ในกรณีแบบนี้เราสามารถฟ้องได้ไหมคะ? (ฝากเตือนผู้บริโภคด้วยค่ะ)

สวัสดีค่ะ เราอยากจะมาถามผู้รู้และขอโอกาสเตือนผู้บริโภคหรือผู้ใช้บริการทุกคนนะคะว่า เมื่อซื้อของเสร็จควรจะตรวจเช็คเงินทอนให้ดีก่อนออกจากร้านค้าหรือก่อนหันหลังให้เคาน์เตอร์คิดเงินค่ะ นับและตรวจสอบเงินทอนให้ดี ต่อหน้าคนที่ทอนเงินให้คุณเลยค่ะ หากมีความผิดพลาดอย่างไรแล้วจะได้ท้วงติงทันเพื่อผลประโยชน์ของตัวเราเองและป้องกันการผิดใจกระทบกระทั่งกันด้วยค่ะ

        เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับลูกค้าที่ไม่เช็คเงินทอนแล้วมาท้วงติงกับทางร้านค้าซึ่งการท้วงติงของลูกค้าทำให้ร้านค้าเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากการท้วงติงกล่าวอ้างของลูกค้าไม่เป็นความจริง (มีหลักฐานเป็นภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของทางร้านค้า)  ยาวหน่อยนะคะ เราพยายามเล่าให้ละเอียดที่สุด หากใครขี้เกียจอ่านยาวๆ สามารถอ่านกรณีที่เป็นปัญหาได้ที่คอมเม้นที่ 1 เลยนะคะ
      
         จขกท.เปิดร้านขายอาหารสัตว์อยู่ค่ะ  เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 61 เวลา 19:32ได้มีลูกค้าเข้ามาที่ร้านและบอกกับคุณพ่อของจขกท.ว่าเมื่อวานนี้ (23 ก.ค. )เวลาประมาณ 5-6 โมงเย็น ได้มาซื้อของที่ร้านนี้ แต่ไม่ได้รับเงินทอนจากทางร้าน และบอกว่าจขกท.เป็นคนขายให้. ต่อไปนี้คือบทสนทนาคร่าวๆที่เราพอจะจำได้นะคะ

    ลค. "น้องคะ เมื่อวานพี่มาซื้ออาหารหมา SmartHeart กับน้อง 2 ถุง พี่ใส่เสื้อลายทาง(พร้อมกับทำมือกระกอบว่าเป็นลายทางแนวนอน) จำพี่ได้มั้ยเมื่อวานนี้น้องไม่ได้ทอนตังให้พี่"

    จขกท."หนูจำไม่ได้หรอกค่ะ วันนึงมีลูกค้าหลายคนมาซื้อของ จำพี่ไม่ได้จริงๆ"

    ลค." เมื่อวานนี้พี่มาซื้อของจ่ายแบงก์พันให้น้อง แต่น้องไม่ได้ทอนตังให้พี่"

    เรา"อ้าว ถ้าหนูไม่ได้ทอนตังให้แล้วทำไมพี่ไม่ท้วงตั้งแต่เมื่อวานล่ะค่ะ"
         ในใจของจขกท.ตอนนั้นคือ ไม่เชื่อและมั่นใจว่าเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด ถ้าลูกค้าบอกว่าทอนตังไม่ครบ จขกท.จะฉุกคิดและจะคืนเงินให้ทันทีพร้อมกับขอโทษในความผิดพลาดของเรา ตามนิสัยของจขกท.แล้วหากลูกค้าวางของไว้ที่โต๊ะและจ่ายเงินแล้วเราจะรีบหยิบตังทอนทันทีไม่ว่าลูกค้าจะจ่ายเงินแล้วหันไปดูของอย่างอื่นต่อ เราจะวางเงินไว้บนโต๊ะ พอลูกค้ากลับมาเอาถุงใส่ของที่จ่ายเงินแล้วเราจะเอาเงินทอนให้ทันที เพราะแบบนี้จึงทำให้เราไม่เชื่อและมั่นใจว่าเราไม่ได้ไม่ทอนเงินลูกค้าตามที่ลูกค้าอ้าง

