กลัวจะเสียลูกไปทำไงดี...เราเป็นพ่อสามารถทำอะไรได้บ้าง? เพื่อจะได้สิทธิ์ครอบครองบุตรโดยชอบธรรม

สวัสดีครับ...ขอคำแนะนำหน่อยน่ะครับ
ผมรบกวนสอบถามผู้รู้หน่อยน่ะครับ
เรื่องที่ทำให้ผมไม่สบายใจก็คือ...กลัวว่าจะเสียลูกไป จะไม่เจอหน้าลูกอีก... เรื่องมีอยู่ว่า "ขอเล่าย้อนกลับไปตั้งแต่ก่อนมีลูกน่ะครับ...ผมได้เจอกับผู้หญิงคนนึง เรามีความรู้สึกดีๆต่อกัน จึงตัดสินใจคบกัน...ตลอดเวลาที่เราคบกันต้องเก็บเป็นความลับครับ...(ห้ามให้ที่บ้านเธอรู้) การที่จะคบกับลูกสาวบ้านนี้จะต้องมีผู้ใหญ่มาสู่ขอตามประเพณีซะก่อน จึงจะคบหากันได้ เพราะครอบครัวของเค้าแคร์คำว่าสังคมมากครับ กลัวว่าจะเสียชื่อเสียง กลัวชาวบ้านเอาไปนินทา กลัวคำคน กลัวการดูถูก สารพัดอีกเยอะแยะ ฯลฯ ซึ่งผมก็ไม่เคยแสดงความรู้สึกอึดอัดใจให้แฟนผมรู้เลยสักครั้ง ได้แต่ทนเก็บไว้ในใจ เราคบกันมาเรื่อยๆ มีร้องไห้ มีสมหวัง มีทะเลาะ แต่ก็ยังรักกันดี(ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า เพราะเธอไม่ค่อยแสดงออกว่ารักผมเท่าไหร่) ผมเป็นคนที่ไม่ชอบอะไรที่วุ่นวาย เลยเลือกที่จะเงียบ ไม่โต้ตอบใดๆทั้งสิ้น แม้จะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม เพื่อให้ทุกอย่างคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เป็นแบบนี้มาเสมอ..จนเวลาผ่านไป 1 ปี กับ 7 เดือน...ผมก็ได้รับข่าวดีมากๆ แต่เธอกลับมองว่าสิ่งนั้นเป็นข่าวร้าย ที่ทำให้ชีวิตเธอต้องพัง ครอบครัวของเธอต้องไม่ให้อภัย และต้องไล่เธอออกจากตระกูล เพราะครอบครัวของเธอแคร์สังคมรอบข้างมากๆ กลัวจะอับอาย (เธอพูดออกมาตอนนั้นเลย) แล้วเรื่องนั้นก็คือ "เธอตั้งท้อง" ผมดีใจสุดๆ แต่เธอนี่สิกลับเศร้า ไม่ดีใจเลยสักนิด เอาแต่บ่นพึมพำๆ ถามคำถามซ้ำๆ "นายไปคุยกับแม่นายให้ไปขอเราเดี๋ยวนี้เลย...ถ้าพ่อรู้เราตายแน่ จริงๆตอนนั้นผมเสียใจมากน่ะ ไม่ได้เสียใจที่เธอท้อง แต่เสียใจที่เธอไม่ยินดีกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่ได้ใยดีสักนิด เธอแคร์แต่ตัวเธอเอง เธอแคร์ครอบครัวของเธอ และเพื่อนบ้านของเธอละแวกนั้น ผมก็ได้แต่กัดฟันแล้วเก็บความไม่พอใจไว้อีกครั้ง (นับไม่ถ้วนล่ะ) ผมนั่งลงข้างๆเธอและกุมมือเธอไว้ แล้วพูดพร้อมกับน้ำตา "ขอบคุณน่ะสำหรับข่าวที่น่ายินดี" ไม่ต้องกลัวน่ะเราขอเวลาเก็บเงิน 3 เดือนแล้วจะให้แม่ไปสู่ขอ (ผมพอมีเงินเก็บยุบ้างแล้วน่ะ) ลืมบอกไปที่เล่ามาทั้งหมดเธออยู่กับผมที่บ้านน่ะ ไม่ได้อยู่กับครอบครัวของเธอ ครอบครัวของเธออยู่อีกจังหวัดนึง และแล้ว 3 เดือนผ่านไป ก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดฝัน. ผมโดนรถชนสลบคาที่เลย ฟื้นมาอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว จำอะไรไม่ได้ "แม่ผมมาเล่าให้ฟังตอนหลัง หลังที่ความจำของผมกลับมาว่า "ผมพูดแต่คำว่า..ลูก" หลังจากเรื่องเลวร้ายครั้งนี้มันทำให้แฟนผมช้ำระทมเข้าไปอีก เพราะเงินที่ผมจะนำไปแต่งงาน กลับต้องนำมารักษาตัวผมเอง และใช้จ่ายไปกับค่าครองชีพ จนกว่าร่างกายผมจะฟื้นและสามารถทำงานได้ (คำนวณแล้วคงเหลือไม่พอสำหรับแต่งงาน) จุดนี้มันเลยทำให้เธอเสียใจมากเพราะสิ่งที่เธอหวังไว้มันพังทลายหมดแล้ว ผมก็ได้แต่โทษตัวเองที่ขับรถไม่ระวัง จนไม่สามารถรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับเธอได้ (เสียใจมากๆครับตอนนั้นที่เป็นเหตุให้เธอต้องเสียใจ) แล้วเวลาก็ค่อยผ่านไปช้าๆ ตอนนี้เธอตั้งท้องได้ 6 เดือนกว่าๆแล้ว ตลอดเวลาจากตอนโดนรถชนจนถึงตอนนี้ มันทำให้ผมเจ็บ มากขึ้นที่ล่ะน้อยๆ เพราะเธอค่อยๆเปลี่ยนไป ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่มีคำว่าเราต่อไปอีกแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว (ยอมรับว่าตอนนั้นไม่โกรธเธอเลยสักนิด ได้แต่โทษตัวเองที่ประมาทจนทำให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้) แต่รู้สึกสงสารตัวเองจับขั้วหัวใจ เจ็บใจใช้กำปั้นทุบไปบนแผลตัวเอง "เมื่อไหร่จะหายสักทีว่ะ" ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกอารมณ์ ทุกความรู้สึก มันถาโถมมาพร้อมกัน จนเหมือนตายไปอย่างช้าๆ สุดท้ายก็มีสิ่งนึงที่ทำให้ผมอดทนและก้าวพ้นต่อสิ่งร้ายๆมาได้ในทุกวันคืน ก็คือ"ผมกำลังจะมีลูก" คำนี้มันทำให้ผมฮึดสู้ทุกครืงที่ท้อแท้...ในที่สุดผมก็หายเป็นปกติ ก่อนลูกจะเกิดในอีก 1 เดือน ผมเร่งทำงานทุกอย่างที่สามารถหาเงินให้พอเพื่อมาใช้จ่ายในการคลอดบุตร ผมกับแฟนก็ยังคุยกันปกติ ยังคงยุที่บ้านผม แต่ในใจเรารู้ดีว่าไม่มีอะไรเหมือนเดิม แต่ผมเลิกสนใจไปแล้วล่ะ ต่อไปนี้ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้อยู่อย่างสบายก็พอ จนวันที่เฝ้ารอก็มาถึง ผมนั่งเฝ้าหน้าห้องคลอดตั้งแต่ 10 โมงเช่า เฝ้ารอด้วยใจจดจ่อ ลุ้น ทุกความรู้สึกของความดีใจ จนเวลา 17.58 นาที มีพญาบาลเดินออกมาจากห้องคลอดแล้วเรียกชื่อผม (ลูกคุณคลอดแล้วน่ะ ผู้หญิง ตอนนี้คุณแม่รอพักฟื้นร่างกาย ไม่เกิน 2 ชม. ก็ได้ออกมาแล้ว). ผมรีบขอบคุณพยาบาลด้วยความตื้นตันสุดๆ แต่ผมก็ต้องรออยู่หน้าห้องคลอดต่อไป..