ผีคืออะไร ?

ผีคืออะไร ?

    ผี คือ พลังงานชนิดหนึ่งในธรรม หมายถึง ผีมีมากมายหลายอย่างหลายชนิด แต่ละพลังขึ้นกับกรรมทั้งนั้น ผีหลายอย่างจะแตกย่อยว่ามาจากกรรมชนิดไหน วิบากอะไร ถึงจะมาเกิดเป็นผีตรงนั้น พลังตรงนั้น

    ผีมีหลายอย่าง คือ ผีสายลบ เช่น ผีอาฆาต ผีจองเวร

    ผีสายบวก เช่น ผีช่วยเหลือคน ผีนักบุญ คือ ผีที่เขาคอยช่วยเหลือคน ไปเข้าฝันคนโน้นคนนี่ ให้เงินให้ทองก็มี บางคนไปช่วยเขาให้ปลอดภัย  เช่น ยาผีบอก ก่อนที่เขาจะตายเขาเป็นหมอ เขาตั้งปณิธานที่จะช่วยเหลือคนแต่ยังทำไม่ได้อย่างเต็มที่ อยากจะบำเพ็ญต่อให้ครบ พอตายไปเป็นผีก็มาทำหน้าที่ช่วยเหลือคนอื่น เขาทำได้สักระยะหนึ่ง เช่น ๕ หรือ ๑๐ ปี เขาก็จะเลื่อนเป็นรุกขเทวดา เป็นต้น

    ผีเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างมีพลังงาน สิ่งนั้นถึงแม้รูปการณ์ สังขาร จะแปรเปลี่ยน แต่พลังงานจะยังคงอยู่ ยังอยู่ในนั้นแต่จะเปลี่ยนรูป จากที่มีรูปทรงกลายเป็นไม่มีรูปทรง กลายเป็นพลังงาน

    พลังงานก็จะมีรูปทรงของพลังงาน มีมิติของพลังงาน

    ซึ่งเวลานี้ทางวิทยาศาสตร์มีเครื่องวัดพลังงานอยู่ เช่น บ้านหลังนี้มีพลังงานแฝงมาก ที่จริงบ้านหลังนี้ไม่มีพลังงาน แต่ทำไมวัดค่าออกมาแล้วมีพลังงาน เราก็อนุมานว่า ต้องมีสิ่งที่พิเศษขึ้นมา ซึ่งเขาเรียกว่าผี คำว่า "ผี" ประเทศไทยเรียก แต่ทั่วไปจะเรียกชื่ออื่นก็ได้ อังกฤษเรียกว่า โกรส์ มันเป็นพลังงานชนิดอย่างนี้

    เมื่อคนตายไป กลายเป็นผีจะแปรเปลี่ยนรวมเป็นพลังงานเป็นหนึ่งเดียวกับตัวแม่พลังในธรรม แล้วออกมาจากแม่ในธรรม แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานอีกรูปแบบหนึ่งชนิดที่เราเรียกว่า "ผี" พลังงานนี้จะมีรูปร่าง บางทีรูปร่างแปรเปลี่ยน แต่พลังงานจะยังคงอยู่

    ผีหรือพลังงานอยู่ในบางแห่งแต่ละแห่งอยู่กี่วัน-เดือน-ปี แล้วแต่ วาระแห่งธรรมนั้นๆ ว่า มีความเป็นสัปปายะอยู่ได้นานเท่าไหร่ ต้องมีเหตุ  มีสัปปายะ มีสรณะเขาถึงจะอยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีผีก็อยู่ไม่ได้ ถูกพลังตัวอื่นกลืนกินไป สลายไป เพราะว่าพลังงานกลืนกินกันเหมือนกับปรอท เวลาใส่เข้าไปจะกลืนกินกัน

    ทำไมคนที่ไปอยู่กับคนตายถึงถูกดูดพลังก็เพราะเช่นนี้ ถูกกลืนกินพลังงานไป

    พลัง แปลว่า ทำให้สิ่งต่างๆ เคลื่อนที่ สถิตย์ ดำรงอยู่ได้

    จำแนกพลังตามลักษณะของการทำงาน

    ๑. พลังงานศักย์ (Potential Energy) เป็นพลังงานที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุถูกวางอยู่ในตำแหน่งที่สามารถเคลื่อนที่ได้ ไม่ว่าจากแรงโน้มถ่วงหรือแรงดึงดูดจากแม่เหล็ก เช่น ก้อนหินที่วางอยู่บนขอบที่สูง