     ลค."เมื่อวานพี่รีบ พี่จอดรถไว้ฝั่งตรงข้าม พี่จ่ายแบงก์พันน้อง พี่กลับบ้านไปเปิดกระเป๋าตังดูมีเงินเหลืออยู่ 200 น้องไม่ได้ทอนตังพี่"

     เรา"พี่ควรจะท้วงตั้งแต่เมื่อวาน พี่มาท้วงวันนี้หนูให้คืนไม่ได้ค่ะ"

     ลค."พี่ยอมรับว่าพี่สะเพร่าเอง แต่น้องนั่นพันนึงเลยนะ"

     เรา "ค่ะหนูคืนไม่ได้ เพราะถ้าพี่จะท้วงพี่ควรท้วงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พี่มาท้วงวันนี้พี่ไม่มีหลักฐานหนูคืนให้พี่ไม่ได้"  (โดยที่เราลืมไปว่าที่ร้านมีกล้องวงจรปิด) หลังจากนั้นพี่ลูกค้าก็บอกให้เราไปดูที่ชั้นอาหารน้องหมา แล้วชี้ถามเราว่า

     ลค. "อันนี้ราคาเท่าไหร่"

     เรา "นี่ค่ะ มีราคาติดอยู่ค่ะ" เราชี้ไปที่ป้ายราคา

     ลค. "เท่าไหร่"

     เราเลยก้มดูให้ "150 ค่ะ"

     ลค."ชี้ไปที่อาหารถุงใหญ่ที่อยู่ชั้นล่างสุดแล้วถามว่า "แล้วอันนี้ราคาเท่าไหร่"

     เรา "265 ค่ะ"  หลังจากนั้นลูกค้าก็กอดอกและเบ้ปากใส่ ทำให้เรารู้สึกว่าลค. หมายความว่า 150+265 มันไม่ถึงพันทำไมตังในกระเป๋าลค.ถึงมีแค่ 200
  การกระทำแบบนั้นเรายอมรับเลยว่าทำเราโมโหามาก เพราะตอนนั้นลูกค้าในร้านเยอะมากทุกคนหยุดมอง ทั้งตอนที่อยู่ชั้นอาหารน้องหมาคนเดินผ่านหน้าร้านเยอะมากและทุกคนหันมามองเนื่องด้วยเรากับลค.ก็ถกเถียงกันค่อนข้างดังด้วยด้วย เราโมโหด้วยและลูกค้าก็โมโหที่ไม่ได้รับเงินทอน(ตามที่ลูกค้ากล่าวอ้าง) และคุณลูกค้าคนนี้ก็เอาแต่พูดว่าน้องไม่ทอนตังพี่ๆ ตอนนั้นเราโมโหจนเราจับใจความคำอื่นจากลูกค้าคนนี้ไม่ได้อีก ได้ยินแต่ว่า
      
      ลค. "ไม่คืนไม่เป็นไรพี่ถือว่าเงิน 1000 นั้นพี่ทำทานให้ร้านนี้และพี่จะไม่มาซื้อของที่นี่อีก "

      เรา "ค่ะ เชิญเลยค่ะ แล้วลค.ก็กลับไป"

