หลายๆ คำถามที่มีอยู่ในใจหลายคนอาจสงสัยว่า
“ประจำเดือนไม่มา สวมถุงยางอนามัย ทานยาคุม ฝังยาคุม ทานยาคุมฉุกเฉิน จะท้องไหม?”
หากมีความสงสัย กังวล มีอาการ หรือไม่มีอาการก็ตาม จะรู้ได้อย่างไรว่า ตั้งครรภ์ หากยังไม่ทำการทดสอบ
คุณสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ด้วยตนเองค่ะ
ตรวจการตั้งครรภ์เมื่อไหร่ดี
เมื่อเริ่มสงสัยว่ากำลังตั้งครรภ์ จะมีชุดทดสอบการตั้งครรภ์วางจำหน่ายอยู่ทั่วไป
แต่ถึงแม้จะทดสอบแล้ว คุณแม่ก็ควรจะไปพบแพทย์ด้วยเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ
และทำการฝากครรภ์เพื่อตรวจเลือด ตรวจร่างกาย ติดตามผลการตั้งครรภ์
ชุดตรวจการตั้งครรภ์มี่ทั้งหมด 3 แบบ
1.แบบจุ่ม เป็นชุดตรวจการตั้งครรภ์ที่ราคาถูกที่สุดในบรรดาชุดตรวจการตั้งครรภ์ จะประกอบไปด้วยแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ และถ้วยตวงปัสสาวะ (บางยี่ห้อก็ไม่มีถ้วยตวงให้)
ขั้นตอนการทดสอบ
ให้เก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ด้านที่มีลูกศรชี้ลง จุ่มลงไปในน้ำปัสสาวะประมาณ 3 วินาที ระวังอย่าให้น้ำปัสสาวะเลยขีดที่กำหนดหรือสูงเกินขีดลูกศรในแผ่นทดสอบ แล้วจึงนำแผ่นทดสอบออกจากน้ำปัสสาวะ และถือหรือวางไว้ในแนวนอน (หากวางไว้แนวนอน ควรวางบนพื้นผิวที่แห้งสนิทเท่านั้น) แล้วรออ่านผลการตั้งครรภ์ได้ภายใน 5 นาที
2.แบบหยด เป็นชุดตรวจการตั้งครรภ์ที่ราคาปานกลางเริ่มต้น 100 บาท จะประกอบไปด้วย ถ้วยตวงปัสสาวะ
ตลับทดสอบปัสสาวะ และหลอดดูดน้ำปัสสาวะ
ขั้นตอนการทดสอบ
ให้เก็บปัสสาวะลงในถ้วยตวงปัสสาวะ แล้วนำหลอดหยดดูดน้ำปัสสาวะในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วจึงนำไปหยดลงบนตลับทดสอบปัสสาวะที่วางแนวราบประมาณ 3-4 หยด วางชุดทดสอบทิ้งไว้และรอผลตรวจประมาณ 5 นาที แล้วจึงอ่านผลการทดสอบ
3.แบบปัสสาวะผ่าน เป็นชุดตรวจการตั้งครรภ์ที่ราคาสูงที่สุดในบรรดาชุดตรวจการตั้งครรภ์ที่กล่าวมาข้างต้น ราคา 180-250 บาท ในกล่องจะมีเพียงแท่งทดสอบการตั้งครรภ์เท่านั้นค่ะ
ขั้นตอนการทดสอบ
ให้ถอดฝาครอบออกพร้อมกับถือแท่งทดสอบโดยให้หัวลูกศรชี้ลง แล้วปัสสาวะให้น้ำปัสสาวะไหลผ่านบริเวณที่ดูดซับน้ำปัสสาวะซึ่งจะอยู่บริเวณต่ำกว่าลูกศรให้ชุ่มประมาณ 5 วินาที แล้วให้ถือหรือวางแท่งทดสอบการตั้งครรภ์ไว้ในแนวราบ และรออ่านผลได้ตั้งแต่ประมาณ 30 วินาทีเป็นต้นไป มีข้อดี คือ สามารถใช้งานได้สะดวกมากกว่าชนิดอื่น เพราะไม่ต้องวุ่นวายในการเก็บน้ำปัสสาวะใส่ถ้วย
การอ่านผลที่ตรวจครรภ์
ในกล่องของชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่ซื้อมา จะบอกวิธีการใช้และวิธีการอ่านค่าไว้แล้วพร้อมรูปตัวอย่างด้วย
การอ่านผลที่ถูกต้องจะต้องอ่านภายใน 5 นาที ถ้าทิ้งไว้นานกว่านี้อาจทำให้มีอีกขีดโผล่ขึ้นมาได้
