ล้อมวง เล่าเรื่องผี / เรื่อง “ห่วง...เชือก” EP. 1
“สวัสดีครับ พบกันอีกเช่นเคยกับค่ำคืนหลอนจากคลื่น 94.13 ช็อคเวฟ คลื่นหลอน คนเล่าผี นะครับ เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับการทำงานที่ผ่านมาของวันนี้ ทุกคนสามารถคอมเม้นมาบอกกันได้นะครับ อ่าว! สวัสดีครับน้องอ๊อด สวัสดีครับน้องปลา แหม่ตอนนี้มีทักกันมาหลายคนแล้วนะครับ สำหรับใครที่รับชมรับฟังผ่านวีดีโอไลฟ์สดของทางสถานีก็จะเห็นผมนั่งอยู่คนเดียวนะครับ เพราะวันนี้น้องเนยลาป่วยไม่สบายกะทันหัน ช่วงนี้ฝนตกบ่อยอย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ วันนี้มีสายจากทางบ้านติดต่อกับทางรายการมาบอกว่ามีเรื่องหลอนมากที่สุดในชีวิต จะมาเล่าให้กับคุณผู้ฟังได้ฟังกันในค่ำคืนนี้นะครับ” เสียงดีเจหนุ่มพูดเปิดรายการด้วยน้ำเสียงร่าเริงแจ่มใสผิดกับประเภทของรายการ “ขณะนี้เวลาเที่ยงคืนกับอีกสิบห้านาทีนะครับ เรียกได้ว่าเป็นเวลาพอดิบ พอดี ของสมาคมของเราเลยก็ว่าได้นะครับ เอาละเพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลานะครับ ผมขอรับสายจากสายแรกเลยละกันนะครับ” ดีเจหนุ่มเปิดเสียงจากสายโทรศัพท์ที่ทางทีมงานได้ติดต่อให้ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
“สวัสดีครับ คุณหมอก”
“สวัสดีครับ พี่ต้น” เสียงปรายสายตอบรับ เสียงร่าเริงไม่แพ้ดีเจหนุ่มเลย
“หมอกตอนนี้รับชม รับฟังทางช่องทางไหนอยู่ครับ”
“ตอนนี้ผมฟังจากวิทยุอยู่ครับ”
“แล้วสัญญาณการรับฟังเป็นไงบ้างครับ มีสะดุดรึเปล่า”
“ปกติดีครับ ได้ยินเสียงพี่ต้นชัดเจนดีครับ”
“งั้นช่วยลดเสียงวิทยุลงนิดนึงนะครับ แล้วตอนเล่าเรื่องผี ก็ขอเล่าด้วยเสียงดังชัดเจนหน่อยก็แล้วกันนะหมอก อ่าวละ เห็นทีมงานบอกว่า หมอกมีเรื่องเล่าสุดหลอน และหลอนมากที่สุดในชีวิต จะมาเล่าให้พวกเราฟัง” ดีเจต้นเน้นคำว่า ‘สุดหลอน’ ซึ่งในความหมายคือ ถ้าเรื่องที่เล่าไม่หลอนกูจะทับถมตอนท้ายรายการให้อายกันไปข้างหนึ่งเลย
“ใช่ครับพี่ต้น เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นกับผมเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนี้เองครับ ถ้าพี่ฟังจบผมรับรองได้ว่าพี่ขนหัวลุกหมดหัวแน่ๆ” หมอกพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจมากว่าหลอนแน่
“งั้นเรื่องราวมันเป็นมายังไงครับหมอก”
“คือ เรื่องราวมันเริ่มจากคนที่ผมเพิ่งรู้จักนี่เองครับ..พวกเธอเป็นนักศึกษาสาวที่กำลังหาที่พักใหม่ พวกเธอชื่อ......
