ตกลงการประมูล 3G ปี 55 กับการประมูล 4G ปี 58 อย่างไหนที่ดีกว่ากัน

ประมูล 3G ปี 55 กสทช.ก็โดนต่อว่า ประมูล 4G ปี 58 กสทช.ก็โดนต่อว่า

  จำได้ว่าการประมูล 3G คลื่น 2100 ประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว สุดท้ายก็มีแต่คนบ่นว่าประมูลถูกเกินไป รัฐได้เงินน้อยเกิน ค่ายมือถือฮั้วกันบ้าง
  
  พอมาประมูล 4G ปี 58 ซึ่งเอากฎ n-1 มาใช้ ก็หาว่าประมูลแพงเกินไปบ้าง ค่ายมือถือหมดตังค์ไปเยอะบ้าง ทำให้ไม่สามารถประมูลคลื่นต่อๆไปในช่วงระยะเวลาอันสั้นได้อีก

  แต่ที่จริง เรื่องค่ายมือถือประมูลมาแพง หมดตังค์ลงทุนเยอะ มันก็เป็นเรื่องที่ค่ายมือถือเลือกเองนะ กฎให้ประมูลมาในราคาที่ค่ายมือถือรับผิดชอบได้ จ่ายตามกรอบเวลาได้ ไม่มีกฎว่าให้ประมูลแพง เพื่อกีดกันรายใหม่ เพราะฉะนั้น มันเป็นเรื่องที่ค่ายมือถือต้องรับผิดชอบเอง
  
  แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ระหว่างประมูล 3G ปี 55 กับการประมูล 4G ปี 58
  ขอยกให้การประมูล 3G ปี 55 เป็นผลประโยชน์ต่อหลายฝ่ายในระยะยาวมากกว่า ต้นทุนค่าคลื่นไม่แพงมาก ทำให้กสทช.สามารถควบคุมค่าโทร-เน็ตให้ราคาถูกแก่ผู้ใช้บริการได้ สามารถส่งเสริมให้บริการมีคุณภาพที่ดีได้ง่ายกว่า และค่ายมือถือยังมีเงินเหลือที่จะประมูลคลื่นถัดไปได้อีก อย่าง 900/1800 ในปี 58 เป็นต้น
  
  พอมาดูประมูล 4G ปี 58 ประมูลได้ค่าคลื่นที่สูงเป็นอันดับต้นๆของโลก แต่ก็เหมือนจะได้แค่ครั้งนั้น พอมาประมูลคลื่นใหม่ปี 61 ล่มเลย ส่อแววว่าคลื่นที่มีอยู่จะเหลือทิ้ง เงินที่ได้เป็นสูญ ตั๋วเฉลี่ย เผลอๆ การประมูล 3G ในปี 55 จะดูดีกว่า เพราะค่ายมือถือได้คลื่นที่ไม่แพง ทำให้กสทช.จำกัดค่าใช้บริการง่าย และค่ายมือถือยังมีเงินมาประมูลคลื่นอื่นๆที่รัฐเปิดประมูลได้อย่างต่อเนื่อง ได้ใช้คลื่นความถี่ที่เหลือว่างอยู่มาให้บริการต่อประชาชนได้อย่างเกิดประโยชน์
  ไม่ใช่ว่าประมูลคลื่นด้วยราคาสูงเพียงครั้งเดียว และกว่าจะประมูลต้องรออีกนาน แล้วคลื่นความถี่ต้องเหลือทิ้ง ประชาชนไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์

   รูปแบบการประมูลที่ถูกต้อง คือ จะมีกฎ n-1 ก็ได้หรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ประมูลแต่ละครั้งมากกว่า รอบที่ผ่านมาในปี 58 ที่ประมูล 900/1800 มีทั้งหมด 3-4 ค่ายที่เข้าร่วมประมูล ประมูลรอบละ 2 ใบ ถึงไม่มีกฎ n-1 ก็ทำให้การประมูลเกิดการแข่งขันโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
  เท่าที่จำกฎการประมูลเดิมได้ตอนปี 58 ถ้าหากมีผู้เข้าประมูลเท่ากับหรือน้อยกว่าใบอนุญาต ก็ให้ประมูลในจำนวนราคาตั้งต้นประมาณ 11,000 ล้านไปเลยนะ
แล้วราคาตั้งต้น ก็เป็นราคาที่วิเคราะห์วิจัยมาแล้วว่า เป็นราคาที่ทำให้ผู้ประกอบการอยู่ได้ ไม่ต้องรับภาระต้นทุนมากเกินไป ไม่ใช่เป็นราคานึกฝันของใครบางคน

   เพราะฉะนั้น ให้นักวิชาการวิจัยราคาตั้งต้นที่เหมาะสม แล้วเริ่มต้นประมูลด้วยราคานั้น และวิจัยราคาเพดานของการประมูลว่าควรจะไม่เกินเท่าไร ก็ให้แต่ละค่ายอย่าประมูลเกินเพดานนั้น ส่วนค่ายมือถือก็เอาแบงค์การันตีมาส่งแต่ก่อนประมูลเลย
  ไม่ใช่ประมูลเสร็จ หาแบงค์การันตีให้ทั่ว จนต้องมานั่งลุ้นว่าจะจ่ายได้จริงมั้ย

  ก็น่าจะให้กสทช.ชุดใหม่มาจัดประมูลเลยนะ คิดว่ากสทช.ชุดนี้ไม่ควรทำแล้ว อายุงานราชการจริงก็หมดไปแล้ว ต้งกฎไม่เอื้อต่อการประมูลอีกต่างหาก ดูแล้วจะเป็นความขัดแย้งเปล่าๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่