จิตวิทยาว่าด้วยคำถาม "ทำไมเราถึงรักคนที่เขาไม่เคยรักเรา"

ผมตั้งใจจะเขียนอะไรเรื่อยเปื่อยเกี่ยวกับจิตวิทยามาตลอด แต่ช่วงหลังๆ ก็ไม่ว่างเขียนสักเท่าไหร่ วันนี้พอจะมีเวลา ขอเขียนเรื่องนี้เพื่อแลกเปลี่ยนละกันนะครับ

มีการสำรวจพบว่า มากกว่า 90% ของวัยรุ่นในอเมริกา (และคิดว่าในไทยด้วย) เคยมีประสบการณ์ “รักเขาแต่เขาไม่รัก” มาแล้วทั้งนั้น (you are not alone นะครับ) และคนส่วนใหญ่ก็สามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ แต่สำหรับบางคน เป็นเรื่องยากมากเหลือเกินที่จะเดินก้าวต่อ

การรู้สึกดีกับใครสักคนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ อาจเป็นเพราะมีอะไรบางอย่างในตัวเขาที่เราประทับใจ ซึ่งเป็นไปได้ว่า “บางอย่าง” ที่ว่านี้ เป็นส่วนที่เราเองก็มีเหมือนกัน (กฎของแรงดึงดูด) หรืออาจเป็นส่วนที่ไม่มีในตัวเรา บางครั้งเราจึงอาจรู้สึกว่าใครบางคนอาจช่วยเติมเต็มบางส่วนที่ขาดหายของเราให้สมบูรณ์ได้ แต่ความรักไม่ใช่การแลกเปลี่ยนที่ตรงไปตรงมา "ถ้าฉันรักเธอ เธอต้องรักฉันตอบ" จึงมักไม่เป็นจริง เนื่องจากไม่มีเหตุผลที่อีกคนจะต้องรู้สึกแบบเดียวกันหรือเท่ากันกับที่เรารู้สึก บ่อยครั้งที่พบว่าเมื่อเราตกหลุมรักใครบางคน เขากลับไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกันกับเรา

การถูก "ปฏิเสธ" จากคนที่เราเชื่อว่าจะสามารถเติมเต็มบางอย่างในตัวเราได้ จึงเป็นการสั่นคลอน "ตัวตน" ของเราอย่างมาก บางคนอาจรู้สึกเจ็บปวด อับอาย พ่ายแพ้ และสูญเสียความมั่นใจ บางคนรู้สึกโกรธและอยากให้อีกฝ่ายรู้สึกแบบเดียวกัน ยิ่งอีกฝ่ายมีท่าทีปฏิเสธหรือแสดงพฤติกรรมเมินเฉยมากเท่าไหร่ กลับยิ่งรู้สึกท้าทาย และต้องการทำให้เขาหันมาสนใจมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งอันนี้เป็นไปตามแนวคิดพื้นฐานที่ว่า อะไรที่ได้มายาก มักทำให้สิ่งนั้นมีคุณค่ามากขึ้น ในกรณีนี้ เรากำลังเปลี่ยนความสัมพันธ์ให้กลายเป็นการแข่งขัน โดยมี “ความรู้สึก” เป็นสิ่งเดิมพัน และทำให้อีกฝ่ายกลายเป็น “วัตถุ” ที่มีสถานะเป็นเหมือน “รางวัล” ในชัยชนะของ “เกมแห่งความรู้สึก” ทั้งนี้เพื่อยืนยันความมีคุณค่าและการมีอยู่ของตัวเรา เพราะการได้ครอบครองสิ่งที่ได้มายาก ย่อมช่วยเสริมความมั่นคงให้กับ "ตัวตน" ได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

หลายคนพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองและทำทุกอย่าง จนบางครั้งอาจยอมสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง เพียงเพื่อให้ตนเองได้ถูกมองเห็น ทั้งนี้เพราะบางคนผูกติดคุณค่าของตนเองกับเนื้อตัว ร่างกาย และโดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว เป็นเรื่องยากที่เราจะยอมรับได้ว่า เราเป็นคนที่อีกคนไม่ต้องการ การถูกปฏิเสธ จึงมีความหมายไปในทางลบว่า “ฉันไม่ดีพอ ฉันเป็นคนแพ้ หรือ ฉันไม่มีคุณค่า”

สำหรับใครที่ยังไม่สามารถก้าวผ่านความรู้สึกเหล่านี้ไปได้ สิ่งที่ควรทำคือ การยอมรับความจริงแล้วไปต่อ ถามตัวเองว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้ ลองค้นหาสิ่งดีๆ ในตัวเอง อาจเริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก่อน หรืออาจลองทำอะไรบางอย่างเพื่อคนอื่น คนที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากเราจริงๆ สิ่งเหล่านี้อาจช่วยให้เรามองเห็นคุณค่าบางอย่างในตัวเองมากขึ้น โดยไม่ต้องรอให้คนอื่นยืนยันความมีคุณค่าของตัวเรา หากเรายังมองไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง เป็นเรื่องยากที่จะคาดหวังให้คนอื่นเห็นมัน ที่สำคัญคือลองเปิดใจพาตัวเองออกไปข้างนอก ไปพบเจอผู้คนและสถานที่แปลกใหม่ บางทีเราอาจเห็นบางอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่