หลายครั้งที่หนังหลายๆเรื่องได้รับการคาดหมายว่าจะทำเงินสูงสุดประจำสัปดาห์แต่ทำเงินผิดไปจากที่คาดมากไม่ว่าจะมากกว่าหรือน้อยกว่าที่สื่อหลายๆสำนักประมาณการไว้ แต่มีไม่บ่อยครั้งนักที่ภาพยนตร์ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะทำเงินเป็นลำดับที่สองจะสามารถพลิกขึ้นมากลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดประจำสัปดาห์ได้ โดยเฉพาะเมื่อหนังที่ได้รับการคาดหมายว่าจะทำเงินเป็นอันดับที่หนึ่งก็ยังสามารถทำเงินได้ตามปกติของมัน ในสุดสัปดาห์ท่านมา The Equalizer 2 ซึ่งได้รับการประเมินว่าจะทำรายได้เปิดตัวไปราว $28 ล้านเหรียญ กลับสามารถทำเงินได้เหนือกว่าความคาดหมายโดยเก็บได้ที่ประมาณ $35.8 ล้าน เฉือนชนะ Mamma Mia: Here We Go Again ที่ทำรายได้ $34.3 ล้าน (มีการประมาณรายได้เปิดตัวไว้ $34-38 ล้านเหรียญ)
โดยพลังดารา Denzel Washington ภายใต้ฝีมือการกำกับของ Antoine Fuqua ทำเงินได้น้อยกว่า Mamma Mia ในวันศุกร์แต่พลิกกลับมาทำเงินสูงกว่าในวันหยุด โดยเฉพาะวันเสาร์ที่แทบจะรายได้ไม่ตกลงจากวันศุกร์เลย แต่เมื่อรวมรายได้จากทั่วโลกแล้ว Mamma Mia ทำได้ดีกว่ามากเนื่องจากฐานแฟนที่เหนียวแน่นในยุโรป สุดสัปดาห์ที่ผ่านมากวาดรายได้นอกบ้านไป $42.4 ล้าน รวมทั่วโลก $76.7 ล้านเหรียญ โดยครองอันดับ 1 ในยุโรปแทบทุกประเทศรวมทั้ง UK ตลาดสำคัญอันดับที่ 2 ด้วย ซึ่ง Mamma Mia ยังเหลือโปรแกรมเข้าฉายอีกหลายประเทศทั้ง ฝรั่งเศส (25 Jul) บราซิล (2 Aug) จีน (3 Aug และไม่ได้ฉายภาคแรกที่นี่) เกาหลี (8 Aug) เม็กซิโก (17 Aug) ญี่ปุ่น (24 Aug) และอิตาลี (6 Sep) ในขณะที่ Equalizer ทำเงินนอกบ้านไปเพียง $3.3 ล้านเหรียญเท่านั้น เนื่องจากผู้จัดจำหน่ายต้องการหลีกหนังแนวเดียวกันแต่ฟอร์มใหญ่กว่าอย่าง Mission Impossible ที่จะปูพรมฉายทั่วโลกในสุดสัปดาห์หน้า ภาคต่อของ Robert McCall จึงลงตลาดหลักไปเพียงออสเตรเลียที่เดียวเท่านั้นและก็แพ้ Mamma Mia ที่ชนกันขาดลอย โดยโปรแกรมที่เหลือของ Equalizer คือสเปน (10 Aug) ฝรั่งเศส, เยอรมัน, UK, เม็กซิโก (กลางเดือนสิงหา) และตลาดอื่นๆในเดือนกันยายนถึงตุลาคม
Incredibles 2 ยังตะลุยทำเงินสู่ $1,000 ล้านเหรียญต่อไป โดยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำสถิติ Animation ของ Disney/Pixar ที่เปิดตัวสูงสุดตลอดกาลในเกาหลีที่ $8.6 ล้าน และที่ฮ่องกงก็เปิดตัวเป็นอันดับ 1 ที่ $3.3 ล้าน รวมแล้วสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาครอบครัว Incredibles เก็บรายได้ตลาดนอกไปอีก $36.5 ล้านเหรียญ รวมทั่วโลกตอนนี้ $940.4 ล้านเข้าไปแล้ว และที่สำคัญ Incredibles 2 เพิ่งจะฉายไปเพียง 75% ของตลาดโลกเท่านั้น ยังเหลือตลาดสำคัญๆที่รออยู่อย่างญี่ปุ่นและสเปนช่วงต้นเดือนสิงหาคม และเยอรมัน, อิตาลีในเดือนกันยายนอีกด้วย
Ant-man and the Wasp ทำเงินนอกบ้านสุดสัปดาห์นี้ไปอีก $21.6 ล้าน ทำให้รายได้รวมทั่วโลกปัจจุบันอยู่ที่ $353.5 ล้านเหรียญ แต่อย่าลืมว่า Ant-man ยังเหลือทั้งตลาดเล็กๆและตลาดสำคัญๆทั่วโลกอีกเพียบและรายได้นอกบ้านเทียบตลาดต่อตลาดปัจจุบันยังทำได้ดีกว่าภาคแรกถึง 33% โดยล่าสุดเปิดตัวไป $4.1 ล้านในฝรั่งเศส และยังมีคิวเข้าฉายที่เยอรมันในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ตามมาด้วย UK, อิตาลี, ญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม และปิดท้ายด้วยจีนที่ยังไม่กำหนดวันฉายแต่แน่นอนว่าต้องพ้น July Blackout ไปก่อน
สุดท้ายที่จะกล่าวถึงคือ Black Panther ที่หลังจากลุ่มๆดอนๆว่าจะสามารถทำรายได้ถึง $700 ล้านในบ้านได้หรือไม่ ในที่สุดทาง Disney ก็ตัดสินใจเพิ่มโรงฉายสำหรับสุดสัปดาห์ที่ 23 จาก 28 โรงมาเป็น 154 โรงฉาย ส่งผลให้รายได้ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา +80.4% เก็บไป $25,000 เหรียญ ขาดอีกเพียง $70,000 เหรียญก็จะแตะหลัก $700 ล้านได้สำเร็จ ซึ่งทาง Disney ก็คงยึดโรงไว้เพื่อเข็นให้เสือดำเข้าป้าย $700 ล้านให้ได้ อีกทั้งเป็นการแก้ตัวจากเสียงก่นด่าของแฟนๆหลังจากที่อยู่ดีๆในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม Disney ดันไปเพิ่มโรงฉายให้ A Wrinkle in Time ที่เข็นไม่ขึ้นแล้ว 1,700 โรงแต่ปล่อยให้ Black Panther โดนลดโรงฉายตามปกติ สุดท้ายแล้ว A Wrinkle in Time ก็เจ๊งยับเยินอยู่ดี ตอนนั้นถ้าแบ่งโรงมาให้ทางเสือดำบ้างป่านนี้ BP เข้าเส้นชัย $700 ล้านไปนานแล้ว
Equalizer พลิกล็อคขึ้นอันดับ 1 ในบ้านแทน Mamma Mia และ Disney เพิ่มโรงให้ Black Panther สู่เป้าหมาย $700 ล้าน
โดยพลังดารา Denzel Washington ภายใต้ฝีมือการกำกับของ Antoine Fuqua ทำเงินได้น้อยกว่า Mamma Mia ในวันศุกร์แต่พลิกกลับมาทำเงินสูงกว่าในวันหยุด โดยเฉพาะวันเสาร์ที่แทบจะรายได้ไม่ตกลงจากวันศุกร์เลย แต่เมื่อรวมรายได้จากทั่วโลกแล้ว Mamma Mia ทำได้ดีกว่ามากเนื่องจากฐานแฟนที่เหนียวแน่นในยุโรป สุดสัปดาห์ที่ผ่านมากวาดรายได้นอกบ้านไป $42.4 ล้าน รวมทั่วโลก $76.7 ล้านเหรียญ โดยครองอันดับ 1 ในยุโรปแทบทุกประเทศรวมทั้ง UK ตลาดสำคัญอันดับที่ 2 ด้วย ซึ่ง Mamma Mia ยังเหลือโปรแกรมเข้าฉายอีกหลายประเทศทั้ง ฝรั่งเศส (25 Jul) บราซิล (2 Aug) จีน (3 Aug และไม่ได้ฉายภาคแรกที่นี่) เกาหลี (8 Aug) เม็กซิโก (17 Aug) ญี่ปุ่น (24 Aug) และอิตาลี (6 Sep) ในขณะที่ Equalizer ทำเงินนอกบ้านไปเพียง $3.3 ล้านเหรียญเท่านั้น