แพท และ จ๋า สองสาวนักศึกษาคณะสถาปัตย์ชั้นปีที่ 2 หลังจากเปิดเทอมใหม่ได้เพียงไม่กี่อาทิตย์พวกเธอได้ตัดสินใจย้ายออกจากหอพักในกำกับของมหาวิทยาลัยเนื่องจากข้อจำกัดของหอพักเยอะขึ้น เวลาปิดหอพักได้เลื่อนจากเที่ยงคืนมาเป็นสี่ทุ่มเพราะทางมหาวิทยาลัยไม่เห็นด้วยกับการรับน้องของหลายๆคณะ ที่ทำกิจกรรมรับน้องเลิกดึกจนทำให้น้องใหม่มีปัญหาในการเข้าเรียน และเหมือนเป็นการบังคับรุ่นพี่ให้เลิกกิจกรรมรับน้องก่อนเวลาที่หอพักจะปิดสี่ทุ่ม ทั้งสองสาวจึงต้องจำใจย้ายออกจากหอพักเพราะมักจะกลับเข้าหอพักไม่ทันเนื่องจากใช้เวลาทำงานอยู่ที่คณะนานและบ่อยครั้งกลับเข้าหอพักไม่ทันก่อนสี่ทุ่มจึงต้องไปอาศัยหอพักเพื่อนอยู่บ่อยๆ
หลังจากเลิกเรียนวิชาสุดท้ายของวันซึ่งไม่เย็นมากทั้งสองคนจึงขับรถวนดูหอพักละแวกใกล้ๆกับมหาวิยาลัย หอพักที่ไปดูหลายๆที่และอยากเข้าไปอยู่ก็เต็ม บางหอพักห้องแคบและพื้นที่ไม่พอสำหรับทำงานส่งอาจารย์ ทั้งคู่จึงตัดสินใจขับรถไกลออกไปจากมหาวิทยาลัยอีกหน่อยและคิดว่าจะหาบ้านเช่าราคาถูกๆ อยู่กันดีกว่าน่าจะตอบโจทย์ได้ดีทั้งเรื่องพื้นที่ในการทำงานและเวลาเปิด-ปิด เพราะถ้าเป็นบ้านเช่าจะเข้าเมื่อไหร่ก็ได้
"จ๋า บ้านเช่าหลังนี้พอได้ไหม" แพทบอกพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าไปเทียบจอดที่หน้าบ้าน ที่มีป้ายประกาศหาคนเช่าอยู่ตรงประตูรั้วเหล็ก
"น่าจะโอเคอยู่นะ เราลองลงไปดูข้างนอกไหม" จ๋าก็ทำท่าสนใจบ้านหลังนี้เหมือนกัน "มีเบอร์โทรศัพท์อยู่ในป้ายด้วย งั้นโทรขออนุญาตเจ้าของบ้านแล้วเข้าไปดูกันไหม"
"ได้ซิ จะได้ไม่ถือเป็นการบุกรุก นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว" แพทบอกพลางเดินไปทางริมรั้วและดูบ้านภายนอกไปด้วย
สภาพบ้านเป็นบ้านปูนสองชั้นค่อนข้างใหม่ทีเดียว มีที่สำหรับจอดรถยนต์ได้ 1 คัน บริเวณบ้านไม่กว้างนักแต่ก็พออยู่ได้ ถัดไปด้านขวามือเธอมีบ้านสองชั้นลักษณะของบ้าน ด้านล่างเป็นปูนด้านบนเป็นไม้อยู่ข้างๆ เธอเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอุ้มลูกอยู่ในอ้อมแขนและกำลังร้องเพลงกล่อมเด็กให้เด็กหลับ ไม่นานหญิงสาวได้ลุกขึ้นและวางลูกน้อยนอนในเปล หญิงสาวเหลือบไปเห็นแพทที่กำลังยืนมองอยู่จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"มีธุระอะไรรึเปล่าคะ" หญิงสาวถาม
"ขอโทษค่ะ พอดีหนูมาดูบ้านเช่าหลังข้างๆนี้แล้วเห็นพี่กำลังกล่อมลูกอยู่ เลยเผลอมองความน่ารักของแม่และลูกนานไปหน่อย" แพทยิ้มแบบเขินๆส่งให้หญิงสาวที่ขณะนี้เธอเดินมาหยุดอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้านแล้ว
"พี่ชื่อมะลินะ น้องสนใจจะเช่าบ้านหลังนี้หรอ พี่เห็นมีคนมาดูหลายคนแล้วนะ ถ้าอยากอยู่ต้องรีบตัดสินใจ เพราะพี่กลัวว่าบ้านจะไม่ว่างแล้ว" เธอบอกด้วยความหวังดีให้กับแพท "เมื่อวันก่อน ตอนที่พี่อยู่ในบ้าน เห็นผู้ชายคนหนึ่งมาดูบ้าน เขาโทรหาเจ้าของบ้านแล้วซักพักเขาขับรถออกไป พี่นึกว่าเขาจะย้ายเข้ามาอยู่เร็วๆนี้ซะอีก แต่ก็ยังไม่เห็นมาเลย น้องอาจจะยังพอมีโอกาสนะถ้าสนใจจริงๆ” เป็นไปตามที่พี่มะลิบอก จ๋าเดินมาบอกข่าวดีกับเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนกับถูกรางวัลลอตเตอรี่
"นี่แพท ชั้นโทรหาเจ้าของบ้านแล้ว เขาบอกว่าค่าเช่าเดือนละสามพันห้าร้อยบาทเอง ไม่ต้องมัดจำถ้าเราพร้อม ให้ย้ายของเข้าอยู่ได้เลย และเขายังบอกอีกว่าเขาเอากุญแจบ้านซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้ข้างประตูรั้วถ้าเราอยากเข้าไปดูก็เข้าไปดูได้ เขาไม่ว่า" จ๋ายังตื่นเต้นกับราคาของบ้านเช่าไม่หาย นี่ราคามันเท่ากับห้องพักที่มีแค่เพียงห้องนอนและห้องน้ำเท่านั้น แต่ถ้าจ่ายสามพันห้าร้อยบาทเช่าที่นี่เธอจะได้อยู่บ้านทั้งหลัง
"เอาซิ ไหนๆก็มาแล้วดูข้างในเลยก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลามาดูอีก นี่พี่มะลิก็เพิ่งบอกว่ามีคนแวะมาดูบ้านหลังนี้บ่อยๆ ถ้าเราสนใจก็ให้รีบทำสัญญาเลย" แพทหันไปบอกจ๋า และแนะนำจ๋าให้รู้จักกับพี่มะลิ
"เดี๋ยวเราสองคนขอตัวเข้าไปดูข้างในบ้านก่อนนะคะ เดี๋ยวมันจะมืดซะก่อน" จ๋าบอกกับพี่มะลิและหันหลังเดินกลับไปหากุญแจที่อยู่ใต้กระถางต้นไม้ตามที่เจ้าของบ้านบอก
"ขอตัวก่อนนะคะ" แพทบอกกับพี่มะลิอีกหนพร้อมกับเดินไปสมทบกับจ๋า
หลังจากที่ทั้งคู่เข้ามาภายในบ้าน จ๋ากดเปิดสวิตซ์ไฟทุกดวง เพื่อที่จะได้เห็นภายในบ้านอย่างชัดเจน ลักษณะภายในบ้านชั้นล่างประกอบไปด้วยห้องโถงมีโซฟาชุดเล็กๆไว้รับแขก ทีวีจอแบนติดผนังและชุดเครื่องเสียงวางไว้บนเคาน์เตอร์บิ๊วอิน ถัดไปด้านในเป็นห้องน้ำและโต๊ะกินข้าว ถัดไปอีกเล็กน้อยเป็นห้องครัว ด้านซ้ายมือเป็นโถงบันได ทั้งคู่เดินพิจารณาบ้านชั้นล่างอย่างละเอียดก่อนที่จะกดสวิตซ์เปิดไฟชั้นบนตรงโถงบันไดและพากันเดินขึ้นไปชั้นสองของตัวบ้าน ภายในชั้นสองประกอบไปด้วยห้องนอนเพียงสองห้องและแต่ละห้องมีห้องน้ำอยู่ในตัว
"เรานอนกันห้องนี่ไหมจ๋า และอีกห้องหนึ่งเอาไว้เป็นห้องตัดโมเดลและเก็บของ" แพทเสนอไอเดีย
"ก็ดีเหมือนกันนะ นึกถึงของที่หอแล้วก็เยอะเหมือนกัน" จ๋าเห็นด้วยกับไอเดียของแพทและบอกข้อความที่เธอคุยกับเจ้าของบ้านให้แพทฟังอีก "เจ้าของบ้านเขายังบอกอีกว่า ถ้าเราสนใจจะขนของเข้าอยู่เลยก็ได้ เดือนนี้ยังไม่ต้องจ่ายค่าเช่าเพราะอีกไม่กี่วันก็จะสิ้นเดือนแล้ว เขาให้เราเริ่มจ่ายต้นเดือนหน้าเอา"
"งั้นก็ดีเลยซิ เธอโทรไปบอกเขาเลยนะว่าเราสองคนตกลงที่จะเช่าบ้านหลังนี้" หลังจากที่จ๋าตกลงกับเจ้าของบ้านเรียบร้อยแล้ว สองสาวจึงปิดไฟภายในบ้านและเดินออกมาปิดประตูรั้วพร้อมกับเก็บกุญแจบ้านไว้ พวกเธอวางแผนว่าจะย้ายของเข้ามาในวันเสาร์ที่จะถึงนี้
"เราจะไปบอกพี่มะลิดีไหมว่าเราจะย้ายเข้ามาวันเสาร์นี้" แพทเสนอกับจ๋าก่อนที่จะขึ้นรถ
"อย่าเลย พี่เขาคงนอนแล้วมั่ง ดูซิไฟในบ้านก็ไม่ได้เปิดแล้วด้วย" แพทหันไปมอง จริงอย่างที่จ๋าว่า พี่มะลิอาจจะเข้านอนแล้ว
