
ตอนที่ ๑๔. มารตามรังควานผู้ย่อยยับในหมู่สงฆ์ ๒
ก็ชนเหล่าอื่นไม่รู้สึกว่า พวกเราย่อมยุบยับในท่ามกลางสงฆ์นี้ ส่วนชนเหล่าใดในท่ามกลางสงฆ์นั้น ย่อมรู้สึก ความหมายมั่นย่อมระงับจากชนเหล่านั้น
มารย่อมรังควาญบุคคลผู้มีปรกติเห็นตามอารมณ์ว่างาม ผู้ไม่สำรวมในอารมณ์ที่กระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจทั้งหลาย ไม่รู้ประมาณในโภชนะ เกียจคร้าน มีความเพียรเลว เหมือนลมระรานต้นไม้ที่ทุรพล ฉะนั้น
มารย่อมรังควาญไม่ได้ซึ่งบุคคลผู้มีปรกติเห็นตามอารมณ์ว่าไม่งาม(อสุภะ) สำรวมดีแล้วใน อารมณ์ที่กระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รู้ประมาณในโภชนะ มีศรัทธา ปรารภความเพียร เหมือนลมระรานภูเขาหินไม่ได้ ฉะนั้น
ผู้ใดยังไม่หมดกิเลสดุจน้ำฝาด ไม่รู้จักข่มใจ ไม่รักษาสัจจะย่อมไม่ควรนุ่งห่มผ้าไตรจีวร ส่วนผู้ใดคายกิเลสดุจน้ำฝาดได้แล้ว ตั้งมั่นแล้วในศีลมีความข่มใจถือสัจจะ ผู้นั้นแลย่อมสมควรนุ่งห่มผ้าไตรจีวร
ชนเหล่าใดถือธรรมอันหาสาระมิได้ว่ามีสาะระ ทว่ากลับถือธรรมอันมีสาระว่าไม่มีสาระ ชนเหล่านั้นมีความเห็นผิด ย่อมไม่บรรลุธรรมอันเป็นสาระ
ชนเหล่าใดรู้ธรรมอันเป็นสาระโดยความเป็นสาระ และรู้ธรรมอันหาสาระมิได้ โดยความเป็นธรรมอันหาสาระมิได้ ชนเหล่านั้นมีความเห็นถูกต้อง ย่อมบรรลุธรรมอันเป็นสาระ
ฝนย่อมรั่วรดเรือนที่บุคคลมุงไม่ดี ฉันใด ราคะย่อมรั่วรดจิตที่บุคคลไม่อบรมแล้ว ฉันนั้น
ฝนย่อมไม่รั่วรดเรือนที่บุคคลมุงดี ฉันใด ราคะย่อมไม่รั่วรดจิตที่บุคคลอบรมดีแล้วฉันนั้น
บุคคลผู้ทำบาปย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ย่อมเศร้าโศกในโลกหน้า ย่อมเศร้าโศกในโลกทั้งสอง บุคคลผู้ทำบาปนั้นย่อมเศร้าโศก
บุคคลผู้ทำบาปนั้นเห็นกรรมที่เศร้าหมองของตนแล้วย่อมเดือดร้อน ผู้ทำบุญไว้แล้วย่อมบันเทิงในโลกนี้ ย่อมบันเทิงในโลกหน้า ย่อมบันเทิงในโลกทั้งสอง ผู้ทำบุญไว้แล้วย่อมบันเทิง ผู้ทำบุญไว้แล้วนั้นเห็นความบริสุทธิ์แห่งกรรมของตนแล้ว ย่อมบันเทิงอย่างยิ่ง
บุคคลผู้ทำบาปย่อมเดือดร้อนในโลกนี้ ย่อมเดือดร้อนในโลกหน้า ย่อมเดือดร้อนในโลกทั้งสอง
บุคคลผู้ทำบาปนั้นย่อมเดือดร้อนว่าบาปเราทำแล้ว บุคคลผู้ทำบาปนั้นไปสู่ทุคติแล้ว ย่อมเดือดร้อนโดยยิ่ง
ผู้ทำบุญไว้แล้วย่อมเพลิดเพลินในโลกนี้ ย่อมเพลิดเพลินในโลกหน้า ย่อมเพลิดเพลินในโลกทั้งสอง
ผู้ทำบุญไว้แล้วย่อมเพลิดเพลินว่า บุญอันเราทำไว้แล้ว ผู้ทำบุญไว้แล้วนั้นไปสู่สุคติ ย่อมเพลิดเพลินโดยยิ่ง
หากว่าผู้ใดพร่ำกล่าวสั่งสอนผู้อื่นด้วยถ้อยคำอันมีประโยชน์ไว้มาก แต่ตนกลับไม่กระทำสิ่งอันพึงกระทำดังที่ตนพร่ำกล่าว เป็นผู้ประมาทแล้วไซร้ คนผู้นั้นย่อมไม่ควรค่าความเป็นสมณะ
ประดุจคนเลี้ยงโคเที่ยวนับโคของผู้อื่น ย่อมไม่มีส่วนแห่งผลจากแม่โค ฉะนั้น
