ปิฬาร์.........แมวบ้านนอก 3

กระทู้สนทนา
บทที่ แล้ว
https://pantip.com/topic/37855535

แมวปิฬาร์ เดินทางไปบ้านนอกโดยไม่ตั้งใจ และได้พบกับครอบครัวของแมวมะเหมี่ยว
และลูก ๆ ของมะเหมี่ยว

................


             โห....ดีจังเลยนะครับ ผมอยากอยู่แบบนั้นจังเลย”

             “เชอะ....ไม่มีอะไรดีหรอก”

             เสียงเล็กๆใสๆ ดังขัดจังหวะขึ้นมาเป็นเสียงของเหมียวน้อย ผู้นั่งมองอยู่ห่าง ๆ ไม่ยอมเข้ามาทักทายผู้มาเยือน

             “อ้าว.....ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะจ๊ะ....”   มะเหมี่ยวหันไปถามลูกสาวตัวเดียว ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ

             “เหมียวน้อยเกลียดพวกแมวในเมือง เหมียวน้อยไม่อยากคบกับแมวในเมือง”

             พูดจบเหมียวน้อยก็หันหลัง วิ่งไปตามหลังคาก่อนกระโดดหายเข้าไปยังบริเวณใต้หลังคาห้องครัว แมวปิฬาร์ทำหน้างง ๆ เพราะปกติไปไหนก็มีแต่คนชอบ คนเห็นคนรัก คนทักคนชม ไม่ค่อยมีใครบอกว่าไม่ชอบเลย

             “ขอโทษนะคะ......”   มะเหมี่ยวเดินมาใกล้ก้มหัวแสดงการขอโทษตามแบบฉบับมารยาทของแมวถ่อมกายและใจ   “เหมียวน้อยแกเป็นแมวมีปัญหา คือว่าพ่อของแกได้หนีตามแมวในเมืองไปนานแล้ว แกเลยเกลียดพวกแมวในเมือง นานมาแล้ว มีรถค้าแตงโมคันหนึ่งมาที่นี่ ..... หมู่บ้านของเราแห้งแล้ง อาหารขาดแคลน  มีแมวสาวในเมืองตัวหนึ่งติดรถมาด้วย .... และหลังจากนั้น เขาและเธอก็หายไปพร้อมกับการจากไปของรถแตงโม..........”

             เสียงมะเหมี่ยวขาดหาย เหมือนแมวพยายามสะกดกั้นอารมณ์ของตนเอง แมวปิฬาร์ฟังแล้วใจหาย นึกเห็นภาพแมวบ้านนอกนั่งอยู่ท้ายรถบรรทุกแตงโม ค่อยวิ่งห่างออกจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางฝุ่นควันและแสงตะวันอ้อนล้า กำลังคล้อยต่ำลงลับทิวไม้ไกลโพ้น  แมวตัวนั้นจะรู้สึกอย่างไรกันแน่นะ...การพลัดพรากจากครอบครัวแมวอันอบอุ่น ไปเผชิญโลกของสังคมเมือง ไม่นึกถึงแมวน้อย ๆ ผู้ชะเง้อคอมองตามหลังมาหรืออย่างไร

             “เหมียวน้อยพยายามวิ่งตามรถคันนั้นไปก่อนใคร...วิ่งตามรอยรถยนต์ วิ่งตามฝุ่นควันไป ร้องเหมียว ๆ จนหมดแรง” มะเหมี่ยวหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็ฝืนใจเล่าต่อไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

             “สุดท้ายพวกเราได้แต่นั่งมองฝุ่นควันจนจางหายไปยังโค้งถนนซึ่งมองเห็นลิบ ๆ เบื้องหน้า ดีว่ารถเก็บแตงโมของคนในหมู่บ้านวิ่งสวนมาพอดี พวกเราจึงได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง หลังจากนั้น เหมียวน้อยก็กลายเป็นแมวเงียบขรึม ไม่เล่นกับแมวตัวไหน และมักนั่งจ้องมองอย่างเงียบ ๆ ไปยังถนนสายที่พ่อจากไปเป็นเวลานานทุกวัน....คงอยากเห็นพ่อแมวกำลังวิ่งออกมาจากแนวป่า  ...ออกมาจากเงาไม้...วิ่งมาหาพวกเราและทักทายตามประสาแมว....”

