
คนเราเมื่อนำเงินไปลงทุนในทรัพย์สินอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่มุ่งหวังก็คือผลตอบแทนหรือผลกำไรที่จะได้คืนกลับมา และถ้าเป็นไปได้ทุกคนก็ย่อมอยากจะได้ผลตอบแทนหรือผลกำไรมาก ๆ หากมีช่องทางในการลงทุนใดที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ได้เยอะ ๆ ก็อยากเอาเงินไปลงทุนกัน
แต่กฎของการลงทุนอย่างที่เรารู้กันดีก็คือ ยิ่งอยากได้ผลตอบแทนมาก ก็จะยิ่งต้องเสี่ยงมาก เมื่อนึกถึงการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ๆ ทุกคนก็จะพุ่งเป้าไปที่การลงทุนในหุ้นที่เราเห็นตัวอย่างว่ามีคนธรรมดาที่กลายเป็นคนร่ำรวยขึ้นมาได้จากการลงทุนในหุ้น มีคนมาแชร์ประสบการณ์ว่าลงทุนไปหลักแสนได้ผลกำไรกลับมาเป็นล้าน ผลกำไรสูง 300-400% เงินลงทุนเพิ่มขึ้นหลายเท่าเป็นเด้ง ๆ หลายคนพอได้ยินได้ฟังแบบนี้แล้วก็ตาโต อยากจะฝากความหวังของชีวิตให้เงินงอกเงยกับการลงทุนในหุ้น จะได้ร่ำรวยกับเขาบ้าง เพราะครั้นจะค่อย ๆ เก็บเงินฝากธนาคารกินดอกเบี้ยบ้าง ซื้อตราสารหนี้บ้าง เงินลงทุนปลอดภัยก็จริง แต่ผลตอบแทนมันช่างน้อยนิด แล้วเมื่อไหร่จะมีเงินร่ำรวยกับเขาเสียที
เมื่อตัดสินใจจะฝากความหวังของชีวิตไว้กับการลงทุนในหุ้น ก็กลับพบว่ามีคนหลายคนที่ต้องสูญเสียเงินทองมากมายไปกับตลาดหุ้น เงินเป็นแสนเหลือแค่หลักพัน เงินเป็นล้านเหลือแค่หลักหมื่น ซื้อหุ้นผิดตัว ติดดอย หุ้นร่วงหนีตายไม่ทัน ถ้าจะขายตอนนี้ก็แทบไม่เหลืออะไรเลย ก็เลยต้องหันกลับมาคิดใหม่แทบไม่ทันว่าการลงทุนในหุ้นนั้น เราจะหวังเงินให้งอกเงยได้จริงหรือ หรือว่ามันจะเป็นแค่เพียงภาพลวงตาเท่านั้น
หุ้นคือโอกาส
เมื่อเราหันไปมองรอบ ๆ ว่ามีทางเลือกในการลงทุนอะไรที่เราจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง ๆ บ้าง ที่ต้องตัดทิ้งไปก่อนเลย ก็คือ เงินฝากธนาคาร ประกันชีวิตและตราสารหนี้ เพราะดอกเบี้ยต่ำเตี้ยที่เหลือก็มีทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ทำธุรกิจ แล้วก็หุ้นที่ดูพอจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูง ๆ ให้ได้ มาว่ากันที่ตลาดหุ้นซึ่งเป็นตลาดที่มีความผันผวนและความเสี่ยงอยู่ก็จริง แต่ความเสี่ยงนั่นแหละคือโอกาสของเรา ราคาของหุ้นที่มีขึ้นมีลงคือโอกาสในการเข้าทำกำไรของนักลงทุน นี่คือโอกาสที่ไม่มีในการลงทุนอื่น ๆ เช่น เงินฝากธนาคาร ซื้อประกันชีวิตหรือลงทุนในตราสารหนี้
หุ้นไม่ใช่การพนัน
ถ้ามองการลงทุนในหุ้นเป็นเหมือนการเล่นพนันแล้วล่ะก็ มันก็เหมือนเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะการพนันอาศัยแค่เพียงโชคชะตา ไม่ได้ใช้ความรู้ ฝีมือ เทคนิคหรือการวิเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าเรามองการซื้อหุ้นเหมือนการพนัน ก็ไม่ต่างจากเราซื้อล็อตเตอรี่หรือเล่นหวย