สวัสดีค่ะ กลางปีแบบนี้ต้องเป็นวลาทองของสาวๆ นักช้อปแน่ๆ เพราะเป็นช่วงเวลาแห่ง Mid-Year Sale ที่ห้างหรือแบรนด์ต่างๆ จะทำการทยอยลดราคากระหน่ำ ให้เราได้มีโอกาสซื้อของได้ในราคาคุ้มค่ากว่าเดิม จขกท ก็เช่นกันที่เห็นคำว่า SALE เป็นไม่ได้ และยอมรับเลยว่าตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน จนถึงปัจจุบัน จขกท เจ็บตัวไปมากเหลือเกินค่ะ ทั้งการช้อปที่ห้าง และช้อปออนไลน์ ตามคอนเซ็ปต์ "ไม่เซลเราไม่ซื้อ" ค่ะ และต้องเป็น SALE 50% up เท่านั้นนะคะ ไม่งั้นไม่คุ้มค่ะ
โดยเฉพาะการช้อปปิ้งออนไลน์สมัยนี้ เราชอบมากเพราะทำได้ง่ายเหลือเกิน ปกติเราช้อปออนไลน์ในหลายรูปแบบค่ะ ทั้งจากแม่ค้าโดยตรง จากแอ๊พร้านค้าแบบ Shoppee, Looksi, Aliexpress หรือแอ๊พจากห้างเช่น Central หรือแอ๊พของแบรนด์เช่น Sephora, Pomelo และที่ทำแม่ค้าเจ็บตัวมากที่สุดในช่วงนี้คือ ZARA
ปล. รีวิวนี้เราทำเองนะคะ ไม่ได้รับสินจ้างใดๆ ทำเพราะช้อปมาระยะนึงแล้ว แถมช้อปสนุก และมีประสบการณ์ที่ดีที่อยากจะแบ่งปันค่ะ
ที่อยากจะ Review การช้อปออนไลน์จากแอ๊พ ZARA เพราะว่าเท่าที่ผ่านมาค่อนข้างประทับใจในการใช้งานของแอ๊พทั้งความง่ายของการสั่ง การจัดส่ง การส่งคืน รวมถึงความ Smooth ของแอ๊พที่ยังไม่เคยรวนเหมือนแอ๊พอื่นๆค่ะ แถมยังเป็นแบรนด์ที่คุณภาพดี และเวลาลดราคาก็คุ้มค่ากับการรอคอยมากๆ ตามคอนเซ็ปต์ "ไม่เซลเราไม่สน" จนทำให้ตั้งแต่ช่วง Sale เป็นต้นมา เราหลอนมากเข้าแอ๊พเพื่อเช็คของทุกวัน จนกลายเป็น platform หลักอันใหม่ในชีวิตช่วงนี้ไปเลย
เริ่มเลยนะคะ (เราใช้แอ๊พใน iphone 7 Plus ค่ะ)
สำหรับปีนี้ ZARA เริ่มเทศกาลลดราคาตั้งแต่ วันที่ 21 มิถุนายน 2018 ซึ่งเป็นวันพฤหัส ซึ่งเรามีเคล็ดลับการช้อปแบบไม่สติแตกดังนี้ค่ะ
ข้อ 1. อย่าใจร้อน ราคาลดลงทุกสัปดาห์ ขอให้นักช้อปจับจ้องไว้ว่า ZARA จะอัพเดทราคาทุกวันพฤหัส และทุกครั้งราคาจะลดลงครั้งละประมาณ 200 บาท สำหรับหมวดเสื้อผ้า ราคาต่ำสุดของ Accessories อาจถึง 290
อย่างชุดด้านล่างนี้ เราเล็งไว้ตั้งแต่ราคา 1,590 จนล่าสุดตอนนี้ 990 แล้วค่ะ ถ้าไม่หมดเสียก่อนคงได้กดสั่งซื้อรอบนี้แน่นอน