             “เสียใจด้วยนะ”

             แมวปิฬาร์ปลอบเสียงอ่อย ๆ กับเรื่องราวของแมวน้อยมีปัญหา  คิดไปคิดมาปิฬาร์เองก็ยังไม่เคยเห็นหน้าพ่อหน้าแม่แมวเลย เพราะถูกแยกออกมาจากครอบครัวเอามาวางขายตามตลาดนัดตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ จนกระทั่งคุณนายใจดีซื้อมาเลี้ยง
    

             หลังจากคุยกับมะเหมี่ยวและลูก ๆ ครู่หนึ่ง แมวปิฬาร์ก็ออกสำรวจพื้นที่ตามความเคยชิน  หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ไม่กี่สิบหลังคาเรือน คงทำอาชีพเกี่ยวกับแตงโม เนื่องจากบ้านแต่ละหลังจะมีฉางเก็บแตงโมอยู่ใกล้ ๆ บ้านเสมอ

             ส่วนเอเลี่ยนหน้าหมาทั้งหลาย พอเห็นแมวในเมืองเดินอยู่ตามหลังคาหรือชายคาบ้านก็เดินตามเห่าหอนกันเป็นขบวนเนื่องจากปิฬาร์เป็นแมวในเมือง บุคลิกภาพย่อมโดดเด่นสูงส่ง้ป๋นพิเศษ น่าเห่าน่าหอนใส่เหลือเกิน   คงจะภาคภูมิใจไม่น้อยถ้าได้เห่าแมวในเมืองเป็นบุญปาก

             หมาหัวโจกท่าทางดุและตัวใหญ่ที่สุดเป็นหมาสีน้ำตาล ขนสีนำตาลกระดำกระด่าง คลุกดินคลุกฝุ่นตามแบบฉบับหมาบ้านนอกมาตรฐาน ท่าทางหยาบกร้านแต่ห้าวหาญ เห่าแต่ละครั้งเสียงดังไปทั้งหมู่บ้าน ยิ่งมาเห็นแมวแปลกหน้ายิ่งเห่าสนั่น เพราะเห่าแมวในหมู่บ้านคุ้นหน้าคุ้นตามานานจนเบื่อ และไม่ค่อยสร้างสรรค์อะไรเลย

             การเห่าแมวหน้าใหม่ให้ความรู้สึกในการเห่าดีเหลือเกิน...เสียงเห่าแต่ละครั้งเหมือนมีพลังไร้สภาพเชื่อมโยงไปยังแมวหน้าใหม่ กระทบความรู้สึกหนักแน่นดีเหลือเกิน ดีกว่าเห่าใบตองแห้งเป็นไหน ๆ หมาพวกนี้ไม่ได้เห่าอะไรอย่างเร่งเร้าใจเปี่ยมพลังแบบนี้มาก่อน ดังนั้นจึงวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ บริเวณแถวบ้านแมวหน้าใหม่มาอาศัยพักพิง แต่เพราะแมวปิฬาร์คุ้นเคยกับการถูกไล่กัดมาแล้ว พออยู่บนที่สูงจึงไม่ได้หวาดกลัวขวัญเสียอะไร ตรงกันข้ามกลับวางท่าเดินกรีดกรายไปมาประหนึ่งจะเยาะเย้ย

             บางโอกาสก็ใจเย็น ขนาดว่าลงมาเดินอยู่นอกชานของบ้านหลังหนึ่งอย่างสบายใจ ในขณะมีเสียงเห่ากระโชกดุเดือดอยู่ข้างล่าง บันไดแบบโบราณวางพาดอยู่นอกชาน หมาหน้าไหนก็ปีนขึ้นมาไม่ได้ นอกจากจะมีมือมีเท้าเหมือนคน

             “ไอ้พวกหมาบ้า เห่าอะไรของแกวะ.....”

             เสียงแหบ ๆ แต่ทรงอำนาจของใครคนหนึ่งดังมาจากใต้ถุนบ้าน พร้อมกับไม้ฟืนท่อนหนึ่งหมุนคว้างออกมาจากใต้ถุนราวกงจักรมหากาฬพุ่งเข้ากลางฝูงมัจจุราชหน้าหมา

             “เอ๋ง..!”

             เสียงร้องอย่างตกใจสุดขีดของหมาตัวหนึ่งดังขึ้น เมื่อโดนดุ้นฟืนขนาดเขื่องปะทะเข้าแสกหน้าอย่างแม่นยำราวจับวาง เสียงร้องของหมาเคราะห์ร้ายเหมือนเป็นสัญญาณเตือนภัย หมาทุกตัวเผ่นกระจายไปตัวละทิศละทางอย่างหมารู้ เพราะเคยชินกับฟืนไร้เงาของคุณยาย

             คุณยายอายุเกือบเจ็ดสิบแต่ยังดูแข็งแรงพอจะปาหัวหมาหรือหัวคนได้อีกนาน  ออกมายืนจังก้า ปากยังเคี้ยวหมากหยับ ๆ จนน้ำหมากไหลย้อย ในมือยังมีฟืนไร้เงาอยู่อีกหลายดุ้น

             “แน่จริงอย่าหนีสิวะ ไอ้พวกหน้าหมา พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน เห่าได้เห่าดี ไม่เกรงอกเกรงใจชาวบ้าน เดี๋ยวแม่จับทำหมาพะโล้ซะเลย...”

             แน่นอนว่าไม่มีหมาตัวไหนอยู่ให้ด่าฟรี ทุกตัวพากันวิ่งหนีไปหายไปจากหน้าบ้าน ตามประสาหมาที่จะไม่โต้ตอบกับคน แม้ว่าจะสามารถขย้ำคอคนให้ตายคาปากได้ง่าย ๆ ก็ตาม ธรรมเนียมของหมาอย่างหนึ่งคือ ห้ามกัดคนคุ้นเคยเด็ดขาด ถ้าตัวไหนทำจะถูกตราหน้าว่าหมาบ้าทันที และถูกประนามหยามหมิ่น จนอับอายไร้ค่าไร้ราคาของสังคมหมาชั่วรุ่นลูกหลาน

             คุณยายเองก็เพิ่งสงสัยว่าพวกหมาเห่าอะไร แกมองซ้ายมองขวา แล้วเงยหน้าขึ้นมามองแมวปิฬาร์พอดี พอเห็นเข้าเท่านั้นแกก็ทำตาโต ร้องขึ้นอย่างตื่นเต้น

            “อุ๊ยตายตาเถร...แมวอะไรนั่น น่ารักจัง เจ้าป่าเจ้าเขาเอ๊ย....มามะ มาให้ยายอุ้มหน่อย”

             “เหมี๊ยว!”

             ปิฬาร์รีบทำเสียงทำหน้าบริสุทธิ์ใสซื่อทันที กระโดดแผลวลงไปในอ้อมแขนของคุณยายอย่างไม่ยอมเสียโอกาสทอง เดี๋ยวอาหารดี ๆ ก็คงตามมา

             “ตัวเมียซะด้วย....ชื่ออะไรนะเรา”   คุณยายฟืนพิฆาตยกตัวแมวสวยน่ารักขึ้นพิจารณาไปมาอย่างชื่นชม

             “ชื่อปิฬาร์ค่ะ”

             รีบบอกชื่อตนเองไปทันที แต่คุณยายได้ยินเป็นร้องเหมียว ๆ เท่านั้น เพราะฟังภาษาแมวไม่ออก  แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอะไร ยังไงคุณยายก็รักและเอ็นดูแมวหน้าใหม่ของหมู่บ้านตัวนี้ทันที  คุณยายจัดการอุ้มปิฬาร์ขึ้นบันไดบ้านอย่างคล่องแคล่ว แม้ว่าจะอายุมากแล้วคุณยายก็ยังดูแข็งแรง

             บ้านของคุณยายเป็นบ้านใต้ถุนสูง ปูไม้กระดานทั้งหลังตามแบบฉบับของบ้านตามชนบท มีนอกชานไว้นอนชมดาวเวลากลางคืน หรือตากอาหารแห้งเวลากลางวัน ในห้องครัวมีตู้กับข้าวเก่า ๆ สีหม่นดำและกลิ่นสารพัดอาหารโชยออกมาผสมผสานกันหลากหลาย จนแมวในเมืองบอกไม่ถูกว่าอะไรเป็นอะไร

             “ร้องเหมียว ๆ สงสัยจะหิวข้าว เดี๋ยวจะเอาอาหารอร่อยให้กิน”

             อาหารอร่อยที่ว่าคือปลาย่างตัวหนึ่ง แม้จะหิวจนตาลาย ปิฬาร์ยังได้กลิ่นจวนเน่าของปลา ซึ่งคงเก็บไว้นานเกินกว่าจะเป็นอาหารของแมว... ตายแล้ว..คุณยายจ๋า...เอาปลาย่างค้างคืนจวนบูดเน่ามาให้ได้อย่างไร ของแบบนี้ปิฬาร์ไม่แม้แต่จะคิด