    ๒. พลังงานจลน์ (Kinetic Energy) เป็นพลังงานที่เกิดขึ้นเมื่อวัตถุเคลื่อนที่ เช่น รถที่กำลังวิ่ง ธนูที่พุ่งออกจากแหล่ง จักรยานที่กำลังเคลื่อนที่ เป็นต้น

    ๓. พลังงานสะสม (Stored Energy) เป็นพลังงานที่เก็บสะสมในวัสดุหรือสิ่งของต่างๆ เช่น พลังงานเคมีที่เก็บสะสมไว้ในอาหาร ในก้อนถ่านหิน น้ำมัน หรือไม้ฟืน ซึ่งพลังงานดังกล่าวจะถูกเก็บไว้ในรูปขององค์ประกอบทางเคมีหรือของวัสดุหรือ สิ่งของนั้น ๆ และจะถูกปล่อยออกมาเมื่อวัสดุหรือสิ่งของดังกล่าวมีการเปลี่ยนรูป เช่น การเผาไม้ฟืนจะให้พลังงานความร้อน

    พลังงานเหมือนกับยาสามัญประจำบ้าน ตัวยามีไม่กี่ตัว แต่เอาตัวยาไปทำ แล้วตั้งยี่ห้อกันไป เช่น ตัวยาพาราเซตามอน ก็จะมีชื่อตรายี่ห้อของยา เช่น ทิฟฟี่ นูต้า ซาร่า เป็นต้น

    แบตเตอรี่จะเป็นพลังงานสะสม พลังงานสถิตย์ เปรียบเทียบ องค์พระพุทธรูปทองเหลืองก็เหมือนกับหม้อแบตเตอรี่ สะสมพลังงานอย่างเดียวกัน ทีนี้ต้องมาดูว่า หม้อแบตเตอรี่สะสมพลังเข้าไปแล้วสะสมได้นานหรือไม่ ใช้วัตถุอะไรสร้าง วัตถุนั้นสัปปายะที่จะเก็บพลังมั้ย ถ้าเก็บพลังไม่ได้ดี พลังนั้นก็จะหายไป เราก็นำมาชาร์ทใหม่ แต่ว่าวัตถุที่เราจะชาร์ท พร้อมหรือไม่

    ถ้าแบตเตอรี่ไม่สัปปายะ แบตเตอรี่หมดไฟ แต่ไฟพลังงานหมดในธรรมไหม ไฟไม่หมดในธรรม แต่ไฟนี้ก็จะล่องลอยแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่น แต่ถ้าแบตเตอรี่สัปปายะไฟก็จะมาอยู่ที่แบตเตอรี่ ไฟไม่หนีออกจากธรรม อยู่ในธรรมตลอด เหมือนกันกับร่างกายสังขารของเรา ถ้าไม่สัปปายะ ไม่พร้อมรองรับพลังงาน พลังงานก็จะล่องลอยไปยังที่อื่น

    ถ้าแบตเตอรี่เสียก็จะเก็บไฟไม่ได้ และก็มีไฟไม่ได้แล้ว เพราะว่ามันเสีย

    รูปองค์พ่อพรหมบางองค์พลังงานผีมาอยู่ พลังงานแห่งพรหมไม่มาอยู่ เป็นเพราะว่า ผู้ที่ใช้พลังงาน เชิญพลังงานที่ไม่ดีมาสถิตย์ และผู้ที่ใช้ใช้ไปในทางที่ไม่ดี พลังงานไม่มีดีไม่มีช่วย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะนำไปใช้กับอะไร เช่น พลังงานไฟฟ้าที่เราใช้อยู่นี้ นำไปต่อสายให้กับหลอดไฟก็ให้แสงสว่าง แต่ถ้านำเอาพลังงานไฟฟ้าไปช๊อตคน คนก็ตาย อยู่ที่เจตนากรรม