ซึ่งนั่นอาจไม่ใช่การตั้งครรภ์หรือเป็นค่าที่เชื่อถือไม่ได้แล้วโดยขีด C คือ Control Line ส่วนขีด T คือ Test Line ค่ะ
• ตรวจแล้วขึ้น 1 ขีด (ขึ้นที่ขีด C อย่างเดียว) คือ ได้ผลลบ แปลว่า
“น่าจะไม่ตั้งครรภ์” (หมายความว่า ไม่ตั้งครรภ์ หรือ อาจจะตั้งครรภ์แล้วแต่ยังตรวจไม่พบ แนะนำให้ลองตรวจใหม่)
• ตรวจแล้วขึ้น 2 ขีด หรือ ขึ้น 2 ขีด จาง ๆ (จะมีขีดขึ้นที่ขีด C และ T) คือ ได้ผลบวก แปลว่า
“มีการตั้งครรภ์” (ถ้าขีด T ขึ้นจาง ๆ แนะนำว่าให้รออีก 2-3 วันแล้วค่อยตรวจใหม่ หรือจะลองเปลี่ยนแบบตรวจ หรือยี่ห้อก็ได้นะคะ)
• ตรวจแล้วไม่ขึ้นแถบสีหรือไม่ขึ้นสักขีด หรือ ขึ้น 1 ขีดบนตัว T คือ อ่านค่าไม่ได้ แปลว่า
“ชุดทดสอบการตั้งครรภ์เสื่อมสภาพ” (ควรใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ชุดใหม่เพื่อทดสอบค่ะ)
**การตรวจนี้ถ้าให้ผลเป็นบวก บอกได้แค่ว่ามีการตั้งครรภ์เท่านั้น ไม่ได้บอกว่าตั้งครรภ์ในมดลูกหรือนอกมดลูกนะคะ**
ตรวจเมื่อไหร่ดี?
ควรรอให้เลยวันที่รอบเดือนมาเสียก่อน อย่างน้อยประมาณ 7 วัน เพราะบางครั้งความเครียด
ความวิตกกังวลก็อาจทำให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติได้ แต่ถ้ารอจนครบ 7 วันแล้ว ตรวจพบว่าให้ผลบวก
ก็แปลว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ แต่ถ้าให้ผลลบก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไม่ตั้งครรภ์หรือไม่
หากประจำเดือนยังไม่มาอีกภายใน 7 วันหลังจากตรวจครั้งแรก ก็ให้คุณตรวจซ้ำอีกครั้งค่ะ และถ้ายังให้ผลลบอยู่
คุณก็น่าจะไม่ตั้งครรภ์ แต่ประจำเดือนของคุณยังไม่มา หลังจากตรวจรอบ 2 ถ้าเลย 7 วันไปแล้ว แนะนำให้พบแพทย์ค่ะ
ตรวจแล้วขึ้น 2 ขีดแต่ไม่ท้อง
ถ้าทดสอบการตั้งครรภ์แล้วขึ้น 2 ขีด คุณอาจจะไม่ท้องก็ได้ ผลที่ได้ เป็น “ผลบวกลวง”
ซึ่งอาจพบได้ในกรณีที่ น้ำปัสสาวะมีการอักเสบ มีเลือด หรือมีไข่ขาวปน, แผ่นทดสอบเสื่อมประสิทธิภาพ, ในผู้ที่ทานยาบางชนิด,
ในผู้ที่มีฮอร์โมนผิดปกติ เช่น อ้วนมาก หรือเป็นโรคไทรอยด์ นอกจากนั้น แม้ตั้งครรภ์ก็อาจเป็นการตั้งครรภ์สารเคมีก็ได้ คือ มีไข่กับอสุจิผสมกันจริง แต่ไม่มีการฝังตัวของทารกในโพรงมดลูก หรืออาจเป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติอื่น ๆ เช่น ตั้งครรภ์นอกมดลูก ตั้งครรภ์ท้องลมหรือไข่ลม เป็นต้น
ถ้าหากทดสอบปัสสาวะแล้วขึ้นขีดเดียว ก็อาจจะท้องได้ หรือที่เรียกว่า “ผลลบลวง” เช่น เป็นการตรวจในช่วงน้ำปัสสาวะเจือจาง ตรวจตอนท้องเกินกว่า 4 เดือน เป็นต้น ถ้าทดสอบขึ้น 2 ขีดแล้ว จะจางหรือไม่จางก็ตาม แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจเช็คดีที่สุดค่ะ
ซื้อที่ตรวจครรภ์ได้ที่ไหน?