แม้นผู้ใดพร่ำกล่าวแสดงถ้อยคำอันมีประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย แต่เป็นผู้ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม ละราคะ โทสะ และโมหะแล้ว มีความรู้ทั่วในธรรมโดยชอบ มีจิตหลุดพ้นด้วยดีแล้ว ไม่ถือมั่นในโลกนี้หรือในโลกหน้า คนนั้นย่อมเป็นได้คุณแห่งความเป็นสมณะ
**************************************************
คาถาธรรมบท ยมกวรรคที่ ๑ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต อาปัตติภยวรรคที่ ๕
ขอเชิญอ่านพระสูตรบทเต็มได้ที่
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=267&Z=1034
ขอเชิญอ่าน "เพลิงนรก ตาสวรรค์ ใต้ผืนไตรงามผู้ใดหยั่งรู้" ตั้งแต่ตอนที่ ๑ ได้ที่
http://toncoon.com/community/index.php?topic=2008.0
ขออนุโมทนาสามารถเผยแผ่เป็นธรรมทานได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
ขอสงวนสิทธิ์ในการจัดจำหน่าย
**************************************
ขอให้ทั้งหลายเจริญในธรรม มีธรรมเป็นที่ไป มีธรรมดำเนินไป มีธรรมนำทางไป
บุญกุศลทั้งหลายทั้งปวงขอจงถึงแก่ อ.พ่อพันธุม คีริวัติ คุณแม่เสาวลักษณ์ เที่ยงธรรม ตลอดถึงบิดามารดาครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ผู้ถูกเบียดเบียนของข้าพเจ้าและทุกท่านที่ศึกษาพระธรรมร่วมกัน ขอพวกเราทั้งหลายจงเจริญแต่กุศลปิดหนทางอบาย ได้เวียนว่ายเพียงในเฉพาะสุคติภูมิ ไม่พบเจอกับทุคติวินิบาตนรกอีกตลอดทุกภพทุกชาติตราบถึงวันแห่งพระนิพพานด้วยเทอญ
#เพลิงนรก ตาสวรรค์ ใต้ผืนไตรงามผู้ใดหยั่งรู้# ตอนที่ ๑๔. มารตามรังควานผู้ย่อยยับในหมู่สงฆ์ ๒ (พระไตรปิฎก)
ตอนที่ ๑๔. มารตามรังควานผู้ย่อยยับในหมู่สงฆ์ ๒
ก็ชนเหล่าอื่นไม่รู้สึกว่า พวกเราย่อมยุบยับในท่ามกลางสงฆ์นี้ ส่วนชนเหล่าใดในท่ามกลางสงฆ์นั้น ย่อมรู้สึก ความหมายมั่นย่อมระงับจากชนเหล่านั้น
มารย่อมรังควาญบุคคลผู้มีปรกติเห็นตามอารมณ์ว่างาม ผู้ไม่สำรวมในอารมณ์ที่กระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจทั้งหลาย ไม่รู้ประมาณในโภชนะ เกียจคร้าน มีความเพียรเลว เหมือนลมระรานต้นไม้ที่ทุรพล ฉะนั้น
มารย่อมรังควาญไม่ได้ซึ่งบุคคลผู้มีปรกติเห็นตามอารมณ์ว่าไม่งาม(อสุภะ) สำรวมดีแล้วใน อารมณ์ที่กระทบทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รู้ประมาณในโภชนะ มีศรัทธา ปรารภความเพียร เหมือนลมระรานภูเขาหินไม่ได้ ฉะนั้น
ผู้ใดยังไม่หมดกิเลสดุจน้ำฝาด ไม่รู้จักข่มใจ ไม่รักษาสัจจะย่อมไม่ควรนุ่งห่มผ้าไตรจีวร ส่วนผู้ใดคายกิเลสดุจน้ำฝาดได้แล้ว ตั้งมั่นแล้วในศีลมีความข่มใจถือสัจจะ ผู้นั้นแลย่อมสมควรนุ่งห่มผ้าไตรจีวร
ชนเหล่าใดถือธรรมอันหาสาระมิได้ว่ามีสาะระ ทว่ากลับถือธรรมอันมีสาระว่าไม่มีสาระ ชนเหล่านั้นมีความเห็นผิด ย่อมไม่บรรลุธรรมอันเป็นสาระ
ชนเหล่าใดรู้ธรรมอันเป็นสาระโดยความเป็นสาระ และรู้ธรรมอันหาสาระมิได้ โดยความเป็นธรรมอันหาสาระมิได้ ชนเหล่านั้นมีความเห็นถูกต้อง ย่อมบรรลุธรรมอันเป็นสาระ