             “อ้าว...มองหน้าทำไมจ๊ะ กินเลย อร่อยนะจะบอกให้ ไม่กินเดี๋ยวเจ้าหง่าวมาอดกินนะ...ตัวนั้นมันชอบแย่ง”

             คุณยายคะยั้นคะยอเมื่อเห็นแมวแปลกหน้ายืนมองหน้า มองปลาย่าง สลับกันไปมาอยู่เช่นนั้น สายตาคนยายเต็มไปด้วยความเมตตาปรานีเหลือเกิน จนรู้สึกถึงความอบอุ่นชนิดหนึ่งแผ่ซ่านออกมาจากนัยน์ตาที่มองโลกมายาวนานมากมายของคุณยาย เป็นความอบอุ่นอันเกิดจากความรักความเมตตา สามารถสัมผัสได้ด้วยความรู้สึกและหัวใจ ไม่ว่าจะหัวใจแมวหรือหัวใจคนก็ตาม... นี่ถ้าปิฬาร์กินปลาย่าง  สีหน้าท่าทางคุณยายคงมีความสุขมากล้นกว่านี้ ...โอ...คุณยายจ๋า ก็อยากจะกินปลาย่างต่อหน้าคุณยาย ให้คุณยายชื่นใจและมีความสุข แต่ปลาจวนเน่าปิฬาร์ไม่เคยกินนี่นา...แฮ่ะ ๆ ๆ....ขอโทษนะคะคุณยาย

             “คุณยายจ๋า ปิฬาร์ขอรับปลาตัวนี้ไว้นะคะ แต่จะเอาไปฟากแมวตัวอื่น คงไม่เป็นไรนะคะคุณยาย”

             พูดจบแมวสาวก็งับปลาย่างตัวเขื่อง ก่อนกระโดดออกจากบ้านคุณยายไปอย่างรวดเร็ว ลัดเลาะไปตามรั้วและไม่ลืมจะเฉียดใกล้ไปยังบริเวณ ซึ่งมีหมาทั้งหลายกำลังประชุมกันอยู่อย่างมีชั้นเชิง

             หมาไวต่อกลิ่นแมวอยู่แล้ว พวกมัจจุราชหน้าหมาสามสี่ตัวหันมามองแล้วแยกเขี้ยวเห่าสนั่นหวั่นไหว เพราะการมีแมวคาบปลาย่างเดินให้เห็นต่อหน้าต่อตา มันเป็นการประนามหยามเหยียดความเป็นหมาอย่างสุดจะทนทาน ดังนั้นเสียงเห่าของบรรดาหมาหมู่ก็กึกก้องไปทั่วหมู่บ้านอีกครั้ง แต่ทำอะไรแมวจอมกวนตัวนั้นไม่ได้ เพราะแมวจอมกวนเลือกเดินบนรั้วบ้าง กองไม้บ้าง หลังคาเล้าไก่บ้าง หมาบางตัวเห่าไปน้ำลายไหลไป ไม่รู้ว่าเห่าแมวหรือเห่าปลาย่างกันแน่

             คุณยายมองตามอย่างชื่นชม  แม้จะไม่เข้าใจพฤติกรรมแปลกประหลาดของแมวหน้าใหม่ก็ตาม

             “อย่าลืมแวะมาอีกนะ ยังมีปลาอร่อย ๆให้กินอีกนะ”

             เสียงคุณยายแว่วตามหลังมา ช่างเป็นคนแก่ที่จิตใจดีเหลือเกิน แน่นอนคุณยาย ....ปิฬาร์จะกลับมาหาคุณยายแน่นอน ครั้งหน้าคงไม่มีปลาย่างเจียนเน่าอีกนะยายจ๋า....


             ขณะจะถึงหน้าจั่วหลังคาโรงครัวซึ่งเป็นที่พักอาศัยของครอบครัวมะเหมี่ยว ปิฬาร์ก็ชะงักแล้วหลบวูบบังชายคาอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกมีอะไรบางอย่างผิดปกติ ครอบครัวมะเหมี่ยวอยู่กันครบ ไม่มีตัวใดขาดหายไป ไม่ว่าจะเป็นเหมียวน้อยเจ้าปัญหา กุดจี่จอมเชียร์ กะปอมจอมซน และมะเหมี่ยวผู้เป็นแม่

             ที่เพิ่มมาเป็นแมวตัวผู้ตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ตัวสีขาวลายเหลืองตัวใหญ่น่ากลัว



.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่