ข้อ 2. คุ้มแน่นอนถ้าเลือกของจาก Last Chance เนื่องจากราคาลดลงทุกสัปดาห์ จึงให้เลือกซื้อของชิ้นที่ชอบ หรือจำเป็นต้องใช้มากที่สุด ที่อยู่ในหมวด Last Chance ก่อน เพราะของที่อยู่ใน Last Chance ถือเป็นของที่ใกล้จะหมด และเหลือเฉพาะไซส์ เป็นการการันตีว่า ของชิ้นนี้น่าจะมาถึงราคาสุดท้ายแล้ว ซึ่งอาจจะไม่ลดลงไปกว่านี้ ถ้ามีไซส์ที่ใส่ได้ก็รีบสอยได้เลยค่ะ ช้ากว่านี้อาจไม่ทัน ส่วนของในหมวด Sale นั้นแปลว่ายังพอเหลือใน Stock อยู่ ถ้าไม่อยากได้จนใจจะขาด ก็แนะนำให้รออีกหน่อยนึง รอได้อยู่แล้วค่ะ (แต่ถ้าหยุดคิดถึงมันไม่ได้ก็ให้ Buy Now ไปซะเลย)
Last Chance จะอยู่ทางด้านล่างสุดของสินค้าแต่ละหมวดค่ะ
อย่างคู่นี้ปลื้มมาก 3,590 บาท เราได้ Last Chance 990 บาท (แอบเข้าไปดูตะกี๊เหลือ 890 บาท แต่หมดเกลี้ยงทุกไซส์แล้วค่ะ)
ส่วนนี่ Last Chance แล้วก็ยังมัวแต่รีๆรอๆ อดไปเลยค่า
ข้อ 3. หากยังทำใจซื้อไม่ได้แถมยังตัดใจไม่ขาด จงเอาเก็บไว้ใน Buy Later เมื่อกดซื้อ รายการสินค้าจะเข้าไปอยู่ที่ Shopping Bag ซึ่งถ้าใครคิดว่ายังไม่พร้อมจะซื้อ item นั้น แต่ก็อดคิดถึงมันไม่ได้ ก็สามารถเลือกเข้าไปเก็บไว้ใน Buy Later ได้ค่ะ ซึ่งส่วน Buy Later + กับ Shopping Bag นี้ เก็บสินค้าได้สูงสุด 26 รายการ
เราเก็บไว้ Buy Later เพียบเลย
ข้อ 4. การจัดส่ง ทางเว็บเค้าจัดส่งฟรีเมื่อมียอดซื้อขั้นต่ำ 1,990 บาท ใช้เวลาประมาณ 3 วันหลังจากวันที่สั่ง ของก็ส่งถึงมือเราโดย Kerry Express ค่ะ ซึ่งในระหว่างการจัดส่ง แอ๊พจะขึ้นข้อความแจ้งเราตลอด พร้อมกับมี email แจ้งเตือนสถานะสินค้าด้วยค่ะ
และเนื่องจากมีการส่งฟรี เราจึงใช้วิธีการทยอยซื้อค่ะ ค่อยๆเลือกของที่ชอบที่สุดแค่ราคาพอส่งฟรี เผื่อโอกาสไว้ซื้อได้ในราคาที่ถูกขึ้นค่ะ ยอดซื้อของเราจึงอยู่ประมาณรอบละ 2000 ต้นๆ เท่านั้น
Package ของที่ส่งก็น่าประทับใจค่ะ เป็นแบบด้านล่างนี้เลยค่ะ
พอแกะมาก็เป็นแบบนี้
ได้แล้ววววว