ฝนย่อมรั่วรดเรือนที่บุคคลมุงไม่ดี ฉันใด ราคะย่อมรั่วรดจิตที่บุคคลไม่อบรมแล้ว ฉันนั้น
ฝนย่อมไม่รั่วรดเรือนที่บุคคลมุงดี ฉันใด ราคะย่อมไม่รั่วรดจิตที่บุคคลอบรมดีแล้วฉันนั้น
บุคคลผู้ทำบาปย่อมเศร้าโศกในโลกนี้ย่อมเศร้าโศกในโลกหน้า ย่อมเศร้าโศกในโลกทั้งสอง บุคคลผู้ทำบาปนั้นย่อมเศร้าโศก
บุคคลผู้ทำบาปนั้นเห็นกรรมที่เศร้าหมองของตนแล้วย่อมเดือดร้อน ผู้ทำบุญไว้แล้วย่อมบันเทิงในโลกนี้ ย่อมบันเทิงในโลกหน้า ย่อมบันเทิงในโลกทั้งสอง ผู้ทำบุญไว้แล้วย่อมบันเทิง ผู้ทำบุญไว้แล้วนั้นเห็นความบริสุทธิ์แห่งกรรมของตนแล้ว ย่อมบันเทิงอย่างยิ่ง
บุคคลผู้ทำบาปย่อมเดือดร้อนในโลกนี้ ย่อมเดือดร้อนในโลกหน้า ย่อมเดือดร้อนในโลกทั้งสอง
บุคคลผู้ทำบาปนั้นย่อมเดือดร้อนว่าบาปเราทำแล้ว บุคคลผู้ทำบาปนั้นไปสู่ทุคติแล้ว ย่อมเดือดร้อนโดยยิ่ง
ผู้ทำบุญไว้แล้วย่อมเพลิดเพลินในโลกนี้ ย่อมเพลิดเพลินในโลกหน้า ย่อมเพลิดเพลินในโลกทั้งสอง
ผู้ทำบุญไว้แล้วย่อมเพลิดเพลินว่า บุญอันเราทำไว้แล้ว ผู้ทำบุญไว้แล้วนั้นไปสู่สุคติ ย่อมเพลิดเพลินโดยยิ่ง
หากว่าผู้ใดพร่ำกล่าวสั่งสอนผู้อื่นด้วยถ้อยคำอันมีประโยชน์ไว้มาก แต่ตนกลับไม่กระทำสิ่งอันพึงกระทำดังที่ตนพร่ำกล่าว เป็นผู้ประมาทแล้วไซร้ คนผู้นั้นย่อมไม่ควรค่าความเป็นสมณะ
ประดุจคนเลี้ยงโคเที่ยวนับโคของผู้อื่น ย่อมไม่มีส่วนแห่งผลจากแม่โค ฉะนั้น
แม้นผู้ใดพร่ำกล่าวแสดงถ้อยคำอันมีประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย แต่เป็นผู้ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม ละราคะ โทสะ และโมหะแล้ว มีความรู้ทั่วในธรรมโดยชอบ มีจิตหลุดพ้นด้วยดีแล้ว ไม่ถือมั่นในโลกนี้หรือในโลกหน้า คนนั้นย่อมเป็นได้คุณแห่งความเป็นสมณะ
**************************************************
คาถาธรรมบท ยมกวรรคที่ ๑ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต อาปัตติภยวรรคที่ ๕
ขอเชิญอ่านพระสูตรบทเต็มได้ที่
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=267&Z=1034
ขอเชิญอ่าน "เพลิงนรก ตาสวรรค์ ใต้ผืนไตรงามผู้ใดหยั่งรู้" ตั้งแต่ตอนที่ ๑ ได้ที่ http://toncoon.com/community/index.php?topic=2008.0
ขออนุโมทนาสามารถเผยแผ่เป็นธรรมทานได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
ขอสงวนสิทธิ์ในการจัดจำหน่าย
**************************************
ขอให้ทั้งหลายเจริญในธรรม มีธรรมเป็นที่ไป มีธรรมดำเนินไป มีธรรมนำทางไป
บุญกุศลทั้งหลายทั้งปวงขอจงถึงแก่ อ.พ่อพันธุม คีริวัติ คุณแม่เสาวลักษณ์ เที่ยงธรรม ตลอดถึงบิดามารดาครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ผู้ถูกเบียดเบียนของข้าพเจ้าและทุกท่านที่ศึกษาพระธรรมร่วมกัน ขอพวกเราทั้งหลายจงเจริญแต่กุศลปิดหนทางอบาย ได้เวียนว่ายเพียงในเฉพาะสุคติภูมิ ไม่พบเจอกับทุคติวินิบาตนรกอีกตลอดทุกภพทุกชาติตราบถึงวันแห่งพระนิพพานด้วยเทอญ