เช้าของวันเสาร์ทั้งคู่ได้ช่วยกันขนของจากหอเก่าและย้ายของเข้ามาในบ้านเช่าหลังนี้ กว่าจะย้ายเสร็จก็ปาไปเกือบหกโมงเย็นเพราะพวกเธอใช้รถมอเตอร์ไซค์ช่วยกันขนของมา หลังจากนั้นจึงขับรถไปซื้อกับข้าวหน้าปากซอยและกลับมาโดยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง เมื่อขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน แพทเห็นมะลิสาระวนอยู่กับการอุ้มลูกและเดินไปมาอยู่หน้าบ้านโดยเธอมีท่าทีกระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย เธอจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"พี่มะลิ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ" แพทเกาะอยู่ที่ริมประตูรั้ว เธอยังไม่กล้าที่ถือวิสาสะเปิดประตูรั้วเข้าไป
"มีปัญหาอะไรบอกเราสองคนได้เลยนะคะ พี่มะลิ" จ๋าที่เพิ่งเดินมาสมทบกับแพทเอ่ยบอก "ไม่ต้องเกรงใจค่ะ เราเป็นเพื่อนบ้านกัน"
"คือ...พี่รอ พี่เต้ แฟนพี่กลับบ้านจ๊ะ ตอนนี้ลูกพี่ยังไม่ได้กินนมเลย และพี่ก็ไม่รู้ว่าเขามัวทำอะไรอยู่ โทรหาก็ไม่รับสาย เพราะนมหมดไปเมื่อตอนกลางวันนี่เอง" สีหน้ากังวลปรากฏบนหน้ามะลิจนเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะความเป็นห่วงลูก
"งั้นเอานมกล่องที่เราซื้อมา ให้น้องกินแทนก่อนได้ไหมคะ" จ๋าบอกพลางเดินไปหยิบนมกล่องจากตะกร้าหน้ารถ ที่เพิ่งซื้อมาและเปิดประตูรั้วหน้าบ้านเดินเข้าไปพร้อมกับแพท
"พี่ขอบใจหนูทั้งสองคนมากนะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่วานหนูช่วยเอานมใส่ในขวดให้หน่อยได้รึเปล่า" มะลิบอกพลางเดินนำสองสาวเข้าไปในบ้าน
ภายในบ้านชั้นล่างเมื่อเข้าไปจะมีห้องโล่งๆและเสื่อหนึ่งพื้นปูอยู่ที่สองสาวเข้าใจได้ว่าเป็นห้องรับแขก บนเสื่อมีขวดสองขวดวางอยู่ ขวงหนึ่งมีน้ำอยู่ครึ่งขวด และอีกขวดหนึ่งว่างเปล่า จ๋ารีบเดินไปหยิบขวดที่ว่างเปล่าเปิดออกและเทนมกล่องใส่เข้าไป
"น้องแพทจ๊ะ ช่วยอุ้มลูกแทนพี่ได้ไหม พอดีพี่ปวดเข้าห้องน้ำ ช่วยหน่อยนะ" เธอส่งลูกให้แพทแล้วเดินหายเข้าทางหลังบ้าน
สองสาวพยายามป้อนนมให้กับลูกของมะลิ ทั้งสองต่างหยอกล้อเล่นกับเด็กทารกไร้เดียงสาจนป้อนนมและน้ำให้เด็กกินเสร็จจนหลับปุ๋ยไปในอ้อมอกของแพท พวกเธอทั้งคู่เลยมีเวลาสังเกตภายในบ้านของมะลิอีกครั้ง พื้นที่ที่พวกเธอนั่งอยู่ถูกจัดให้เป็นที่เลี้ยงเด็กง่ายๆ มีผ้าปูให้เป็นที่นอนเด็กอยู่ตรงกลางห้อง ของเล่นเด็กเป็นพวกใบมะพร้าวพับเป็นรูปสัตว์ต่างๆ วางอยู่ข้างผ้าปู ภายในบ้านไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์มากมายเหมือนบ้านหลังอื่น บางทีทรัพย์สินอย่างอื่นอาจอยู่บนบ้านก็เป็นได้ แพทคิดในใจ ถัดจากห้องรับแขกมีฉากไม้เก่าๆกั้นไม่ให้เห็นพื้นที่ใต้บันได ซึ่งเป็นบันไดไม้เชื่อมต่อไปในส่วนของชั้นบน ถ้าอยู่ด้านหน้าบันไดและเลี้ยวไปทางซ้ายก็จะเป็นห้องครัว และมีห้องน้ำอยู่ใกล้ๆ สายตาของสองสาวมองเข้าไปภายในห้องครัวทางที่มะลิเดินหายเข้าไปเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ และคิดว่าเธอไปเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ แต่ยังไม่ทันที่จ๋าจะเอ่ยเรียก มะลิก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาอย่างรีบๆ แล้วเข้าอุ้มลูกต่อจากแพท พลางกล่าวขอโทษที่ไปเข้าห้องน้ำนานและปล่อยให้เป็นภาระของสองสาว