ถ้าเป็นกระเป๋าก็จะมีถุงลมใส่มาให้ไม่เสียทรงด้วย ส่วนนี้เราชอบมาก เพราะเคยสั่งรองเท้ากับกระเป๋า Aldo จาก Looksi อันนั้น Pack อัดของทั้งหมดลงถุงเดียวกัน แล้วจัดส่งโดยพี่แมส ทำให้กระเป๋าเราบู้บี้หมดเลย จึงตัดใจส่งคืนเพราะกระเป๋าเป็นรอยพับรอยขีดชัดเจน
รองเท้าที่ไม่มีกล่องก็จะมีถุงใส่มาแบบนี้
ต่างหูก็เช่นกัน
กล่องที่ส่งมีหลายขนาดตามแต่จำนวนที่สั่งแต่ละครั้ง
ข้อ 5. การส่งคืนได้ใน 30 วัน ใช่ว่าของทุกอย่างที่สั่งซื้อจะไม่มีตำหนินะคะ เราก็เจอแจ็คพ็อตเหมือนกัน และได้ทำการส่งคืนตามวิธีที่เค้าบอกไว้
แว่นชิ้นนี้ที่เราซื้อ พอลองแล้วมันไม่พอดีกับหน้า ตอนแรกก็คิดว่าเป็นที่หน้าเรา แต่ดูไปดูมาน่าจะเป็นที่แว่นมากกว่าค่ะ เพราะดูรูปทรงบิดเบี้ยวผิดรูปแบบนี้ค่ะ เลยส่งคืน
วิธีการส่งกลับทำได้ 2 วิธีคือ
1) การนำของไปส่งคืนที่สาขาใกล้บ้าน (ยกเว้นสาขาสยามพารากอน) โดยจะต้องโชว์ใบเสร็จซึ่งอยู่ในแอ๊พให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ
หรือ 2) คือให้เค้ามารับของที่บ้าน ทำได้โดย ก็ให้เข้าไปที่ My Account --> Order placed --> แล้วเลือกออร์เดอร์ที่ต้องการ --> Options --> Return --> แล้วก็เลือกสินค้าที่ต้องการส่งคืน จากนั้นก็ให้แพ็คของลงกล่องเดิมที่จัดส่งมาค่ะ แล้ว Kerry จะมารับถึงบ้านเค้าว่าภายใน 1-2 วัน แต่ตอนเราส่งคืนเค้ามาวันรุ่งขึ้นเลยค่ะ
ปล. ตายแล้ววววว 
เมื่อกี๊เข้าไปอ่านในแอ๊พเรื่องการคืนอีกที เห็นมีอัพเดทใหม่ว่าของพวก ชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ กับ Accessories (รวมทั้งแว่นตา) เค้าไม่รับคืนแล้วค่ะ โชคดีจริงๆที่ของเราคืนได้นะตอนนั้น (เราส่งของคืนไปตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. ค่ะ แต่เท่าที่รู้ก็ยังไม่ได้รับการอัพเดทเรื่องยอดเงินคืนเลยนะคะ) แล้วอย่างนี้ถ้าเกิดเค้าส่งของบิดเบี้ยวมาอีกจะทำไงเนี่ย
ถ้าทำรายการเสร็จแล้วจะขึ้นแบบนี้ค่ะ แต่ก็ยังไม่ได้ตังค์คืนนะนี่ แงๆๆๆ
ข้อ 6. Barcode scan อย่างที่บอก รอบนี้เราไปช้อปทั้งในแอ๊พ และที่ช้อปค่ะ เข้าใจว่า Stock สินค้า Online และ Offline จะต่างกันนะคะ ไซส์ที่หมดในช้อปอาจมีในออนไลน์ หรือที่หมดในแอ๊พอาจมีได้ที่ช้อป การใช้ Barcode Scan บนสินค้าที่ช้อปอาจช่วยให้เรารู้ว่ายังมีไซส์อะไรอยู่ในแอ๊พบ้าง หรือเหมาะมากกับการที่เราเข้าช้อปเพื่อไปลองไซส์ หรือไซส์หมดในช้อป ก็มาเลือกซื้อในแอ๊พอีกที