คุณสามารถหาซื้อชุดตรวจครรภ์ได้ที่ร้านขายยาทั่วไป, ร้านสะดวกซื้อ 7-11, มินิมาร์ทสาขาย่อยต่างๆ
คำแนะนำในการทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง
• อ่านคำแนะนำและทำความเข้าใจในการใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่ให้มาอย่างละเอียด และปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น ๆ อย่างเคร่งครัด
• การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองเป็นการตรวจหาการตั้งครรภ์เบื้องต้นเท่านั้น
• คุณควรตรวจยืนยันผลการตั้งครรภ์โดยแพทย์ ด้วยการวินิจฉัยทางคลินิกและโรงพยาบาล เพื่อรับรองว่าตั้งครรภ์จริง
• คุณอาจจะเคยได้ยินว่าตรวจครรภ์ตอนเช้าแม่นยำที่สุด แต่จริงๆแล้วคุณสามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้ทุกช่วงเวลา
ที่เน้นว่าตอนเช้านั้น เพราะความเข้มข้นของฮอร์โมนhCG มากที่สุดค่ะ
• การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองเพียงครั้งเดียวยังไม่เพียงพอต่อการยืนยันผลเบื้องต้นได้ เนื่องจากระดับฮอร์โมน HCG
ในหญิงตั้งครรภ์จะมีระดับที่แตกต่างกันในช่วงกว้าง ซึ่งการตรวจครั้งที่ 2 ในอีก 2-3 วันถัดมาจะให้ผลที่น่าเชื่อถือและแน่นอนกว่า
เพราะบางครั้งในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับความไวของชุดทดสอบการตั้งครรภ์ (ต่ำกว่า 20 mIU/ml.) จึงทำให้การตรวจในครั้งแรกยังไม่พบว่ามีการตั้งครรภ์ เป็นต้น
• การตรวจปัสสาวะ ควรใช้ปัสสาวะหลังจากตื่นนอนตอนเช้าซึ่งจะให้ผลดีที่สุด แต่เวลาอื่นก็ตรวจได้ผลเช่นกัน การตรวจทุกครั้งต้องใช้ปัสสาวะสดใหม่เท่านั้น
• ชุดทดสอบการตั้งครรภ์เมื่อซื้อมาแล้ว สามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องตามปกติได้ (ไม่เกิน 30 องศา) หลีกเลี่ยงแสงแดดและความชื้น
• เมื่อฉีกซองออกแล้ว ต้องตรวจทันที จึงจะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ หากฉีกซองแล้วแต่ยังไม่ตรวจ สามารถเก็บได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจถูกความชื้นได้จะทำให้ประสิทธิภาพในการตรวจลดลง
• ในการทดสอบซ้ำ หากต้องการเปลี่ยนยี่ห้อหรือเปลี่ยนชนิดตามต้องการ ให้เว้นระยะห่างจากการทดสอบครั้งแรกอย่างน้อย 2-3 วัน
ชุดทดสอบในปัจจุบันจะมีความไวสูงมาก ปริมาณฮอร์โมน hCG เพียง 10 mIU/ml
ก็สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้แล้ว หากตรวจแล้วได้ผลบวก มีอาการหรือไม่มีอาการตั้งครรภ์จะต้องพบแพทย์
เพื่อเข้ารับการตรวจเลือด ตรวจร่างกาย ฝากครรภ์ ฉีดวัคซีนค่ะ
ขอบคุณรูปภาพจาก...ครอบครัวอบอุ่น ค่ะ
มาทำความเข้าใจกับชุดตรวจการตั้งครรภ์กันเถอะ
“ประจำเดือนไม่มา สวมถุงยางอนามัย ทานยาคุม ฝังยาคุม ทานยาคุมฉุกเฉิน จะท้องไหม?”