    บางครั้งครูบาอาจารย์ดูที่รูปองค์ของพ่อพรหมว่าเป็นพลังดำ พลังที่ไม่ดี นั่นเป็นเพราะว่า ผลจะออกมาจากเหตุ ออกมาจากการตั้งใจของเขา เช่น ตั้งศาลองค์พ่อพรหมหันหน้าเข้าห้างร้าน ให้องค์พ่อพรหมโปรดประทานพรแต่ห้างร้านเดียว ไม่โปรดคนอื่น ไม่มีองค์พ่อพรหมองค์ไหนที่เป็นเช่นนี้ เพราะขัดกับคำสั่งสอนของพ่อพรหไม เพราะว่า พ่อพรหมจะมีธรรมะประจำองค์ท่าน คือ พรหมวิหาร ๔ เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา ในการโปรดคนทั่วไป พ่อพรหมมีจิตมุฑิตาต่อบุคคลอื่น แต่ห้างร้านนี้ต้องการให้พ่อพรหมโปรดให้ห้างร้านคนเดียว ฉะนั้น ที่เขาตั้งศาลพ่อพรหมก็ไม่ใช่พ่อพรหม ต่อให้เป็นรูปองค์พ่อพรหมก็ไม่ใช่พ่อพรหม เพราะว่าจิตวิญญาณไม่ใช่ ความคิดความอ่านไม่ใช่

    สัมภเวสี คือ พลังงานแสวงหาที่สถิตย์ จริตของสัมภเวสีจะหาที่สถิตย์ เช่น ผีเร่ร่อน

    ถ้าเป็นนางไม้ หาต้นไม้เป็นที่สถิตย์ก็จะกลายเป็นนางไม้ เป็นรุกขเทวดา

    ยกตัวอย่าง เสาไฟฟ้า ถ้าสัปปายะพร้อมก็สถิตย์ได้ เช่น หม้อแปลงไฟฟ้า ถ้าเขาสัปปายะเขาก็สถิตย์ แต่ถ้าไม่สัปปายะก็ไม่สถิตย์

    กรณี ถ้าไฟรั่ว ถ้าไฟฟ้าเกินอัตราก็จะไหลออกมา เช่น เราต่อสายไฟ แต่ทำไมต้องมีสายดิน แสดงว่าต้องรั่ว เราก็ต้องต่อให้มีทางผ่านลงดิน ไม่ต้องมาผ่านเรา ถ้ามีไฟเกินออกมาก็ให้ผ่านลงดิน ใหลคืนสู่ธรรมไป

    คนเราต้องรู้จักมีสายดิน เราก็จะได้ไม่บ้า พวกที่บ้านั่นคือพวกที่เกินไป เพราะไม่มีสายดินก็เลยรั่ว ในวิทยาศาสตร์เอามาจากธรรมทั้งนั้น แต่ไม่ได้อธิบายแบบธรรม อธิบายไปเชิงวัตถุ

    พลังงานไฟฟ้าจะมีสายดิน เอาไว้ไฟฟ้าเกินหรือรั่วก็จะไหลลงดิน ถ้าเราไม่ต่อสายดินถ้าเกิดไฟฟ้ารั่วขึ้นมา เราไปสัมผัสก็จะเกิดไฟฟ้าดูดหรือช๊อตเราได้ เช่นเดียวกันกับชีวิตของเราก็ต้องมีสายดินแห่งชีวิต เช่น คนเราต้องไม่เห็นแก่ตัว ไม่อหังการ ต้องรู้จักแบ่งปัน ต้องให้ทาน ไม่ยึดติด ยึดมั่นถือมั่น พลังงานไฟฟ้าที่เกินก็จะส่งคืนสู่ธรรม นี่คือสายดินแห่งชีวิต ชีวิตเราก็จะเกิดสันติสุข แต่ถ้าใครไปยึดว่ากูแน่ กูเจ๋ง เมื่อไหร่เรามีสิ่งตรงข้ามกับสิ่งนี้ เราก็จะพบสิ่งที่ทุกข์ ตายโหง

    ทำไมต้องมีฟ้าผ่า ฟ้าแลบ นั่นคือพลังงานสมสู่กัน พลังงานแลกเปลี่ยนกัน
---------------------------

ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกมา

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่