ไหนลองดูซิ Scan scan
ก็เลือกไซส์ดูว่าเหลือไซส์อะไรบ้าง
จบแล้วค่ะ รีวิวประสบการณช้อปปิ้งผ่าน App ของ ZARA ในช่วงเวลา Mid-year SALE เราขอสรุปของแอ๊พนี้ไว้ดังนี้ค่ะ
- ควรไปลองไซส์ที่ช้อปไว้ก่อน เพื่อให้รู้ว่าเราเหมาะกับไซส์ไหน เพราะไซส์ในแอ๊พอาจไม่ใช่ไซส์ของเราก็ได้ เพราะในแอ๊พวัดแค่น้ำหนักกับส่วนสูงแล้วเอามาคำนวนความน่าจะเป็นของรูปร่างเราเท่านั้นค่ะ
- ลดราคาทุกสัปดาห์ ไม่ต้องรีบช้อป (เราเองก็ใจร้อนรีบซื้อไปหลายตัวเหมือนกันค่ะ ไม่งั้นประหยัดได้อีกเยอะ)
- สินค้าคุณภาพดี เข้าใจว่าอาจเป็นเพราะคนจัดแพ็คน่าจะตรวจสอบคุณภาพก่อนจัดส่ง เสื้อผ้าจึงไม่ค่อยเจอลุ่ยๆ หรือเลอะฝุ่น แบบที่อาจเจอได้ในช้อปช่วงลดราคา เช่น รองเท้าผ้าใบรุ่นสีแดงนั้น ที่เราเจอในช้อปจะค่อนข้างดำและฝุ่นจับมาก แต่ที่ส่งมาน่าจะมีการปรับแต่งคุณภาพสินค้าจนสะอาดสวยงามแล้ว
- แต่ก็ยังมีโอกาสเจอแว่นตาที่บิดเบี้ยวแบบที่เราเจออยู่นะคะ
- และนี่คือสิ่งที่ ZARA SALE ทำกับเราในครั้งนี้ค่ะ ใจร่มๆค่ะ ต้องรออีก 6 เดือนถึงจะลดแบบนี้อีกนี่นา
ขอย้ำว่านี่เป็นรีวิวที่เราทำขึ้นเองนะคะ ทำเพราะสนุกและอยากทำค่ะ หากเพื่อนๆคนไหนมีแอ๊พช้อปปิ้งดีๆมาแนะนำก็ยินดีเลยค่ะ
ขอจบรีวิวไว้เพียงเท่านี้ค่ะ หากมีอะไรน่าสนใจจะมานำเสนอใหม่นะคะ ตอนนี้เราขอไปต้มมาม่ากินก่อนนะคะ หมดไปเยอะ บ๊ายบายยยย
[CR] ช้อปปิ้งผ่าน App ZARA mid-year sale 2018
โดยเฉพาะการช้อปปิ้งออนไลน์สมัยนี้ เราชอบมากเพราะทำได้ง่ายเหลือเกิน ปกติเราช้อปออนไลน์ในหลายรูปแบบค่ะ ทั้งจากแม่ค้าโดยตรง จากแอ๊พร้านค้าแบบ Shoppee, Looksi, Aliexpress หรือแอ๊พจากห้างเช่น Central หรือแอ๊พของแบรนด์เช่น Sephora, Pomelo และที่ทำแม่ค้าเจ็บตัวมากที่สุดในช่วงนี้คือ ZARA
ปล. รีวิวนี้เราทำเองนะคะ ไม่ได้รับสินจ้างใดๆ ทำเพราะช้อปมาระยะนึงแล้ว แถมช้อปสนุก และมีประสบการณ์ที่ดีที่อยากจะแบ่งปันค่ะ