------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเรื่องราวต่อๆไปได้ที่ เพจ Facebook :
https://www.facebook.com/ShockTimeStory/
และ
https://shocktimestory.blogspot.com/ ขอบคุณครับ
ล้อมวง เล่าเรื่องผี / เรื่อง “ห่วง...เชือก” EP. 1
“สวัสดีครับ พบกันอีกเช่นเคยกับค่ำคืนหลอนจากคลื่น 94.13 ช็อคเวฟ คลื่นหลอน คนเล่าผี นะครับ เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับการทำงานที่ผ่านมาของวันนี้ ทุกคนสามารถคอมเม้นมาบอกกันได้นะครับ อ่าว! สวัสดีครับน้องอ๊อด สวัสดีครับน้องปลา แหม่ตอนนี้มีทักกันมาหลายคนแล้วนะครับ สำหรับใครที่รับชมรับฟังผ่านวีดีโอไลฟ์สดของทางสถานีก็จะเห็นผมนั่งอยู่คนเดียวนะครับ เพราะวันนี้น้องเนยลาป่วยไม่สบายกะทันหัน ช่วงนี้ฝนตกบ่อยอย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ วันนี้มีสายจากทางบ้านติดต่อกับทางรายการมาบอกว่ามีเรื่องหลอนมากที่สุดในชีวิต จะมาเล่าให้กับคุณผู้ฟังได้ฟังกันในค่ำคืนนี้นะครับ” เสียงดีเจหนุ่มพูดเปิดรายการด้วยน้ำเสียงร่าเริงแจ่มใสผิดกับประเภทของรายการ “ขณะนี้เวลาเที่ยงคืนกับอีกสิบห้านาทีนะครับ เรียกได้ว่าเป็นเวลาพอดิบ พอดี ของสมาคมของเราเลยก็ว่าได้นะครับ เอาละเพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลานะครับ ผมขอรับสายจากสายแรกเลยละกันนะครับ” ดีเจหนุ่มเปิดเสียงจากสายโทรศัพท์ที่ทางทีมงานได้ติดต่อให้ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
“สวัสดีครับ คุณหมอก”
“สวัสดีครับ พี่ต้น” เสียงปรายสายตอบรับ เสียงร่าเริงไม่แพ้ดีเจหนุ่มเลย
“หมอกตอนนี้รับชม รับฟังทางช่องทางไหนอยู่ครับ”
“ตอนนี้ผมฟังจากวิทยุอยู่ครับ”
“แล้วสัญญาณการรับฟังเป็นไงบ้างครับ มีสะดุดรึเปล่า”
“ปกติดีครับ ได้ยินเสียงพี่ต้นชัดเจนดีครับ”
“งั้นช่วยลดเสียงวิทยุลงนิดนึงนะครับ แล้วตอนเล่าเรื่องผี ก็ขอเล่าด้วยเสียงดังชัดเจนหน่อยก็แล้วกันนะหมอก อ่าวละ เห็นทีมงานบอกว่า หมอกมีเรื่องเล่าสุดหลอน และหลอนมากที่สุดในชีวิต จะมาเล่าให้พวกเราฟัง” ดีเจต้นเน้นคำว่า ‘สุดหลอน’ ซึ่งในความหมายคือ ถ้าเรื่องที่เล่าไม่หลอนกูจะทับถมตอนท้ายรายการให้อายกันไปข้างหนึ่งเลย
“ใช่ครับพี่ต้น เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นกับผมเมื่อสองอาทิตย์ก่อนนี้เองครับ ถ้าพี่ฟังจบผมรับรองได้ว่าพี่ขนหัวลุกหมดหัวแน่ๆ” หมอกพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจมากว่าหลอนแน่
“งั้นเรื่องราวมันเป็นมายังไงครับหมอก”
“คือ เรื่องราวมันเริ่มจากคนที่ผมเพิ่งรู้จักนี่เองครับ..พวกเธอเป็นนักศึกษาสาวที่กำลังหาที่พักใหม่ พวกเธอชื่อ......