หากมีความสงสัย กังวล มีอาการ หรือไม่มีอาการก็ตาม จะรู้ได้อย่างไรว่า ตั้งครรภ์ หากยังไม่ทำการทดสอบ
คุณสามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้ด้วยตนเองค่ะ
แต่ถึงแม้จะทดสอบแล้ว คุณแม่ก็ควรจะไปพบแพทย์ด้วยเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ
และทำการฝากครรภ์เพื่อตรวจเลือด ตรวจร่างกาย ติดตามผลการตั้งครรภ์
1.แบบจุ่ม เป็นชุดตรวจการตั้งครรภ์ที่ราคาถูกที่สุดในบรรดาชุดตรวจการตั้งครรภ์ จะประกอบไปด้วยแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ และถ้วยตวงปัสสาวะ (บางยี่ห้อก็ไม่มีถ้วยตวงให้)
ขั้นตอนการทดสอบ
ให้เก็บน้ำปัสสาวะลงในถ้วยตวง แล้วนำแผ่นทดสอบการตั้งครรภ์ด้านที่มีลูกศรชี้ลง จุ่มลงไปในน้ำปัสสาวะประมาณ 3 วินาที ระวังอย่าให้น้ำปัสสาวะเลยขีดที่กำหนดหรือสูงเกินขีดลูกศรในแผ่นทดสอบ แล้วจึงนำแผ่นทดสอบออกจากน้ำปัสสาวะ และถือหรือวางไว้ในแนวนอน (หากวางไว้แนวนอน ควรวางบนพื้นผิวที่แห้งสนิทเท่านั้น) แล้วรออ่านผลการตั้งครรภ์ได้ภายใน 5 นาที
ตลับทดสอบปัสสาวะ และหลอดดูดน้ำปัสสาวะ
ขั้นตอนการทดสอบ
ให้เก็บปัสสาวะลงในถ้วยตวงปัสสาวะ แล้วนำหลอดหยดดูดน้ำปัสสาวะในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วจึงนำไปหยดลงบนตลับทดสอบปัสสาวะที่วางแนวราบประมาณ 3-4 หยด วางชุดทดสอบทิ้งไว้และรอผลตรวจประมาณ 5 นาที แล้วจึงอ่านผลการทดสอบ
ขั้นตอนการทดสอบ
ให้ถอดฝาครอบออกพร้อมกับถือแท่งทดสอบโดยให้หัวลูกศรชี้ลง แล้วปัสสาวะให้น้ำปัสสาวะไหลผ่านบริเวณที่ดูดซับน้ำปัสสาวะซึ่งจะอยู่บริเวณต่ำกว่าลูกศรให้ชุ่มประมาณ 5 วินาที แล้วให้ถือหรือวางแท่งทดสอบการตั้งครรภ์ไว้ในแนวราบ และรออ่านผลได้ตั้งแต่ประมาณ 30 วินาทีเป็นต้นไป มีข้อดี คือ สามารถใช้งานได้สะดวกมากกว่าชนิดอื่น เพราะไม่ต้องวุ่นวายในการเก็บน้ำปัสสาวะใส่ถ้วย
การอ่านผลที่ถูกต้องจะต้องอ่านภายใน 5 นาที ถ้าทิ้งไว้นานกว่านี้อาจทำให้มีอีกขีดโผล่ขึ้นมาได้
ซึ่งนั่นอาจไม่ใช่การตั้งครรภ์หรือเป็นค่าที่เชื่อถือไม่ได้แล้วโดยขีด C คือ Control Line ส่วนขีด T คือ Test Line ค่ะ
• ตรวจแล้วขึ้น 1 ขีด (ขึ้นที่ขีด C อย่างเดียว) คือ ได้ผลลบ แปลว่า “น่าจะไม่ตั้งครรภ์” (หมายความว่า ไม่ตั้งครรภ์ หรือ อาจจะตั้งครรภ์แล้วแต่ยังตรวจไม่พบ แนะนำให้ลองตรวจใหม่)
• ตรวจแล้วขึ้น 2 ขีด หรือ ขึ้น 2 ขีด จาง ๆ (จะมีขีดขึ้นที่ขีด C และ T) คือ ได้ผลบวก แปลว่า “มีการตั้งครรภ์” (ถ้าขีด T ขึ้นจาง ๆ แนะนำว่าให้รออีก 2-3 วันแล้วค่อยตรวจใหม่ หรือจะลองเปลี่ยนแบบตรวจ หรือยี่ห้อก็ได้นะคะ)
• ตรวจแล้วไม่ขึ้นแถบสีหรือไม่ขึ้นสักขีด หรือ ขึ้น 1 ขีดบนตัว T คือ อ่านค่าไม่ได้ แปลว่า “ชุดทดสอบการตั้งครรภ์เสื่อมสภาพ” (ควรใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ชุดใหม่เพื่อทดสอบค่ะ)
ความวิตกกังวลก็อาจทำให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติได้ แต่ถ้ารอจนครบ 7 วันแล้ว ตรวจพบว่าให้ผลบวก
ก็แปลว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ แต่ถ้าให้ผลลบก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไม่ตั้งครรภ์หรือไม่