ที่อยากจะ Review การช้อปออนไลน์จากแอ๊พ ZARA เพราะว่าเท่าที่ผ่านมาค่อนข้างประทับใจในการใช้งานของแอ๊พทั้งความง่ายของการสั่ง การจัดส่ง การส่งคืน รวมถึงความ Smooth ของแอ๊พที่ยังไม่เคยรวนเหมือนแอ๊พอื่นๆค่ะ แถมยังเป็นแบรนด์ที่คุณภาพดี และเวลาลดราคาก็คุ้มค่ากับการรอคอยมากๆ ตามคอนเซ็ปต์ "ไม่เซลเราไม่สน" จนทำให้ตั้งแต่ช่วง Sale เป็นต้นมา เราหลอนมากเข้าแอ๊พเพื่อเช็คของทุกวัน จนกลายเป็น platform หลักอันใหม่ในชีวิตช่วงนี้ไปเลย
เริ่มเลยนะคะ (เราใช้แอ๊พใน iphone 7 Plus ค่ะ)
สำหรับปีนี้ ZARA เริ่มเทศกาลลดราคาตั้งแต่ วันที่ 21 มิถุนายน 2018 ซึ่งเป็นวันพฤหัส ซึ่งเรามีเคล็ดลับการช้อปแบบไม่สติแตกดังนี้ค่ะ
ข้อ 1. อย่าใจร้อน ราคาลดลงทุกสัปดาห์ ขอให้นักช้อปจับจ้องไว้ว่า ZARA จะอัพเดทราคาทุกวันพฤหัส และทุกครั้งราคาจะลดลงครั้งละประมาณ 200 บาท สำหรับหมวดเสื้อผ้า ราคาต่ำสุดของ Accessories อาจถึง 290
อย่างชุดด้านล่างนี้ เราเล็งไว้ตั้งแต่ราคา 1,590 จนล่าสุดตอนนี้ 990 แล้วค่ะ ถ้าไม่หมดเสียก่อนคงได้กดสั่งซื้อรอบนี้แน่นอน
ข้อ 2. คุ้มแน่นอนถ้าเลือกของจาก Last Chance เนื่องจากราคาลดลงทุกสัปดาห์ จึงให้เลือกซื้อของชิ้นที่ชอบ หรือจำเป็นต้องใช้มากที่สุด ที่อยู่ในหมวด Last Chance ก่อน เพราะของที่อยู่ใน Last Chance ถือเป็นของที่ใกล้จะหมด และเหลือเฉพาะไซส์ เป็นการการันตีว่า ของชิ้นนี้น่าจะมาถึงราคาสุดท้ายแล้ว ซึ่งอาจจะไม่ลดลงไปกว่านี้ ถ้ามีไซส์ที่ใส่ได้ก็รีบสอยได้เลยค่ะ ช้ากว่านี้อาจไม่ทัน ส่วนของในหมวด Sale นั้นแปลว่ายังพอเหลือใน Stock อยู่ ถ้าไม่อยากได้จนใจจะขาด ก็แนะนำให้รออีกหน่อยนึง รอได้อยู่แล้วค่ะ (แต่ถ้าหยุดคิดถึงมันไม่ได้ก็ให้ Buy Now ไปซะเลย)
Last Chance จะอยู่ทางด้านล่างสุดของสินค้าแต่ละหมวดค่ะ
อย่างคู่นี้ปลื้มมาก 3,590 บาท เราได้ Last Chance 990 บาท (แอบเข้าไปดูตะกี๊เหลือ 890 บาท แต่หมดเกลี้ยงทุกไซส์แล้วค่ะ)
ส่วนนี่ Last Chance แล้วก็ยังมัวแต่รีๆรอๆ อดไปเลยค่า