ที่เราทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรามีโอกาสเสียอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเรามองการซื้อหุ้นว่าคือการลงทุน คือการฝากความหวังของเงินที่เก็บมาจากการทำงานหลายปีเพื่อหวังผลกำไรที่งอกเงย โดยไม่ต้องการสูญเสียเงินของเราไปแล้วล่ะก็ เราก็จะต้องศึกษาข้อมูลการลงทุนให้ดี ศึกษาให้รู้จักหุ้นตัวที่เราตัดสินใจจะลงทุนในเชิงลึก ตอบตัวเองให้ได้ว่าเพราะอะไรเราถึงเลือกซื้อหุ้นตัวนี้ มันมีดีที่ตรงไหน ถ้าตอบคำถามตัวเองยังไม่ได้ก็ยังไม่ควรที่จะลงทุนหรือซื้อหุ้นตัวไหนเลย
หุ้นคือจังหวะของชีวิต
บางคนพอเห็นมีคนได้กำไรหุ้นมาก ๆ ก็อยากจะได้ตาม ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่ ใครเขาซื้ออะไรก็ตามเขาไป ช่วงที่ตลาดหุ้นบูม ๆ มักมีคนหันมาลงทุนในหุ้นกันมาก โดยที่บางคนไม่ได้มองว่าตลาดหุ้นนั้นขึ้นมามากพอสมควรแล้ว และก็ไม่ได้มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นขึ้นต่อเหมือนอย่าง 1-2 ปีที่ผ่านมา พอเข้าไปซื้อจังหวะนั้นก็ติดดอยกันใหญ่ แล้วก็มานั่งเสียใจว่าซื้อหุ้นไม่เห็นจะเหมือนที่คิดไว้ มันเป็นแค่ภาพลวงตาชัด ๆ การลงทุนในหุ้นนั้นต้องดูจังหวะซื้อ จังหวะขายเหมือนกัน ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าจะซื้อตอนไหนก็ได้ แม้แต่กองทุนที่เป็นหุ้นก็ด้วย ยังต้องดูจังหวะเหมือนกัน ถ้าซื้อตอนแพงโอกาสได้ผลตอบแทนสูงก็ยาก
หุ้นคือการลงทุนในระยะยาว
นักลงทุนต่างพยายามเอาชนะตลาดหุ้นด้วยการหาจังหวะเข้าซื้อตอนราคาถูกที่สุดและขายตอนราคาแพงที่สุด ถ้าใครทำได้สำเร็จก็ดีแน่นอน แต่ของแบบนี้ใครจะคาดเดาได้ อาจมีคนทำสำเร็จ 1 ครั้งกับหุ้น 1 ตัว แต่มั่นใจว่าไม่มีใครทำแบบนี้สำเร็จได้ตลอด เราสามารถเอาชนะความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของการลงทุนในหุ้นได้ด้วยการลงทุนในระยะยาวเท่านั้น นอกจากการซื้อหุ้นในจังหวะที่ดีแล้ว เราจะต้องถือหุ้นในระยะที่ยาวพอสมควรด้วย ระยะยาวที่ว่าก็ต้องดูกันเป็นปีหรือหลาย ๆ ปี ไม่ใช่แค่เดือนหรือหลายเดือน การซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ นอกจากยากที่จะคาดเดาแล้ว โอกาสกำไรก็ยากด้วยเพราะกำไรยังต้องแบ่งไปจ่ายค่าคอมมิชชั่นทั้งขาซื้อขาขายอีก คนที่เห็นว่าตลาดหุ้นเป็นแค่เพียงภาพลวงตาก็เพราะเคยขาดทุน ไม่อดทนมากพอ อ่อนไหวไปกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น ๆ เท่านั้น
หุ้นเล่นยากขึ้น
มีคนวิเคราะห์กันว่าการลงทุนซื้อหุ้นในปัจจุบันนั้นมีโอกาสได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าในอดีต ด้วยเหตุผลหลายประการ นักลงทุนมีความรู้มากขึ้นและหันมาซื้อขายหุ้นกันมากขึ้น ข้อมูลต่าง ๆ มีการแชร์กันจึงไม่เกิดเป็นโอกาส เพราะทุกคนตัดสินใจเหมือน ๆ กัน ไม่ว่าจะซื้อหรือขายทำให้โอกาสซื้อขายได้กำไรมาก ๆ เหมือนในอดีตก็จะยากขึ้นด้วย
