สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
สรุปประเด็นเขื่อนลาวแตก เขื่อนนี้เป็นเขื่อนสำหรับผลิตไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน-เซน้ำน้อย ตั้งอยู่โซนลาวใต้ ใกล้ๆ จังหวัดอุบลราชธานี
1. จุดที่เขื่อนแตกไม่ใช่จุดที่เป็นเขื่อนหลัก แต่เป็นส่วนเขื่อนดินย่อยที่อยู่รอบเขื่อนหลัก สร้างขึ้นเพื่อปิดช่องเขา และทดระดับน้ำให้สูงขึ้นเพื่อให้มีปริมาณน้ำสูงพอจะปั่นไฟได้ตลอดเวลาไม่ว่าฤดูไหน เพราะเขื่อนนี้เป็นเขื่อนสำหรับผลิตไฟฟ้า ไม่ใช่เขื่อนเก็บกักน้ำเพื่อการเกษตร
2. เขื่อนที่แตกคือเขื่อนย่อย D เป็นเขื่อนดินบดอัด กั้นช่องเขาส่วน D (saddle Dam D) ขนาดสันเขื่อนกว้าง 8 เมตร ยาว 770 เมตร และสูง 16 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเสริมการกั้นน้ำรอบอ่างเก็บน้ำเซน้ำน้อย
3. เมื่อวันที่ 23 กค. เขื่อน D เกิดการทรุดตัว ส่งผลให้สันเขื่อนดินย่อยดังกล่าวเกิดรอยร้าว และน้ำไหลออกไปสู่พื้นที่ท้ายน้ำ และลงสู่ลำน้ำเซเปียน อยู่ห่างจากพื้นที่เขื่อนประมาณ 5 กิโลเมตร
4. ปริมาณความจุของเขื่อนเซเปียนนี้อยู่ที่ 5 พันล้านลูกบาศเมตร แต่ปริมาณน้ำที่ไหลออกมาจากการทรุดตัวของเขื่อน D นั้นมีประมาณ 600 ลบ.ม. ไม่ได้ไหลออกมาหมดทั้ง 5 พันล้าน ลบ.ม.
5. หลังจากเขื่อนพังก็มีการเร่งระบายน้ำออกมาทางระบายน้ำล้น เพื่อลดระดับน้ำให้ต่ำกว่าจุดที่เขื่อนดินทรุด เพื่อชะลอความเสียหายที่เกิดขึ้นที่เขื่อน D
ความคิดเห็นส่วนตัวเรื่องสาเหตุของเขื่อนทรุด
1. น่าจะเกิดจากปริมาณน้ำฝนเยอะกว่าที่คาดการณ์ไว้ จนทำให้ระดับน้ำสูงกว่าระดับเก็บกักสูงสุดที่ออกแบบไว้ จนน้ำอาจจะระบายออกทางระบายน้ำล้นไม่ทัน และท่วมล้นสันเขื่อน D ออกมา
2. สำหรับเขื่อนดิน การออกแบบจะแบ่งระดับการบดอัดดินให้แน่นต่างกันเป็นโซนๆ ไป ซึ่งจุดที่เลยจากระดับเก็บกักสูงสุดนั้นจะมีการอัดดินที่แน่นน้อยกว่าพอสมควร ซึ่งถ้าเจอน้ำปริมาณมากเอ่อท่วมขึ้นมาถึงจุดนี้ อาจจะมีความเป็นไปได้ว่าน้ำจะซึมลอดผ่านสันเขื่อนได้ จนทำให้เกิดการพังทลายได้จากจุดนี้
3. เมื่อน้ำลอดสันเขื่อน หรือท่วมล้นสันเขื่อน จะทำให้เกิดการกัดเซาะ และเริ่มพังทลายลงจากด้านบนลงสู่ด้านล่างในรูปตัว V การพังทลายก็จะกัดเซาะลึกลงไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่แน่ใจว่าล่าสุดลึงลงไปจากระดับสันเขื่อนแค่ไหน