ข้อ 3. หากยังทำใจซื้อไม่ได้แถมยังตัดใจไม่ขาด จงเอาเก็บไว้ใน Buy Later เมื่อกดซื้อ รายการสินค้าจะเข้าไปอยู่ที่ Shopping Bag ซึ่งถ้าใครคิดว่ายังไม่พร้อมจะซื้อ item นั้น แต่ก็อดคิดถึงมันไม่ได้ ก็สามารถเลือกเข้าไปเก็บไว้ใน Buy Later ได้ค่ะ ซึ่งส่วน Buy Later + กับ Shopping Bag นี้ เก็บสินค้าได้สูงสุด 26 รายการ
เราเก็บไว้ Buy Later เพียบเลย
ข้อ 4. การจัดส่ง ทางเว็บเค้าจัดส่งฟรีเมื่อมียอดซื้อขั้นต่ำ 1,990 บาท ใช้เวลาประมาณ 3 วันหลังจากวันที่สั่ง ของก็ส่งถึงมือเราโดย Kerry Express ค่ะ ซึ่งในระหว่างการจัดส่ง แอ๊พจะขึ้นข้อความแจ้งเราตลอด พร้อมกับมี email แจ้งเตือนสถานะสินค้าด้วยค่ะ
และเนื่องจากมีการส่งฟรี เราจึงใช้วิธีการทยอยซื้อค่ะ ค่อยๆเลือกของที่ชอบที่สุดแค่ราคาพอส่งฟรี เผื่อโอกาสไว้ซื้อได้ในราคาที่ถูกขึ้นค่ะ ยอดซื้อของเราจึงอยู่ประมาณรอบละ 2000 ต้นๆ เท่านั้น
Package ของที่ส่งก็น่าประทับใจค่ะ เป็นแบบด้านล่างนี้เลยค่ะ
พอแกะมาก็เป็นแบบนี้
ได้แล้ววววว
ถ้าเป็นกระเป๋าก็จะมีถุงลมใส่มาให้ไม่เสียทรงด้วย ส่วนนี้เราชอบมาก เพราะเคยสั่งรองเท้ากับกระเป๋า Aldo จาก Looksi อันนั้น Pack อัดของทั้งหมดลงถุงเดียวกัน แล้วจัดส่งโดยพี่แมส ทำให้กระเป๋าเราบู้บี้หมดเลย จึงตัดใจส่งคืนเพราะกระเป๋าเป็นรอยพับรอยขีดชัดเจน
รองเท้าที่ไม่มีกล่องก็จะมีถุงใส่มาแบบนี้
ต่างหูก็เช่นกัน
กล่องที่ส่งมีหลายขนาดตามแต่จำนวนที่สั่งแต่ละครั้ง
ข้อ 5. การส่งคืนได้ใน 30 วัน ใช่ว่าของทุกอย่างที่สั่งซื้อจะไม่มีตำหนินะคะ เราก็เจอแจ็คพ็อตเหมือนกัน และได้ทำการส่งคืนตามวิธีที่เค้าบอกไว้
แว่นชิ้นนี้ที่เราซื้อ พอลองแล้วมันไม่พอดีกับหน้า ตอนแรกก็คิดว่าเป็นที่หน้าเรา แต่ดูไปดูมาน่าจะเป็นที่แว่นมากกว่าค่ะ เพราะดูรูปทรงบิดเบี้ยวผิดรูปแบบนี้ค่ะ เลยส่งคืน
วิธีการส่งกลับทำได้ 2 วิธีคือ
1) การนำของไปส่งคืนที่สาขาใกล้บ้าน (ยกเว้นสาขาสยามพารากอน) โดยจะต้องโชว์ใบเสร็จซึ่งอยู่ในแอ๊พให้เจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ
หรือ 2) คือให้เค้ามารับของที่บ้าน ทำได้โดย ก็ให้เข้าไปที่ My Account --> Order placed --> แล้วเลือกออร์เดอร์ที่ต้องการ --> Options --> Return --> แล้วก็เลือกสินค้าที่ต้องการส่งคืน จากนั้นก็ให้แพ็คของลงกล่องเดิมที่จัดส่งมาค่ะ แล้ว Kerry จะมารับถึงบ้านเค้าว่าภายใน 1-2 วัน แต่ตอนเราส่งคืนเค้ามาวันรุ่งขึ้นเลยค่ะ