เนื่องจากผู้จัดจำหน่ายต้องการหลีกหนังแนวเดียวกันแต่ฟอร์มใหญ่กว่าอย่าง Mission Impossible ที่จะปูพรมฉายทั่วโลกในสุดสัปดาห์หน้า ภาคต่อของ Robert McCall จึงลงตลาดหลักไปเพียงออสเตรเลียที่เดียวเท่านั้นและก็แพ้ Mamma Mia ที่ชนกันขาดลอย โดยโปรแกรมที่เหลือของ Equalizer คือสเปน (10 Aug) ฝรั่งเศส, เยอรมัน, UK, เม็กซิโก (กลางเดือนสิงหา) และตลาดอื่นๆในเดือนกันยายนถึงตุลาคม
Incredibles 2 ยังตะลุยทำเงินสู่ $1,000 ล้านเหรียญต่อไป โดยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำสถิติ Animation ของ Disney/Pixar ที่เปิดตัวสูงสุดตลอดกาลในเกาหลีที่ $8.6 ล้าน และที่ฮ่องกงก็เปิดตัวเป็นอันดับ 1 ที่ $3.3 ล้าน รวมแล้วสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาครอบครัว Incredibles เก็บรายได้ตลาดนอกไปอีก $36.5 ล้านเหรียญ รวมทั่วโลกตอนนี้ $940.4 ล้านเข้าไปแล้ว และที่สำคัญ Incredibles 2 เพิ่งจะฉายไปเพียง 75% ของตลาดโลกเท่านั้น ยังเหลือตลาดสำคัญๆที่รออยู่อย่างญี่ปุ่นและสเปนช่วงต้นเดือนสิงหาคม และเยอรมัน, อิตาลีในเดือนกันยายนอีกด้วย
Ant-man and the Wasp ทำเงินนอกบ้านสุดสัปดาห์นี้ไปอีก $21.6 ล้าน ทำให้รายได้รวมทั่วโลกปัจจุบันอยู่ที่ $353.5 ล้านเหรียญ แต่อย่าลืมว่า Ant-man ยังเหลือทั้งตลาดเล็กๆและตลาดสำคัญๆทั่วโลกอีกเพียบและรายได้นอกบ้านเทียบตลาดต่อตลาดปัจจุบันยังทำได้ดีกว่าภาคแรกถึง 33% โดยล่าสุดเปิดตัวไป $4.1 ล้านในฝรั่งเศส และยังมีคิวเข้าฉายที่เยอรมันในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ตามมาด้วย UK, อิตาลี, ญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม และปิดท้ายด้วยจีนที่ยังไม่กำหนดวันฉายแต่แน่นอนว่าต้องพ้น July Blackout ไปก่อน
สุดท้ายที่จะกล่าวถึงคือ Black Panther ที่หลังจากลุ่มๆดอนๆว่าจะสามารถทำรายได้ถึง $700 ล้านในบ้านได้หรือไม่ ในที่สุดทาง Disney ก็ตัดสินใจเพิ่มโรงฉายสำหรับสุดสัปดาห์ที่ 23 จาก 28 โรงมาเป็น 154 โรงฉาย ส่งผลให้รายได้ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา +80.4% เก็บไป $25,000 เหรียญ ขาดอีกเพียง $70,000 เหรียญก็จะแตะหลัก $700 ล้านได้สำเร็จ ซึ่งทาง Disney ก็คงยึดโรงไว้เพื่อเข็นให้เสือดำเข้าป้าย $700 ล้านให้ได้ อีกทั้งเป็นการแก้ตัวจากเสียงก่นด่าของแฟนๆหลังจากที่อยู่ดีๆในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม Disney ดันไปเพิ่มโรงฉายให้ A Wrinkle in Time ที่เข็นไม่ขึ้นแล้ว 1,700 โรงแต่ปล่อยให้ Black Panther โดนลดโรงฉายตามปกติ สุดท้ายแล้ว A Wrinkle in Time ก็เจ๊งยับเยินอยู่ดี ตอนนั้นถ้าแบ่งโรงมาให้ทางเสือดำบ้างป่านนี้ BP เข้าเส้นชัย $700 ล้านไปนานแล้ว