4. การแก้ไขคือต้องเร่งระบายน้ำออกให้ระดับน้ำลดต่ำกว่าระดับการทรุดตัวของเขื่อนดินตรงนี้ ไม่ให้ลึกลงไปมากกว่านี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่ที่ความสามารถในการระบายน้ำออกของเขื่อนด้วย
5. จากข่าวล่าสุด สามารถระบายน้ำออกและซ่อมแซมเขื่อนดิน D ได้แล้ว ทำให้ไม่มีน้ำไหลออกมาจากเขื่อนเพิ่มเติม จนกว่าจะมีมวลฝนก้อนใหม่ตกลงมาในปริมาณที่มากจนต้องระบายน้ำออกอีกครั้ง
ในคลิปด้านล่างจะเห็นจุดที่เขื่อนพัง ซึ่งมีการลาดยางสันเขื่อนแล้ว เตรียมรอปักเสาบอกแนวสันเขื่อนแล้ว แสดงว่าเขื่อนดินจุดนี้สร้างเสร็จแล้วพร้อมใช้งาน แต่ที่ทรุดตัวลง น่าจะเป็นเพราะระดับน้ำสูงเกินกว่าระดับเก็บกักสูงสุด จนท่วมล้นสันเขื่อน หรือน้ำซึมลอดสันเขื่อนได้จนเกิดการทรุดตัว และพังลง
เขื่อนนี้ออกแบบโดยบริษัทเกาหลี อาจจะมีประสบการณ์น้อยในการรับมือภัยพิบัติหน้าฝนของพื้นที่โซนนี้ ทำให้น่าจะคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนผิดพลาด ทำให้ไม่มีการระบายน้ำที่เก็บกักไว้ออกไปมากเพียงพอ จนเมื่อมีมวลน้ำก้อนใหม่มาเติม น้ำเลยสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและระบายออกไม่ทัน เมื่อระบายออกไม่ทันเขื่อนดินจุดไหนที่น้ำขึ้นสูงเกินระดับเก็บกักสูงสุดก็มีสิทธิพังได้ และรอบนี้หวยก็ไปออกที่เขื่อน D
หลายคนเข้าใจว่าเขื่อนแตกตรงส่วนที่เป็นเขื่อนหลัก ซึ่งถ้าเขื่อนตรงนั้นแตก คนที่อยู่ท้ายน้ำน่าจะตายหมด เพราะน้ำปริมาณมหาศาลจะไหลออกมาพรวดเดียว คงท่วมสูงกว่านี้หลายเท่า
1. จุดที่เขื่อนแตกไม่ใช่จุดที่เป็นเขื่อนหลัก แต่เป็นส่วนเขื่อนดินย่อยที่อยู่รอบเขื่อนหลัก สร้างขึ้นเพื่อปิดช่องเขา และทดระดับน้ำให้สูงขึ้นเพื่อให้มีปริมาณน้ำสูงพอจะปั่นไฟได้ตลอดเวลาไม่ว่าฤดูไหน เพราะเขื่อนนี้เป็นเขื่อนสำหรับผลิตไฟฟ้า ไม่ใช่เขื่อนเก็บกักน้ำเพื่อการเกษตร
2. เขื่อนที่แตกคือเขื่อนย่อย D เป็นเขื่อนดินบดอัด กั้นช่องเขาส่วน D (saddle Dam D) ขนาดสันเขื่อนกว้าง 8 เมตร ยาว 770 เมตร และสูง 16 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเสริมการกั้นน้ำรอบอ่างเก็บน้ำเซน้ำน้อย
3. เมื่อวันที่ 23 กค. เขื่อน D เกิดการทรุดตัว ส่งผลให้สันเขื่อนดินย่อยดังกล่าวเกิดรอยร้าว และน้ำไหลออกไปสู่พื้นที่ท้ายน้ำ และลงสู่ลำน้ำเซเปียน อยู่ห่างจากพื้นที่เขื่อนประมาณ 5 กิโลเมตร
4. ปริมาณความจุของเขื่อนเซเปียนนี้อยู่ที่ 5 พันล้านลูกบาศเมตร แต่ปริมาณน้ำที่ไหลออกมาจากการทรุดตัวของเขื่อน D นั้นมีประมาณ 600 ลบ.ม. ไม่ได้ไหลออกมาหมดทั้ง 5 พันล้าน ลบ.ม.