แพท และ จ๋า สองสาวนักศึกษาคณะสถาปัตย์ชั้นปีที่ 2 หลังจากเปิดเทอมใหม่ได้เพียงไม่กี่อาทิตย์พวกเธอได้ตัดสินใจย้ายออกจากหอพักในกำกับของมหาวิทยาลัยเนื่องจากข้อจำกัดของหอพักเยอะขึ้น เวลาปิดหอพักได้เลื่อนจากเที่ยงคืนมาเป็นสี่ทุ่มเพราะทางมหาวิทยาลัยไม่เห็นด้วยกับการรับน้องของหลายๆคณะ ที่ทำกิจกรรมรับน้องเลิกดึกจนทำให้น้องใหม่มีปัญหาในการเข้าเรียน และเหมือนเป็นการบังคับรุ่นพี่ให้เลิกกิจกรรมรับน้องก่อนเวลาที่หอพักจะปิดสี่ทุ่ม ทั้งสองสาวจึงต้องจำใจย้ายออกจากหอพักเพราะมักจะกลับเข้าหอพักไม่ทันเนื่องจากใช้เวลาทำงานอยู่ที่คณะนานและบ่อยครั้งกลับเข้าหอพักไม่ทันก่อนสี่ทุ่มจึงต้องไปอาศัยหอพักเพื่อนอยู่บ่อยๆ
หลังจากเลิกเรียนวิชาสุดท้ายของวันซึ่งไม่เย็นมากทั้งสองคนจึงขับรถวนดูหอพักละแวกใกล้ๆกับมหาวิยาลัย หอพักที่ไปดูหลายๆที่และอยากเข้าไปอยู่ก็เต็ม บางหอพักห้องแคบและพื้นที่ไม่พอสำหรับทำงานส่งอาจารย์ ทั้งคู่จึงตัดสินใจขับรถไกลออกไปจากมหาวิทยาลัยอีกหน่อยและคิดว่าจะหาบ้านเช่าราคาถูกๆ อยู่กันดีกว่าน่าจะตอบโจทย์ได้ดีทั้งเรื่องพื้นที่ในการทำงานและเวลาเปิด-ปิด เพราะถ้าเป็นบ้านเช่าจะเข้าเมื่อไหร่ก็ได้
"จ๋า บ้านเช่าหลังนี้พอได้ไหม" แพทบอกพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าไปเทียบจอดที่หน้าบ้าน ที่มีป้ายประกาศหาคนเช่าอยู่ตรงประตูรั้วเหล็ก
"น่าจะโอเคอยู่นะ เราลองลงไปดูข้างนอกไหม" จ๋าก็ทำท่าสนใจบ้านหลังนี้เหมือนกัน "มีเบอร์โทรศัพท์อยู่ในป้ายด้วย งั้นโทรขออนุญาตเจ้าของบ้านแล้วเข้าไปดูกันไหม"
"ได้ซิ จะได้ไม่ถือเป็นการบุกรุก นี่ก็ใกล้จะค่ำแล้ว" แพทบอกพลางเดินไปทางริมรั้วและดูบ้านภายนอกไปด้วย
สภาพบ้านเป็นบ้านปูนสองชั้นค่อนข้างใหม่ทีเดียว มีที่สำหรับจอดรถยนต์ได้ 1 คัน บริเวณบ้านไม่กว้างนักแต่ก็พออยู่ได้ ถัดไปด้านขวามือเธอมีบ้านสองชั้นลักษณะของบ้าน ด้านล่างเป็นปูนด้านบนเป็นไม้อยู่ข้างๆ เธอเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอุ้มลูกอยู่ในอ้อมแขนและกำลังร้องเพลงกล่อมเด็กให้เด็กหลับ ไม่นานหญิงสาวได้ลุกขึ้นและวางลูกน้อยนอนในเปล หญิงสาวเหลือบไปเห็นแพทที่กำลังยืนมองอยู่จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"มีธุระอะไรรึเปล่าคะ" หญิงสาวถาม
"ขอโทษค่ะ พอดีหนูมาดูบ้านเช่าหลังข้างๆนี้แล้วเห็นพี่กำลังกล่อมลูกอยู่ เลยเผลอมองความน่ารักของแม่และลูกนานไปหน่อย" แพทยิ้มแบบเขินๆส่งให้หญิงสาวที่ขณะนี้เธอเดินมาหยุดอยู่ที่ประตูรั้วหน้าบ้านแล้ว
"พี่ชื่อมะลินะ น้องสนใจจะเช่าบ้านหลังนี้หรอ พี่เห็นมีคนมาดูหลายคนแล้วนะ ถ้าอยากอยู่ต้องรีบตัดสินใจ เพราะพี่กลัวว่าบ้านจะไม่ว่างแล้ว" เธอบอกด้วยความหวังดีให้กับแพท "เมื่อวันก่อน ตอนที่พี่อยู่ในบ้าน เห็นผู้ชายคนหนึ่งมาดูบ้าน เขาโทรหาเจ้าของบ้านแล้วซักพักเขาขับรถออกไป พี่นึกว่าเขาจะย้ายเข้ามาอยู่เร็วๆนี้ซะอีก แต่ก็ยังไม่เห็นมาเลย น้องอาจจะยังพอมีโอกาสนะถ้าสนใจจริงๆ” เป็นไปตามที่พี่มะลิบอก จ๋าเดินมาบอกข่าวดีกับเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเหมือนกับถูกรางวัลลอตเตอรี่
