“อำนาจครบดี? ม.44 (แสงยาอาวุธ) นิรโทษ(เหนือศาล) ชนะเลือกตั้ง (ใช้ธรรม) ข่าว (ภาพมายา) สู่สุขและพุทธรุ่งเรืองสมัยอโศกฯ

ฉบับที่ ๒๐ วันจันทร์ที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๑
เรื่อง “อำนาจครบดี? ม.44 (แสงยาอาวุธ) นิรโทษกรรม(เหนือศาล) ชนะเลือกตั้ง (ใช้หลักธรรมปกครอง) ข่าว (ภาพมายา) สู่ความสุขและพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ศึกษากรณี พระเจ้าอโศกมหาราช,อภิวัฒน์สยาม,รัฐประหาร 12และ13 ”

        - ปัญหา สงครามกลางเมือง ชาติศาสนาไม่ก้าวหน้าสักที
        - หลักการ ประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์พระพุทธศาสนา
        - อำนาจ 4 ส่วน
        1. กำลังทหาร เป็นกำลังอำนาจใหญ่ที่สุด ในการปกครองประเทศ
        2. กำลังศาล ดูเหมือนจะใหญ่สุดแต่เป็นอำนาจแฝง แม้ทุกส่วนทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฏหมาย แต่อำนาจอาวุธ อยู่เหนือกฎหมาย เพราะทุกคนก็กลัวตายและมีนิรโทษกรรมอยู่เสมอ
        3. กำลังรัฐบาล ดูเหมือนจะใหญ่สุด เพราะมีประชาชน เป็นผู้เลือก จากผู้นำมีหลักธรรมแต่ถ้าต้องคดีเมื่อไหร่ หากศาลไม่เป็นธรรม จากพระไตรปิฎกชาติจะวุ่นวายก็เพราะศาล
         4. กำลังสื่อ ดูเหมือนจะใหญ่สุดเพราะเป็นเหมือนโฆษกผู้ชี้นำสังคมจะให้ข้อมูลทางด้านไหน แต่ถ้ามีเม็ดเงิน คดีความ อาวุธ ก็พร้อมจะเอียงได้เสมอ
         -ประวัติศาสตร์
          ยุคพระเจ้าอโศกมหาราช ฆ่าพี่น้องตัวเอง สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นใหญ่ ขยายอาณาจักรคนตายมากมาย สำนึกว่าการขยายด้วยแสงยาอาวุธสร้างทุกข์มหาศาล ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญเมื่อเลื่อมใสในศาสนาพุทธ จึงแผ่อาณาจักรด้วยแสงธรรมานุภาพ สมณฑูต 9 สาย 84,000 พระเจดีย์
           ยุคอภิวัฒน์สยาม ชิงพระราชอำนาจด้วยกำลังทหาร กำลังสื่อ โดยสร้างความชอบธรรมจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตามคำสอนพระพุทธศาสนา
           ยุครัฐประหารครั้งที่ 12,13 ชิงอำนาจด้วยกำลังทหาร จากรัฐบาลต้องคดี สู้กับม๊อบพันธมิตร และครั้งที่ 13 ม๊อป กปปส.
            -วิเคราะห์
            ประเทศที่เจริญแล้วคือประเทศที่มีผู้นำสร้างความยอมรับได้มากที่สุด สร้างสุขให้มหาชนจำนวนมาก อาจกล่าวได้ว่ามีธรรมาภิบาลมากที่สุด เพราะการได้อำนาจมาจากประชาธิปไตย หรือสมัยก่อนเป็นแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ผู้นำก็จะมีกำลังทหารแต่ส่วนสำคัญคือความทรงธรรม นำหลักธรรมในการปกครอง
             ส่วนประเทศไทยนั้น เมื่อเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยในปี 2475 แต่ อำนาจทหารก็อยู่เบื้องหลังเสมอ แต่เปลี่ยนขั้วเป็นที่เรียบร้อยและเบ็ดเสร็จเมื่อกำลังทหารได้ชนกันครั้งใหญ่และผู้แพ้ได้เป็นกบฎบวรเดช ถึงขนาดมีสิ่งสะเทือนใจที่ว่า ถ้าให้ข้าพเจ้าต้องเซ็นอะไรที่ไม่ได้มาจากความตั้งใจของข้าพเจ้า เป็นฆ่าตัวตาย
             การได้อำนาจมา หากเบ็ดเสร็จด้วย แสงยาอาวุธ ศาล สื่อ และที่สำคัญที่สุดคือหลักธรรมาภิบาล ในการปกครอง นำมาซึ่งการชนะการเลือกตั้งเพราะสร้างสุขให้กับมหาชนจำนวนมากได้ แต่ที่สุดแล้วแม้ชนะการเลือกตั้งอย่างเดียวไม่เพียงพอ เพราะสื่อ ศาล และที่สำคัญคือแสงยาอาวุธที่คุมประเทศที่แท้จริง ก็พร้อมจะเปลี่ยนขั้วอำนาจได้เสมอ
             ความชอบธรรมในการรัฐประหาร จากประวัติศาสตร์ครั้งที่ 12,13 ก็เริ่มจาก รัฐต้องคดีถูกกลุ่มประท้วง เรื่องคดีความ ศาลตัดสิน สื่อชี้บอกสังคม และปิดท้ายด้วย ทหาร หากพิจารณาคดีความ ที่เป็นรัฐประหารครั้งที่ 12 และ 13 อาจกล่าวได้ว่า รัฐไม่ได้มีอำนาจเหนือศาล,กำลังทหารและสื่อ เพราะคดีความที่เกิดนั้นถูกจัดการอย่างเร่งด่วน ทันกระแสสังคม แม้จะยุบสภาแล้วก็ตาม ก็ยังเป็นตราบาปต่อไป แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะยอมรับ แต่ไม่มีอำนาจบริหารประเทศ ส่วนผู้มีอำนาจบริหารประเทศ ยังขาดอำนาจจากการใช้หลักธรรมเพื่อชนะเลือกตั้ง ประเทศจึงยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร
             -บทสรุป
             สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช มีกำลังพร้อมทั้ง 4 ใช้แสงธรรมานุภาพรวมใจขยายอาณาเขต ขยายความร่มเย็นด้วยพุทธธรรมกว้างใหญ่ ส่วนประเทศไทยเรา กำลังทั้ง 4 ยังมีไม่ครบ นับตั้งแต่ 2475 เป็นต้นมา เช่น 14 ตุลา พฤษภาทมิฬ ทหารก็ยังสู้กับประชาชนเรื่อยมา หากมีอำนาจครบทั้ง 4 เมื่อไหร่ ประเทศชาติต้องเจริญอย่างแน่นอน รัฐจะลองนโยบายแบบพระธรรมฑูตเหมือนสมัยพระเจ้าอโศกฯ ส่งสมณฑูต เพราะไทยตอนนี้ถือได้ว่ามีพระพุทธศาสนาเจริญที่สุดในโลก นำเป็นจุดขายของประเทศ เป็นสินค้าออก ที่ทั่วโลกยังขาดแคลนอยู่ ก็น่าพิจารณา

                   B.S.  
             2 ก.ค. 2561

ตอน “อำนาจครบดี? ม.44 (แสงยาอาวุธ) นิรโทษกรรม(เหนือศาล) ชนะเลือกตั้ง (ใช้หลักธรรมปกครอง) ข่าว (ภาพมายา) สู่ความสุขและพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ศึกษากรณี พระเจ้าอโศกมหาราช,อภิวัฒน์สยาม,รัฐประหาร 12และ13 ” เวลา 14.00-14.20 น. สด ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่