทาง lanmark แรกของเรานั้นคือ
ไปทางออก B (เลี้ยวซ้าย) แล้วเดินตรงขึ้นไป ตรงแยก แล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆห้างจะอยู่ขวามือค่ะ
จะเห็น IKEA อยู่ถึงก่อนฝั่งซ้ายมือค่ะ
หรือถามคนแถวนั้นทางฝั่งไป IKEA ก้ได้ค่ะ
(แต่แนะนำอย่าถามว่าไปห้าง Anchor Point เพราะลองมาแล้ว คือ 4-5 คนแบบไม่รู้จัก
แต่รู้จัก IKEA ทั้งที่อยู่ติดกัน แค่คนละฝั่งถนน 55555
ก็บอกเลขที่บัตรสมาชิก และได้ส่วนลดเพิ่มไปอีก 10% สวยๆค่ะ (ต้องกราบขอบคุณสำหรับ ผู้ใจดีที่สนับสนุนส่วนลดด้วยค่ะ)
เสร็จแล้วเราก็ทานอาหารประจำชาติ สิงคโปร์กันค่ะ นั้นก็คือ KFC แฮ่ (แค่อยากลองรสชาติของแต่ละประเทศแค่นั้นเอ๊งค่ะ 5555)
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น