อัตตัง
ภาพ อัตตา หรือ ความสำคัญหมายว่าเป็นอัตตา (อัตตสัญญา) ก็ดี
ความเห็น หรือ ทฤษฎีเกี่ยวกับอัตตา (อัตตทิฐิ หรือ อัตตานุทิฐิ) ก็ดี
ความยึดติดถือมั่นที่ให้พูดยันอยู่ว่ามีอัตตาเป็นอัตตา (อัตตวาทุปาทาน) ก็ดี
อัตตาเกิดขึ้นจากภวตัณหา
มีอยู่ในความยึดถือ อุปาทาน
เมื่อถอนความยึดถือนั้นแล้ว
ก็ไม่มีเรื่องต้องพูดถึงอัตตาอีก
เมื่อละภวตัณหาได้แล้ว อัตตาก็ไม่มี
นิรัตตัง
อนัตตา ก็มุ่งเพื่อปฏิเสธอัตตา
ซึ่งตัณหาและทิฐิได้สร้างขึ้นมายึดถือไว้ผิดๆ
เมื่อถอนความยึดถือนั้นแล้ว
ตัวอัตตา หรือภาพอัตตาก็หมดไปเอง
แต่ถ้ามาเข้าใจ อนัตตา ว่าไม่มี อัตตา
ในความหมายอย่างที่ปุถุชนเข้าใจ
ก็เป็นอุจเฉททิฐิ ซึ่งเป็นความเห็นผิดไปอีก
ในสุตตนิบาต
พระพุทธเจ้าตรัสถึงภาวะของผู้หลุดพ้นแล้วว่า
ไม่มีทั้ง อัตตัง ทั้ง นิรัตตัง
หรือไม่มี อัตตา ทั้ง นิรัตตา แปลว่า
ไม่มีทั้ง "อัตตา" ทั้ง "ไม่มีอัตตา"
คือไม่มีภวตัณหา ที่จะแสวงหาอัตตา
และไม่มีภวทิฐิ ที่จะยึดมั่นในเรื่องอัตตา
ให้เกิดเป็นอัตตทิฐิ หรือ อุจเฉททิฐิขึ้น
ไม่มีทั้ง อัตตัง ทั้ง นิรัตตัง
ภาพ อัตตา หรือ ความสำคัญหมายว่าเป็นอัตตา (อัตตสัญญา) ก็ดี
ความเห็น หรือ ทฤษฎีเกี่ยวกับอัตตา (อัตตทิฐิ หรือ อัตตานุทิฐิ) ก็ดี
ความยึดติดถือมั่นที่ให้พูดยันอยู่ว่ามีอัตตาเป็นอัตตา (อัตตวาทุปาทาน) ก็ดี
อัตตาเกิดขึ้นจากภวตัณหา
มีอยู่ในความยึดถือ อุปาทาน
เมื่อถอนความยึดถือนั้นแล้ว
ก็ไม่มีเรื่องต้องพูดถึงอัตตาอีก
เมื่อละภวตัณหาได้แล้ว อัตตาก็ไม่มี
นิรัตตัง
อนัตตา ก็มุ่งเพื่อปฏิเสธอัตตา
ซึ่งตัณหาและทิฐิได้สร้างขึ้นมายึดถือไว้ผิดๆ
เมื่อถอนความยึดถือนั้นแล้ว
ตัวอัตตา หรือภาพอัตตาก็หมดไปเอง
แต่ถ้ามาเข้าใจ อนัตตา ว่าไม่มี อัตตา
ในความหมายอย่างที่ปุถุชนเข้าใจ
ก็เป็นอุจเฉททิฐิ ซึ่งเป็นความเห็นผิดไปอีก
ในสุตตนิบาต
พระพุทธเจ้าตรัสถึงภาวะของผู้หลุดพ้นแล้วว่า
ไม่มีทั้ง อัตตัง ทั้ง นิรัตตัง
หรือไม่มี อัตตา ทั้ง นิรัตตา แปลว่า
ไม่มีทั้ง "อัตตา" ทั้ง "ไม่มีอัตตา"
คือไม่มีภวตัณหา ที่จะแสวงหาอัตตา
และไม่มีภวทิฐิ ที่จะยึดมั่นในเรื่องอัตตา
ให้เกิดเป็นอัตตทิฐิ หรือ อุจเฉททิฐิขึ้น