"นี่แพท ชั้นโทรหาเจ้าของบ้านแล้ว เขาบอกว่าค่าเช่าเดือนละสามพันห้าร้อยบาทเอง ไม่ต้องมัดจำถ้าเราพร้อม ให้ย้ายของเข้าอยู่ได้เลย และเขายังบอกอีกว่าเขาเอากุญแจบ้านซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้ข้างประตูรั้วถ้าเราอยากเข้าไปดูก็เข้าไปดูได้ เขาไม่ว่า" จ๋ายังตื่นเต้นกับราคาของบ้านเช่าไม่หาย นี่ราคามันเท่ากับห้องพักที่มีแค่เพียงห้องนอนและห้องน้ำเท่านั้น แต่ถ้าจ่ายสามพันห้าร้อยบาทเช่าที่นี่เธอจะได้อยู่บ้านทั้งหลัง
"เอาซิ ไหนๆก็มาแล้วดูข้างในเลยก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลามาดูอีก นี่พี่มะลิก็เพิ่งบอกว่ามีคนแวะมาดูบ้านหลังนี้บ่อยๆ ถ้าเราสนใจก็ให้รีบทำสัญญาเลย" แพทหันไปบอกจ๋า และแนะนำจ๋าให้รู้จักกับพี่มะลิ
"เดี๋ยวเราสองคนขอตัวเข้าไปดูข้างในบ้านก่อนนะคะ เดี๋ยวมันจะมืดซะก่อน" จ๋าบอกกับพี่มะลิและหันหลังเดินกลับไปหากุญแจที่อยู่ใต้กระถางต้นไม้ตามที่เจ้าของบ้านบอก
"ขอตัวก่อนนะคะ" แพทบอกกับพี่มะลิอีกหนพร้อมกับเดินไปสมทบกับจ๋า
หลังจากที่ทั้งคู่เข้ามาภายในบ้าน จ๋ากดเปิดสวิตซ์ไฟทุกดวง เพื่อที่จะได้เห็นภายในบ้านอย่างชัดเจน ลักษณะภายในบ้านชั้นล่างประกอบไปด้วยห้องโถงมีโซฟาชุดเล็กๆไว้รับแขก ทีวีจอแบนติดผนังและชุดเครื่องเสียงวางไว้บนเคาน์เตอร์บิ๊วอิน ถัดไปด้านในเป็นห้องน้ำและโต๊ะกินข้าว ถัดไปอีกเล็กน้อยเป็นห้องครัว ด้านซ้ายมือเป็นโถงบันได ทั้งคู่เดินพิจารณาบ้านชั้นล่างอย่างละเอียดก่อนที่จะกดสวิตซ์เปิดไฟชั้นบนตรงโถงบันไดและพากันเดินขึ้นไปชั้นสองของตัวบ้าน ภายในชั้นสองประกอบไปด้วยห้องนอนเพียงสองห้องและแต่ละห้องมีห้องน้ำอยู่ในตัว
"เรานอนกันห้องนี่ไหมจ๋า และอีกห้องหนึ่งเอาไว้เป็นห้องตัดโมเดลและเก็บของ" แพทเสนอไอเดีย
"ก็ดีเหมือนกันนะ นึกถึงของที่หอแล้วก็เยอะเหมือนกัน" จ๋าเห็นด้วยกับไอเดียของแพทและบอกข้อความที่เธอคุยกับเจ้าของบ้านให้แพทฟังอีก "เจ้าของบ้านเขายังบอกอีกว่า ถ้าเราสนใจจะขนของเข้าอยู่เลยก็ได้ เดือนนี้ยังไม่ต้องจ่ายค่าเช่าเพราะอีกไม่กี่วันก็จะสิ้นเดือนแล้ว เขาให้เราเริ่มจ่ายต้นเดือนหน้าเอา"
"งั้นก็ดีเลยซิ เธอโทรไปบอกเขาเลยนะว่าเราสองคนตกลงที่จะเช่าบ้านหลังนี้" หลังจากที่จ๋าตกลงกับเจ้าของบ้านเรียบร้อยแล้ว สองสาวจึงปิดไฟภายในบ้านและเดินออกมาปิดประตูรั้วพร้อมกับเก็บกุญแจบ้านไว้ พวกเธอวางแผนว่าจะย้ายของเข้ามาในวันเสาร์ที่จะถึงนี้
"เราจะไปบอกพี่มะลิดีไหมว่าเราจะย้ายเข้ามาวันเสาร์นี้" แพทเสนอกับจ๋าก่อนที่จะขึ้นรถ
"อย่าเลย พี่เขาคงนอนแล้วมั่ง ดูซิไฟในบ้านก็ไม่ได้เปิดแล้วด้วย" แพทหันไปมอง จริงอย่างที่จ๋าว่า พี่มะลิอาจจะเข้านอนแล้ว
เช้าของวันเสาร์ทั้งคู่ได้ช่วยกันขนของจากหอเก่าและย้ายของเข้ามาในบ้านเช่าหลังนี้ กว่าจะย้ายเสร็จก็ปาไปเกือบหกโมงเย็นเพราะพวกเธอใช้รถมอเตอร์ไซค์ช่วยกันขนของมา หลังจากนั้นจึงขับรถไปซื้อกับข้าวหน้าปากซอยและกลับมาโดยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง เมื่อขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน แพทเห็นมะลิสาระวนอยู่กับการอุ้มลูกและเดินไปมาอยู่หน้าบ้านโดยเธอมีท่าทีกระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย เธอจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"พี่มะลิ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ" แพทเกาะอยู่ที่ริมประตูรั้ว เธอยังไม่กล้าที่ถือวิสาสะเปิดประตูรั้วเข้าไป