การลงทุนซื้อหุ้นจะเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่งอกเงยหรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาสำหรับใครนั้น ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองตั้งแต่แรกเริ่มว่าเราเห็นการลงทุนนี้เป็นอะไร ถ้าเราจริงจังกับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ลงทุนไป ศึกษาหาข้อมูลเชิงลึกเป็นอย่างดีกับทุกการตัดสินใจไม่ว่าจะซื้อหรือขาย ยิ่งยุคนี้ข้อมูลข่าวสารถึงกันหมดยิ่งต้องขยันต้องขวนขวาย ดูจังหวะการซื้อขายหุ้นให้ดีหรือทยอยซื้อ ถือหุ้นยาวพอและคอยติดตามข่าวสารข้อมูลของตลาดและหุ้นที่เราถืออยู่เสมอ ก็เชื่อมั่นได้ว่าการลงทุนในหุ้นจะไม่เพียงเป็นภาพลวงตาที่หลอกใครหลายคนว่าดี แต่ที่จริงแล้วไม่มีอะไรเลย แต่เป็นการลงทุนที่ให้ผลกำไรงอกเงยเป็นการลงทุนที่ฝากความหวังไว้ได้ และเป็นการลงทุนที่สร้างโอกาสให้เรามีความมั่นคงทางการเงินในชีวิตได้จริง
เครดิตบทความ Money Hub




ถึงวันนี้ผมจะยังไม่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น แต่ ผมก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ดูตลาด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยโอกาส และวิกฤต ความผิดจึงไม่ได้อยู่ที่ตลาด ความผิดพลาดต่างๆเกิดจากเรา ที่ยังดีไม่พอ ระวังไม่พอ จิตไม่นิ่งพอ และยังรู้เท่าทันไม่พอ ทุกสิ่งที่เคลื่อนไหว ถ้าเราหยุด คือเราล้าหลัง เลิกโทษตลาด และหันมาดูตัวเองให้มากๆ วันนึงเราจะชนะมากกว่าแพ้ครับ วันนี้ก็มีความสุข เพราะในอดีตเราพลาดมาเยอะ วันนี้รู้แล้ว ว่าพลาดเพราะอะไร และสัญญากับตัวเองว่า จะไม่พลาดดังเช่นอดีตที่ผ่านมา ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีความสุขครับ
ลงทุนในหุ้น หวังเงินงอกเงย ดีจริงหรือแค่ภาพลวงตา
แต่กฎของการลงทุนอย่างที่เรารู้กันดีก็คือ ยิ่งอยากได้ผลตอบแทนมาก ก็จะยิ่งต้องเสี่ยงมาก เมื่อนึกถึงการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง ๆ ทุกคนก็จะพุ่งเป้าไปที่การลงทุนในหุ้นที่เราเห็นตัวอย่างว่ามีคนธรรมดาที่กลายเป็นคนร่ำรวยขึ้นมาได้จากการลงทุนในหุ้น มีคนมาแชร์ประสบการณ์ว่าลงทุนไปหลักแสนได้ผลกำไรกลับมาเป็นล้าน ผลกำไรสูง 300-400% เงินลงทุนเพิ่มขึ้นหลายเท่าเป็นเด้ง ๆ หลายคนพอได้ยินได้ฟังแบบนี้แล้วก็ตาโต อยากจะฝากความหวังของชีวิตให้เงินงอกเงยกับการลงทุนในหุ้น จะได้ร่ำรวยกับเขาบ้าง เพราะครั้นจะค่อย ๆ เก็บเงินฝากธนาคารกินดอกเบี้ยบ้าง ซื้อตราสารหนี้บ้าง เงินลงทุนปลอดภัยก็จริง แต่ผลตอบแทนมันช่างน้อยนิด แล้วเมื่อไหร่จะมีเงินร่ำรวยกับเขาเสียที
เมื่อตัดสินใจจะฝากความหวังของชีวิตไว้กับการลงทุนในหุ้น ก็กลับพบว่ามีคนหลายคนที่ต้องสูญเสียเงินทองมากมายไปกับตลาดหุ้น เงินเป็นแสนเหลือแค่หลักพัน เงินเป็นล้านเหลือแค่หลักหมื่น ซื้อหุ้นผิดตัว ติดดอย หุ้นร่วงหนีตายไม่ทัน ถ้าจะขายตอนนี้ก็แทบไม่เหลืออะไรเลย ก็เลยต้องหันกลับมาคิดใหม่แทบไม่ทันว่าการลงทุนในหุ้นนั้น เราจะหวังเงินให้งอกเงยได้จริงหรือ หรือว่ามันจะเป็นแค่เพียงภาพลวงตาเท่านั้น