ปล. ตายแล้ววววว
ถ้าทำรายการเสร็จแล้วจะขึ้นแบบนี้ค่ะ แต่ก็ยังไม่ได้ตังค์คืนนะนี่ แงๆๆๆ
ข้อ 6. Barcode scan อย่างที่บอก รอบนี้เราไปช้อปทั้งในแอ๊พ และที่ช้อปค่ะ เข้าใจว่า Stock สินค้า Online และ Offline จะต่างกันนะคะ ไซส์ที่หมดในช้อปอาจมีในออนไลน์ หรือที่หมดในแอ๊พอาจมีได้ที่ช้อป การใช้ Barcode Scan บนสินค้าที่ช้อปอาจช่วยให้เรารู้ว่ายังมีไซส์อะไรอยู่ในแอ๊พบ้าง หรือเหมาะมากกับการที่เราเข้าช้อปเพื่อไปลองไซส์ หรือไซส์หมดในช้อป ก็มาเลือกซื้อในแอ๊พอีกที
ไหนลองดูซิ Scan scan
ก็เลือกไซส์ดูว่าเหลือไซส์อะไรบ้าง
จบแล้วค่ะ รีวิวประสบการณช้อปปิ้งผ่าน App ของ ZARA ในช่วงเวลา Mid-year SALE เราขอสรุปของแอ๊พนี้ไว้ดังนี้ค่ะ
- ควรไปลองไซส์ที่ช้อปไว้ก่อน เพื่อให้รู้ว่าเราเหมาะกับไซส์ไหน เพราะไซส์ในแอ๊พอาจไม่ใช่ไซส์ของเราก็ได้ เพราะในแอ๊พวัดแค่น้ำหนักกับส่วนสูงแล้วเอามาคำนวนความน่าจะเป็นของรูปร่างเราเท่านั้นค่ะ
- ลดราคาทุกสัปดาห์ ไม่ต้องรีบช้อป (เราเองก็ใจร้อนรีบซื้อไปหลายตัวเหมือนกันค่ะ ไม่งั้นประหยัดได้อีกเยอะ)
- สินค้าคุณภาพดี เข้าใจว่าอาจเป็นเพราะคนจัดแพ็คน่าจะตรวจสอบคุณภาพก่อนจัดส่ง เสื้อผ้าจึงไม่ค่อยเจอลุ่ยๆ หรือเลอะฝุ่น แบบที่อาจเจอได้ในช้อปช่วงลดราคา เช่น รองเท้าผ้าใบรุ่นสีแดงนั้น ที่เราเจอในช้อปจะค่อนข้างดำและฝุ่นจับมาก แต่ที่ส่งมาน่าจะมีการปรับแต่งคุณภาพสินค้าจนสะอาดสวยงามแล้ว
- แต่ก็ยังมีโอกาสเจอแว่นตาที่บิดเบี้ยวแบบที่เราเจออยู่นะคะ
- และนี่คือสิ่งที่ ZARA SALE ทำกับเราในครั้งนี้ค่ะ ใจร่มๆค่ะ ต้องรออีก 6 เดือนถึงจะลดแบบนี้อีกนี่นา
ขอย้ำว่านี่เป็นรีวิวที่เราทำขึ้นเองนะคะ ทำเพราะสนุกและอยากทำค่ะ หากเพื่อนๆคนไหนมีแอ๊พช้อปปิ้งดีๆมาแนะนำก็ยินดีเลยค่ะ
ขอจบรีวิวไว้เพียงเท่านี้ค่ะ หากมีอะไรน่าสนใจจะมานำเสนอใหม่นะคะ ตอนนี้เราขอไปต้มมาม่ากินก่อนนะคะ หมดไปเยอะ บ๊ายบายยยย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้