จนเวลาเลยมาถึง 20.15 นาที มีบุรุษพยาบาลรุนเตียงเข็นออกมาจากห้องคลอด ทันทีที่ผมเห็นคนที่อยู่บนเตียงนั้น เหมือนโลกมันหยุดหมุนไปชั่วขณะ ผมรีบวิ่งไปหาเธอทันที และมองสิ่งทีอยู่ข้างๆเธอ สิ่งที่ผมเฝ้ารอมาทุกวันคืน แล้วน้ำตาแห่งความดีใจก็ไหลออกมาไม่รู้ตัว ร้องไห้เยอะมาก มีแต่คนบอกยินดีด้วยน่ะคุณพ่อ เพิ่งเข้าใจคำว่าโลกทั้งใบก็วันนี้แหละ...ผมเฝ้าลูกตลอดเลาที่อยู่โรงพยาบาล ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่รู้สึกเหนื่อยเลย...แค่มองหน้าเจ้าตัวเล็ก..มันก็มีแต่ความสุขเท่านั้นที่เข้ามา ทำทุกอย่างเพื่อลูกจริงๆ อาบน้ำให้ อุ้มไปชั่งน้ำหนัก อุ้มไปฉีดยา ซักผ้าอ้อม ป้อนนมเสริมที่พยาบาลให้มา แม้กระทั่งของเสียจากเจ้าตัวเล็ก ผมก็เป็นคนทำความสะอาดเองทั้งสิ้น โดยที่ไม่ความคิดว่ารังเกรียจเลย แต่ยิ่งทำสิ่งเหล่านี้ก็ยิ่งมีความสุข และแล้วเรื่องเศร้าของแฟนผม(ไม่แน่ใจว่ายังใช้คำนี้ได้อยู่ไหม) ก็เข้ามา ปกติเธอจะโทรคุยกับที่บ้านของเธอทุกวัน..แต่ตอนนี้ 2 วันแล้วที่พวกเค้าไม่ได้ติดต่อกัน แม่ของเธอเป็นห่วงเธอมาก แต่เธอไม่กล้ารับสายกลัวเค้าจะรู้ว่าเธอเพิ่งคลอดลูก และแล้วเรื่องก็แตก บังเอิญวันที่ 2 ที่คลอดลูก ผ้าอ้อมหมด ผมเลยต้องกลับมาที่บ้านเพื่อมาเอาผ้าอ้อม ผมกำลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อจะรีบไปโรงพญาบาล ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงมาตะโกนเรียกชื่อแฟนผมอยู่หน้าบ้าน ผมเลยเปิดประตูออกไปดู ผู้หญิงคนนั้นก็ตะโกนสวนมา รู้จัก....ไหม มองดูให้ชัดๆอีกที คิดในใจใครว่ะ แต่ก็ตอบไปว่า รู้จัก เค้าก็ยิงคำถามมา บ้านหลังไหนอ่ะของ....? ผมก็บอกที่นี่แหละ คราวนี้เค้าจ้องมาเขม่งเลย ....อยู่ไหม แม่ติดต่อไม่ได้ 2 วันแระ...เลยให้พี่มาตามหาดู (คิดในใจเก่งน่ะหาจนเจอ งานเข้าล่ะตรูส์) อึ้งไปสักพักเมื่อได้รู้ว่านี่คือครอบครัวของแฟนเรา ความประทับใจแรกพบกับครอบครัวนี้ 0 ครับ ไร้มารยาทมาก มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ผมค่อนข้างไม่ชอบคนประเภทนี้ (พวกดูถูกคน) ผมเลยมองสำรวจกลับไปแบบที่เค้าทำกับผม ดูๆแล้วฐานะก็งั้นๆแต่ทำไมทำตัวแบบนี้น่ะ...