หุ้นคือโอกาส
เมื่อเราหันไปมองรอบ ๆ ว่ามีทางเลือกในการลงทุนอะไรที่เราจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง ๆ บ้าง ที่ต้องตัดทิ้งไปก่อนเลย ก็คือ เงินฝากธนาคาร ประกันชีวิตและตราสารหนี้ เพราะดอกเบี้ยต่ำเตี้ยที่เหลือก็มีทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ทำธุรกิจ แล้วก็หุ้นที่ดูพอจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูง ๆ ให้ได้ มาว่ากันที่ตลาดหุ้นซึ่งเป็นตลาดที่มีความผันผวนและความเสี่ยงอยู่ก็จริง แต่ความเสี่ยงนั่นแหละคือโอกาสของเรา ราคาของหุ้นที่มีขึ้นมีลงคือโอกาสในการเข้าทำกำไรของนักลงทุน นี่คือโอกาสที่ไม่มีในการลงทุนอื่น ๆ เช่น เงินฝากธนาคาร ซื้อประกันชีวิตหรือลงทุนในตราสารหนี้
หุ้นไม่ใช่การพนัน
ถ้ามองการลงทุนในหุ้นเป็นเหมือนการเล่นพนันแล้วล่ะก็ มันก็เหมือนเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะการพนันอาศัยแค่เพียงโชคชะตา ไม่ได้ใช้ความรู้ ฝีมือ เทคนิคหรือการวิเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าเรามองการซื้อหุ้นเหมือนการพนัน ก็ไม่ต่างจากเราซื้อล็อตเตอรี่หรือเล่นหวย ที่เราทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเรามีโอกาสเสียอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเรามองการซื้อหุ้นว่าคือการลงทุน คือการฝากความหวังของเงินที่เก็บมาจากการทำงานหลายปีเพื่อหวังผลกำไรที่งอกเงย โดยไม่ต้องการสูญเสียเงินของเราไปแล้วล่ะก็ เราก็จะต้องศึกษาข้อมูลการลงทุนให้ดี ศึกษาให้รู้จักหุ้นตัวที่เราตัดสินใจจะลงทุนในเชิงลึก ตอบตัวเองให้ได้ว่าเพราะอะไรเราถึงเลือกซื้อหุ้นตัวนี้ มันมีดีที่ตรงไหน ถ้าตอบคำถามตัวเองยังไม่ได้ก็ยังไม่ควรที่จะลงทุนหรือซื้อหุ้นตัวไหนเลย
หุ้นคือจังหวะของชีวิต
บางคนพอเห็นมีคนได้กำไรหุ้นมาก ๆ ก็อยากจะได้ตาม ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่ ใครเขาซื้ออะไรก็ตามเขาไป ช่วงที่ตลาดหุ้นบูม ๆ มักมีคนหันมาลงทุนในหุ้นกันมาก โดยที่บางคนไม่ได้มองว่าตลาดหุ้นนั้นขึ้นมามากพอสมควรแล้ว และก็ไม่ได้มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นขึ้นต่อเหมือนอย่าง 1-2 ปีที่ผ่านมา พอเข้าไปซื้อจังหวะนั้นก็ติดดอยกันใหญ่ แล้วก็มานั่งเสียใจว่าซื้อหุ้นไม่เห็นจะเหมือนที่คิดไว้ มันเป็นแค่ภาพลวงตาชัด ๆ การลงทุนในหุ้นนั้นต้องดูจังหวะซื้อ จังหวะขายเหมือนกัน ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มห้าจะซื้อตอนไหนก็ได้ แม้แต่กองทุนที่เป็นหุ้นก็ด้วย ยังต้องดูจังหวะเหมือนกัน ถ้าซื้อตอนแพงโอกาสได้ผลตอบแทนสูงก็ยาก
หุ้นคือการลงทุนในระยะยาว