หากประจำเดือนยังไม่มาอีกภายใน 7 วันหลังจากตรวจครั้งแรก ก็ให้คุณตรวจซ้ำอีกครั้งค่ะ และถ้ายังให้ผลลบอยู่
คุณก็น่าจะไม่ตั้งครรภ์ แต่ประจำเดือนของคุณยังไม่มา หลังจากตรวจรอบ 2 ถ้าเลย 7 วันไปแล้ว แนะนำให้พบแพทย์ค่ะ
ซึ่งอาจพบได้ในกรณีที่ น้ำปัสสาวะมีการอักเสบ มีเลือด หรือมีไข่ขาวปน, แผ่นทดสอบเสื่อมประสิทธิภาพ, ในผู้ที่ทานยาบางชนิด,
ในผู้ที่มีฮอร์โมนผิดปกติ เช่น อ้วนมาก หรือเป็นโรคไทรอยด์ นอกจากนั้น แม้ตั้งครรภ์ก็อาจเป็นการตั้งครรภ์สารเคมีก็ได้ คือ มีไข่กับอสุจิผสมกันจริง แต่ไม่มีการฝังตัวของทารกในโพรงมดลูก หรืออาจเป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติอื่น ๆ เช่น ตั้งครรภ์นอกมดลูก ตั้งครรภ์ท้องลมหรือไข่ลม เป็นต้น
• อ่านคำแนะนำและทำความเข้าใจในการใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่ให้มาอย่างละเอียด และปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น ๆ อย่างเคร่งครัด
• การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองเป็นการตรวจหาการตั้งครรภ์เบื้องต้นเท่านั้น
• คุณควรตรวจยืนยันผลการตั้งครรภ์โดยแพทย์ ด้วยการวินิจฉัยทางคลินิกและโรงพยาบาล เพื่อรับรองว่าตั้งครรภ์จริง
• คุณอาจจะเคยได้ยินว่าตรวจครรภ์ตอนเช้าแม่นยำที่สุด แต่จริงๆแล้วคุณสามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้ทุกช่วงเวลา
ที่เน้นว่าตอนเช้านั้น เพราะความเข้มข้นของฮอร์โมนhCG มากที่สุดค่ะ
• การตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองเพียงครั้งเดียวยังไม่เพียงพอต่อการยืนยันผลเบื้องต้นได้ เนื่องจากระดับฮอร์โมน HCG
ในหญิงตั้งครรภ์จะมีระดับที่แตกต่างกันในช่วงกว้าง ซึ่งการตรวจครั้งที่ 2 ในอีก 2-3 วันถัดมาจะให้ผลที่น่าเชื่อถือและแน่นอนกว่า
เพราะบางครั้งในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าระดับความไวของชุดทดสอบการตั้งครรภ์ (ต่ำกว่า 20 mIU/ml.) จึงทำให้การตรวจในครั้งแรกยังไม่พบว่ามีการตั้งครรภ์ เป็นต้น
• การตรวจปัสสาวะ ควรใช้ปัสสาวะหลังจากตื่นนอนตอนเช้าซึ่งจะให้ผลดีที่สุด แต่เวลาอื่นก็ตรวจได้ผลเช่นกัน การตรวจทุกครั้งต้องใช้ปัสสาวะสดใหม่เท่านั้น
• ชุดทดสอบการตั้งครรภ์เมื่อซื้อมาแล้ว สามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องตามปกติได้ (ไม่เกิน 30 องศา) หลีกเลี่ยงแสงแดดและความชื้น
• เมื่อฉีกซองออกแล้ว ต้องตรวจทันที จึงจะได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ หากฉีกซองแล้วแต่ยังไม่ตรวจ สามารถเก็บได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจถูกความชื้นได้จะทำให้ประสิทธิภาพในการตรวจลดลง
• ในการทดสอบซ้ำ หากต้องการเปลี่ยนยี่ห้อหรือเปลี่ยนชนิดตามต้องการ ให้เว้นระยะห่างจากการทดสอบครั้งแรกอย่างน้อย 2-3 วัน
ก็สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ได้แล้ว หากตรวจแล้วได้ผลบวก มีอาการหรือไม่มีอาการตั้งครรภ์จะต้องพบแพทย์
เพื่อเข้ารับการตรวจเลือด ตรวจร่างกาย ฝากครรภ์ ฉีดวัคซีนค่ะ
ขอบคุณรูปภาพจาก...ครอบครัวอบอุ่น ค่ะ