แล้วทุกอย่างก็ถูกคั้นด้วยคำถามติดๆกัน ....ยุไหม ผมเลยตอบตะกุกตะกักว่ายุโรงพยาบาล ผู้หญิงคนนั้นก็ตกใจใหญ่โต  ....เป็นอะไรเหรอ. ป่าวคับไม่ได้เป็น แค่คลอดลูกเฉยๆ มีอะไรอีกไหมผมรีบ ผมต้องไปโรงพยาบาล แล้วจู๋ผู้หญิงคนนั้นก็ดึงบทดราม่าของครอบครัวว่าจะเป็นไงบ้างถ้าชาวบ้านรู้ (จริงๆเราก็ไม่เด็กแล้วน่ะ อายุก็ 27 แล้ว มีงานทำมั่นคงเป็นหลักเป็นแหล่ง เงินเดือนก็เลย 20,000 แล้ว เรื่องบางเรื่องก็ตัดสินกันเองได้ไม่ต้องยุ่ง ถ้าผิดก็คือเรื่องนี้พวกเราทำไม่ถูกจริงๆที่ปกปิดกันไว้) พูดไปพูดมาก็พูดแต่เรื่องจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ผมเลยหมดความอดทน เลยพูดออกไปว่า ขอโทษน่ะครับเมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นพี่สาวของแฟนผมใช่ไหมครับ อื้มเข้าใจล่ะว่าทำไมไม่มีใครคบ ขนาดน้องคุณเพิ่งคลอดคุณยังไม่ถามเลย ว่าน้องคุณเป็นยังไงบ้าง เอาแต่ห่วงหน้าตา เฮ้อ..แล้วผมก็ปิดประตูไล่แขกไม่รับเชิญ มาต่อดีกว่าวกไปเรื่องอื่นซ่ะนาน. หลังจากที่หมอให้ลูกผมกลับบ้านได้  ญาติพี่น้องแฟนผมก็รุมกันโทรมาซ้ำเติม คิดอคติได้แม้กับเด็กเพิ่งคลอด ช่างต่ำช้าอะไรกันเช่นนี้  มีคนนึงพูดลอดสายโทรศัพท์ออกมา ไม่ต้องพาเด็กมาที่นี่น่ะ ได้ฟังแล้วกั้นหัวเราะไม่อยู่ คิดไปได้ตูคงจะให้ไปหรอก กรรมจริงๆคนประเภทนี้ ลูกกลับมาอยู่บ้านได้ 1 อาทิตย์ ผมก็มีความคิดว่าจะทำสัญญาที่ได้เคยให้ไว้กับแฟนผมให้เป็นจริง แม้ตอนนี้เธอจะไม่ได้รักผมแล้วก็ตามที เลยลงทุนใจก่อมันขึ้นมาใหม่อีกครั้งไปพร้อมๆกับการเลี้ยงลูกน้อยให้เติบโต พอลูกอายุได้ 1 เดือน แฟนผมก็มีความคิดอยากทำงาน บอกว่าอยู่บ้านมันน่าเบื่อ ผมก็ไม่ว่าอะไร อยากทำอะไรก็ทำผมเลยจ้างให้ญาติมาเลี้ยงให้ตอนกลางวัน พอวันหยุดและตอนกลางคืนผมก็เลี้ยงเอง พยายามเติมเต็มให้ลูกให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เธอทำงานได้ไม่เท่าไหร่ เธอก็ทำลายสิ่งที่ผมกำลังจะทำเพื่อเธอจนหมดสิ้น เธอยอมให้ผู้ชายอีกคนเข้ามาในชีวิตเธอ พอผมจับได้ก็เฉยน่ะ ไม่ถาม ไม่อะไรทั้งสิ้น แต่แทนที่เธอจะเกรงใจผมบ้าง กลายเป็นว่าเหมือนยิ่งได้ใจ ขนาดนอนอยู่ข้างๆกันเธอยังแอบแชทคุยกับอีกคน พอมันหนักเข้าผมก็มีถามไปบ้าง ไม่ละอายใจบ้างเหรอ ดีขนาดนี้แล้วเกรงใจกันบ้างก็ได้ ดีขึ้นได้ประมาณ 1 อาทิตย์ ก็มีคนที่ 2 เข้ามาอีก ผมเลยยื่นคำขาดต่างคนต่างอยู่ ส่วนเรื่องแต่งงานก็ไม่แต่งแล้วอ่ะ ไม่รู้จะแต่งทำไม เมื่อความมั่นคงของชีวิตคู่ไม่รู้อยู่ไหน ก็เงียบไปได้ 2 วัน เธอก็บีบน้ำตาพูดแต่เรื่องแต่งงาน ผมนี่แบบเซ็งสุดๆ อยากตะโกนออกไปเธอเองไม่ใช่เหรอที่ทำลายมัน แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป. พอเธอเห็นว่ามุกเดิมๆใช้ไปได้ผล เลยให้แม่ของเธอโทรมานัดวันคุยเรื่องแต่งงาน ผมก็ตอบแบบรักษามารยาท ไม่มีอะไรต้องคุยแล้วครับ ผมคงไม่เหมาะสมกับลูกสาวของแม่หรอก หลังจากนั้นก็ยกเรื่องลูกของผมมาอ้าง ว่าสิทธิ์โดยชอบธรรมเป็นของแม่เด็ก จะให้แฟนเอาเอาเจ้าตัวเล็กไปจากผม ผมเลยโมโหถึงขีดสุด. เลยบอกไปว่าถ้ากล้าก็ลองดู จะฟ้องให้ติดคุกกันให้เข็ด มีสิทธิ์โดยชอบธรรม แต่ไม่เคยเลี้ยงดู แอบมีชู้อีก ครอบครัวฝั่งคุณก็ไม่เคยต้องการเด็กคนนี้ หยุดเล่นละครกันเถอะผมเหนื่อยแทน เห็นตอนนี้ก็หยุดกันไปแระ ตอนนี้ก็มีความสุขกันดีกับลูกสาว ตอนนี้ก็อายุ 4 เดือนแล้ว
#ถ้าแม่เด็กมาขโมยลูกไปจะทำยังไงดี
ขอบคุณทุกความคิดเห็นล่วงหน้าน่ะครับ เล่ายาวไปหน่อย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน่ะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
จดทะเบียนรับรองบุตรตอนนี้ไม่ทันแล้ว  คุณต้องไปร้องขอให้ศาลสั่งตรวจดีเอ็นเอ จากนั้นพอผลพิสูจน์ระบุว่าคุณเป็นพ่อเด็ก คุณก็จะได้สิทธิในการดูแลบุตรครึ่งหนึ่ง ร่วมกับแม่เด็ก  เลิกคิดเรื่องแย่งสิทธิการปกครองบุตรมาเป็นของตัวเองคนเดียว เด็กเกิดมาได้ก็ต้องมีทั้งพ่อและแม่ ยกเว้นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมีพฤติกรรมอันอาจเป็นอันตรายต่อบุตรเท่านั้น

ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอสวนกระแสหน่อย... จบกท เล่ามาทั้งหมด เหมือนกับว่าตัวเองทำถูกทุกอย่าง ไม่มีอะไรผิดเลย  ขอโทษนะ... คุณมีอะไรกับผู้หญิง คุณไม่พร้อม แต่ก็ไม่คิดจะป้องกัน   พอเขาท้อง... แทนที่จะรีบกระวีกระวาดทำอะไรให้มันถูกต้อง กลับบอกว่ารอสามเดือนนะ........ บ้าไปแล้ว  ไม่คิดมั่งหรือว่า ท้องโตขึ้นมาทุกวัน  ท้องหกเดือนนี่ต้องใส่ชุดคลุมแล้วนะ   เอาอวัยวะส่วนไหนคิด

สังคมไทยไม่ใช่สังคมตะวันตก ยังไงเสียครอบครัวก็ยังมีบทบาท  ท้องป่องไม่มีพ่อ ชาวบ้านก็ลือไปสามบ้านแปดบ้านมันเรื่องปกติ ถ้าพี่สาวน้องสาว จขกท ท้องไม่มีพ่อมั่ง คุณจะโกรธไหม

เอาแค่นี้ก่อน.... ถ้าจะลงรายละเอียด รับรองยาว.......
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่