นักลงทุนต่างพยายามเอาชนะตลาดหุ้นด้วยการหาจังหวะเข้าซื้อตอนราคาถูกที่สุดและขายตอนราคาแพงที่สุด ถ้าใครทำได้สำเร็จก็ดีแน่นอน แต่ของแบบนี้ใครจะคาดเดาได้ อาจมีคนทำสำเร็จ 1 ครั้งกับหุ้น 1 ตัว แต่มั่นใจว่าไม่มีใครทำแบบนี้สำเร็จได้ตลอด เราสามารถเอาชนะความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนของการลงทุนในหุ้นได้ด้วยการลงทุนในระยะยาวเท่านั้น นอกจากการซื้อหุ้นในจังหวะที่ดีแล้ว เราจะต้องถือหุ้นในระยะที่ยาวพอสมควรด้วย ระยะยาวที่ว่าก็ต้องดูกันเป็นปีหรือหลาย ๆ ปี ไม่ใช่แค่เดือนหรือหลายเดือน การซื้อขายหุ้นบ่อย ๆ นอกจากยากที่จะคาดเดาแล้ว โอกาสกำไรก็ยากด้วยเพราะกำไรยังต้องแบ่งไปจ่ายค่าคอมมิชชั่นทั้งขาซื้อขาขายอีก คนที่เห็นว่าตลาดหุ้นเป็นแค่เพียงภาพลวงตาก็เพราะเคยขาดทุน ไม่อดทนมากพอ อ่อนไหวไปกับความผันผวนของตลาดในระยะสั้น ๆ เท่านั้น
หุ้นเล่นยากขึ้น
มีคนวิเคราะห์กันว่าการลงทุนซื้อหุ้นในปัจจุบันนั้นมีโอกาสได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าในอดีต ด้วยเหตุผลหลายประการ นักลงทุนมีความรู้มากขึ้นและหันมาซื้อขายหุ้นกันมากขึ้น ข้อมูลต่าง ๆ มีการแชร์กันจึงไม่เกิดเป็นโอกาส เพราะทุกคนตัดสินใจเหมือน ๆ กัน ไม่ว่าจะซื้อหรือขายทำให้โอกาสซื้อขายได้กำไรมาก ๆ เหมือนในอดีตก็จะยากขึ้นด้วย
การลงทุนซื้อหุ้นจะเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่งอกเงยหรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตาสำหรับใครนั้น ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองตั้งแต่แรกเริ่มว่าเราเห็นการลงทุนนี้เป็นอะไร ถ้าเราจริงจังกับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ลงทุนไป ศึกษาหาข้อมูลเชิงลึกเป็นอย่างดีกับทุกการตัดสินใจไม่ว่าจะซื้อหรือขาย ยิ่งยุคนี้ข้อมูลข่าวสารถึงกันหมดยิ่งต้องขยันต้องขวนขวาย ดูจังหวะการซื้อขายหุ้นให้ดีหรือทยอยซื้อ ถือหุ้นยาวพอและคอยติดตามข่าวสารข้อมูลของตลาดและหุ้นที่เราถืออยู่เสมอ ก็เชื่อมั่นได้ว่าการลงทุนในหุ้นจะไม่เพียงเป็นภาพลวงตาที่หลอกใครหลายคนว่าดี แต่ที่จริงแล้วไม่มีอะไรเลย แต่เป็นการลงทุนที่ให้ผลกำไรงอกเงยเป็นการลงทุนที่ฝากความหวังไว้ได้ และเป็นการลงทุนที่สร้างโอกาสให้เรามีความมั่นคงทางการเงินในชีวิตได้จริง
เครดิตบทความ Money Hub
ถึงวันนี้ผมจะยังไม่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น แต่ ผมก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ดูตลาด ตลาดหุ้นเต็มไปด้วยโอกาส และวิกฤต ความผิดจึงไม่ได้อยู่ที่ตลาด ความผิดพลาดต่างๆเกิดจากเรา ที่ยังดีไม่พอ ระวังไม่พอ จิตไม่นิ่งพอ และยังรู้เท่าทันไม่พอ ทุกสิ่งที่เคลื่อนไหว ถ้าเราหยุด คือเราล้าหลัง เลิกโทษตลาด และหันมาดูตัวเองให้มากๆ วันนึงเราจะชนะมากกว่าแพ้ครับ วันนี้ก็มีความสุข เพราะในอดีตเราพลาดมาเยอะ วันนี้รู้แล้ว ว่าพลาดเพราะอะไร และสัญญากับตัวเองว่า จะไม่พลาดดังเช่นอดีตที่ผ่านมา ขอให้ทุกท่านโชคดีและมีความสุขครับ