"มีปัญหาอะไรบอกเราสองคนได้เลยนะคะ พี่มะลิ" จ๋าที่เพิ่งเดินมาสมทบกับแพทเอ่ยบอก "ไม่ต้องเกรงใจค่ะ เราเป็นเพื่อนบ้านกัน"
"คือ...พี่รอ พี่เต้ แฟนพี่กลับบ้านจ๊ะ ตอนนี้ลูกพี่ยังไม่ได้กินนมเลย และพี่ก็ไม่รู้ว่าเขามัวทำอะไรอยู่ โทรหาก็ไม่รับสาย เพราะนมหมดไปเมื่อตอนกลางวันนี่เอง" สีหน้ากังวลปรากฏบนหน้ามะลิจนเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะความเป็นห่วงลูก
"งั้นเอานมกล่องที่เราซื้อมา ให้น้องกินแทนก่อนได้ไหมคะ" จ๋าบอกพลางเดินไปหยิบนมกล่องจากตะกร้าหน้ารถ ที่เพิ่งซื้อมาและเปิดประตูรั้วหน้าบ้านเดินเข้าไปพร้อมกับแพท
"พี่ขอบใจหนูทั้งสองคนมากนะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่วานหนูช่วยเอานมใส่ในขวดให้หน่อยได้รึเปล่า" มะลิบอกพลางเดินนำสองสาวเข้าไปในบ้าน
ภายในบ้านชั้นล่างเมื่อเข้าไปจะมีห้องโล่งๆและเสื่อหนึ่งพื้นปูอยู่ที่สองสาวเข้าใจได้ว่าเป็นห้องรับแขก บนเสื่อมีขวดสองขวดวางอยู่ ขวงหนึ่งมีน้ำอยู่ครึ่งขวด และอีกขวดหนึ่งว่างเปล่า จ๋ารีบเดินไปหยิบขวดที่ว่างเปล่าเปิดออกและเทนมกล่องใส่เข้าไป
"น้องแพทจ๊ะ ช่วยอุ้มลูกแทนพี่ได้ไหม พอดีพี่ปวดเข้าห้องน้ำ ช่วยหน่อยนะ" เธอส่งลูกให้แพทแล้วเดินหายเข้าทางหลังบ้าน
สองสาวพยายามป้อนนมให้กับลูกของมะลิ ทั้งสองต่างหยอกล้อเล่นกับเด็กทารกไร้เดียงสาจนป้อนนมและน้ำให้เด็กกินเสร็จจนหลับปุ๋ยไปในอ้อมอกของแพท พวกเธอทั้งคู่เลยมีเวลาสังเกตภายในบ้านของมะลิอีกครั้ง พื้นที่ที่พวกเธอนั่งอยู่ถูกจัดให้เป็นที่เลี้ยงเด็กง่ายๆ มีผ้าปูให้เป็นที่นอนเด็กอยู่ตรงกลางห้อง ของเล่นเด็กเป็นพวกใบมะพร้าวพับเป็นรูปสัตว์ต่างๆ วางอยู่ข้างผ้าปู ภายในบ้านไม่ค่อยมีเฟอร์นิเจอร์มากมายเหมือนบ้านหลังอื่น บางทีทรัพย์สินอย่างอื่นอาจอยู่บนบ้านก็เป็นได้ แพทคิดในใจ ถัดจากห้องรับแขกมีฉากไม้เก่าๆกั้นไม่ให้เห็นพื้นที่ใต้บันได ซึ่งเป็นบันไดไม้เชื่อมต่อไปในส่วนของชั้นบน ถ้าอยู่ด้านหน้าบันไดและเลี้ยวไปทางซ้ายก็จะเป็นห้องครัว และมีห้องน้ำอยู่ใกล้ๆ สายตาของสองสาวมองเข้าไปภายในห้องครัวทางที่มะลิเดินหายเข้าไปเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำ และคิดว่าเธอไปเข้าห้องน้ำนานผิดปกติ แต่ยังไม่ทันที่จ๋าจะเอ่ยเรียก มะลิก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกมาอย่างรีบๆ แล้วเข้าอุ้มลูกต่อจากแพท พลางกล่าวขอโทษที่ไปเข้าห้องน้ำนานและปล่อยให้เป็นภาระของสองสาว
------------------------------------------------------------------------------------
ติดตามเรื่องราวต่อๆไปได้ที่ เพจ Facebook : https://www.facebook.com/ShockTimeStory/
และ https://shocktimestory.blogspot.com/ ขอบคุณครับ