      แม่เราเลยบอกเราว่าไปเปิดรีกล้องวงจรปิดดูซิ ว่าไม่ได้ทอนเงินเขาจริงรึป่าว หรืออาจจะทอนให้ผิดคนไหม (แม่และพี่สาวเราอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเนื่องจากเราและพี่สาวคุย video call กันอยู่ตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็นแล้ว ) พี่สาวเราสงสัยว่าทำไมไม่ได้เงินทอนจึงไม่รีบมาทักท้วงตั้งแต่เมื่อวานนี้หรือถ้ากลัวร้านปิดแล้วทำไมไม่รีบมาแต่เช้า เพราะสังเกตุได้จากที่ลค.พูดว่า เงิน 1000 เลยนะคะ แม่เราเลยบอกว่า ลูกค้าเค้าบอกว่าแค่มา เตือนเฉยๆ แต่เราก็ไม่เข้าใจว่ามาเตือนอะไรถ้าบอกว่ามาทวงถาม มาบอกกล่าว เราพอเข้าใจค่ะ เราจึงได้ทำการเปิดกล้องวงจรปิดดูค่ะ
    
      เราพบว่าในวันที่ 23 ก.ค. เวลา 18:29 มีผู้หญิงใส่ชุดกระโปรงลายขวางสีขาวดำ ถือโทรศัพท์ซัม... (ซึ่งดูหน้าตาแล้วคือคนเดียวกับที่มาท้วงว่าเราไม่ได้ทอนตังให้ พร้อมทั้งยังถือมือถือรุ่นเดียวกันแบบเดียวกัน จึงมั่นใจว่าดูไม่ผิดคน) ได้เข้ามาซื้อของที่ร้านและเดินวนไปมา จนมาหยุดอยู่ที่ชั้นอาหาร SmartHeart  และได้ทำการหยิบ อาหารถุงละ 265 บาท มาจำนวน 1 ถุงถ้วน และหยิบไปวางที่โต๊ะที่คุณพ่อจขกท.ซึ่งกำลังขายของให้ลูกค้าคนอื่นอยู่คุณพ่อจขกท.จึงได้บอกให้ลูกค้ามาจ่ายตังกับจขกท. (ร้านของจขกท.มีโต๊ะคิดเงิน 2 โต๊ะ) ลูกค้าเลยหยิบอาหารน้องหมามาวางที่โต๊ะของจขกท.และเดินไปดูขนมน้องหมาต่อโดยที่ยังไม่ได้จ่ายตัง จขกท.ก็หยิบอาหารใส่ถุงให้ หลังจากนั้นลูกค้าก็กลับมาจ่ายเงินที่โต๊ะ โดยหยิบแบงก์ 100 ออกมาจากกระเป๋า จำนวน 3 ใบ วางให้จขกท.บนโต๊ะ จขกท.ลากแบ้งมาคลี่ดูเห็นจำนวน 3 ใบ เลยทอนเงินให้ลค. 35 บาท ซึ่งลูกค้ายื่นมือมารอรับเงินทอนจากจขกท. จากนั้นลูกค้าก็ออกจากร้านไปโดยที่ไม่ได้เก็บเงินทอนใส่กระเป๋า

      
         ในที่วันที่ 24 เวลา 22:44 เพื่อนของจขกท.ได้ โทรมาหาจขกท.ว่า "เจ๊ เพื่อนชั้นบอกว่าไปซื้ออาหารกระต่ายร้านนึงมา เพื่อนบอกพิกัดมาชั้นว่าเป็นร้านเจ๊แน่ๆเลย เพื่อนเล่าว่าลูกค้าไม่ได้รับเงินทอนแล้วมาโวยวายที่ร้านแล้วเพื่อนก็ถกกันว่าแกว่าเรื่องนี้ใครผิดอะไรยังไง"

      ซึ่งจขกท.เป็นกังวลว่าทางร้านนั้นจะได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เนื่องด้วยตอนที่เกิดเรื่องขึ้นมีลูกค้าหลายคนหยุดฟังและเดินตามออกมาดู และกังวลว่าอาจจะมีการนำร้านไปพูดต่อในทางที่ไม่ดีทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ทั้งที่ไม่เป็นความจริง และอิงจากที่เพื่อนจขกท.มาเล่าให้ฟังจขกท.เชื่อว่าต้องมีการเล่าปากต่อปากไปมากแล้วแน่ๆ