5. หลังจากเขื่อนพังก็มีการเร่งระบายน้ำออกมาทางระบายน้ำล้น เพื่อลดระดับน้ำให้ต่ำกว่าจุดที่เขื่อนดินทรุด เพื่อชะลอความเสียหายที่เกิดขึ้นที่เขื่อน D
ความคิดเห็นส่วนตัวเรื่องสาเหตุของเขื่อนทรุด
1. น่าจะเกิดจากปริมาณน้ำฝนเยอะกว่าที่คาดการณ์ไว้ จนทำให้ระดับน้ำสูงกว่าระดับเก็บกักสูงสุดที่ออกแบบไว้ จนน้ำอาจจะระบายออกทางระบายน้ำล้นไม่ทัน และท่วมล้นสันเขื่อน D ออกมา
2. สำหรับเขื่อนดิน การออกแบบจะแบ่งระดับการบดอัดดินให้แน่นต่างกันเป็นโซนๆ ไป ซึ่งจุดที่เลยจากระดับเก็บกักสูงสุดนั้นจะมีการอัดดินที่แน่นน้อยกว่าพอสมควร ซึ่งถ้าเจอน้ำปริมาณมากเอ่อท่วมขึ้นมาถึงจุดนี้ อาจจะมีความเป็นไปได้ว่าน้ำจะซึมลอดผ่านสันเขื่อนได้ จนทำให้เกิดการพังทลายได้จากจุดนี้
3. เมื่อน้ำลอดสันเขื่อน หรือท่วมล้นสันเขื่อน จะทำให้เกิดการกัดเซาะ และเริ่มพังทลายลงจากด้านบนลงสู่ด้านล่างในรูปตัว V การพังทลายก็จะกัดเซาะลึกลงไปเรื่อยๆ ซึ่งไม่แน่ใจว่าล่าสุดลึงลงไปจากระดับสันเขื่อนแค่ไหน
4. การแก้ไขคือต้องเร่งระบายน้ำออกให้ระดับน้ำลดต่ำกว่าระดับการทรุดตัวของเขื่อนดินตรงนี้ ไม่ให้ลึกลงไปมากกว่านี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่ที่ความสามารถในการระบายน้ำออกของเขื่อนด้วย
5. จากข่าวล่าสุด สามารถระบายน้ำออกและซ่อมแซมเขื่อนดิน D ได้แล้ว ทำให้ไม่มีน้ำไหลออกมาจากเขื่อนเพิ่มเติม จนกว่าจะมีมวลฝนก้อนใหม่ตกลงมาในปริมาณที่มากจนต้องระบายน้ำออกอีกครั้ง
ในคลิปด้านล่างจะเห็นจุดที่เขื่อนพัง ซึ่งมีการลาดยางสันเขื่อนแล้ว เตรียมรอปักเสาบอกแนวสันเขื่อนแล้ว แสดงว่าเขื่อนดินจุดนี้สร้างเสร็จแล้วพร้อมใช้งาน แต่ที่ทรุดตัวลง น่าจะเป็นเพราะระดับน้ำสูงเกินกว่าระดับเก็บกักสูงสุด จนท่วมล้นสันเขื่อน หรือน้ำซึมลอดสันเขื่อนได้จนเกิดการทรุดตัว และพังลง
เขื่อนนี้ออกแบบโดยบริษัทเกาหลี อาจจะมีประสบการณ์น้อยในการรับมือภัยพิบัติหน้าฝนของพื้นที่โซนนี้ ทำให้น่าจะคาดการณ์ปริมาณน้ำฝนผิดพลาด ทำให้ไม่มีการระบายน้ำที่เก็บกักไว้ออกไปมากเพียงพอ จนเมื่อมีมวลน้ำก้อนใหม่มาเติม น้ำเลยสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและระบายออกไม่ทัน เมื่อระบายออกไม่ทันเขื่อนดินจุดไหนที่น้ำขึ้นสูงเกินระดับเก็บกักสูงสุดก็มีสิทธิพังได้ และรอบนี้หวยก็ไปออกที่เขื่อน D
หลายคนเข้าใจว่าเขื่อนแตกตรงส่วนที่เป็นเขื่อนหลัก ซึ่งถ้าเขื่อนตรงนั้นแตก คนที่อยู่ท้ายน้ำน่าจะตายหมด เพราะน้ำปริมาณมหาศาลจะไหลออกมาพรวดเดียว คงท่วมสูงกว่านี้หลายเท่า
แสดงความคิดเห็น
เขื่อนแตก ที่ประเทศลาว สาเหตุเพราะอะไร