บทเรียนจากถ้ำหลวง

กระทู้สนทนา
โลกของเด็กติดถ้ำ เป็นคนละโลกกับคนที่อยู่ข้างนอก..............

ภายในผนังถ้ำ สิบสามหมูป่าจำกัดการรับรู้อยู่แค่ภาพที่เห็น และความทรงจำแห่งอดีต  
จากรายการพิเศษเกาะติดเด็กหมูป่าที่ถ่ายทอดพร้อมกันทั่วประเทศ จะเห็นได้ว่า เด็กติดถ้ำ ยังคงค้างคาอยู่กับความรักที่มีต่อบุคคลในครอบครัว เพื่อน และครูที่โรงเรียน
ยังค้างอยู่กับความรู้สึกอยากผจญภัยตามวัยที่อดรีนาลีนกำลังพลุ่งพล่าน
รู้เท่าไม่ถึงการณ์กับมหันตภัยน้ำที่กำลังคืบคลานเข้ามา หวังอย่างเต็มเปี่ยมว่าตนจะได้ออกไปดำเนินชีวิตเช่นทุกวัน
เด็กๆมีความผูกพันกับเพื่อนๆและโค้ชในรูปแบบของความเป็นประชาธิปไตยมากกว่าการรับคำสั่ง ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นกับโค้ชคนเดียวอย่างที่คนข้างนอกเคยมโน พวกเขาทำงานเป็นทีม และเคารพซึ่งกันและกัน
แววเฉลียวฉลาดและความเป็นผู้นำฉายออกมาจากเด็กหลายคน ส่วนเด็กที่ตัวเล็กกว่า เขายังเป็นเพียงเด็กที่ใสซื่อ ได้รับการประคับประคองจากคนที่โตกว่าในครอบครัวติดถ้ำเล็กๆนี้
เมื่อมีพี่ใหญ่อย่างโค้ชเอกเป็นผู้นำ ทีมหมูป่าจึงมีส่วนผสมที่ลงตัว และสามารถรักษาชีวิตให้รอดได้ภายใต้สถานการณ์ที่ยากเกินมนุษย์ปกติจะทนทานไหว

แม้ความละเอียดอ่อนทางอารมณ์ฉายออกมาอย่างลึกซึ้งในความสัมพันธ์กับพี่ซีล
แต่เด็กหมูป่าแตกต่างจากผู้ใหญ่สี่คน คือหมอ และสามซีล อย่างตรงกันข้าม
ผู้ใหญ่สี่คนมาจากโลกนอกถ้ำที่กำลังโกลาหลแทบระเบิด
พวกเขาผ่านร้อนผ่านหนาว เป็นนักรบที่แข็งแกร่ง และตระหนักดีถึงภารกิจที่อาจต้องแลกด้วยชีวิต
แล้วก็ต้องมาแปลงร่างเป็นคุณพี่ เป็นคุณพ่อ เอาความละมุน อารมณ์ขัน มาปิดกลบความแข็งแกร่งและความกังวลที่อาจมี ถ้าเอาเด็กออกไปไม่ได้ ถ้าน้ำมาในพริบตา พวกเขานั่นแหละต้องตายไปพร้อมกับเด็ก พวกเขานั่นแหละที่ต้องพรากจากลูกๆของตัวเองที่บ้าน
แต่ทำไมจึงยอมแลก ก็มีแต่นักรบที่รู้  ............
ผู้ใหญ่สี่คนรู้เห็นความหวาดหวั่นของคนทั้งโลกถึงมหันตภัยที่ยากจะเอาชนะ
มันยากที่จะหวัง นักประดาน้ำต่างชาติถึงกับให้สัมภาษณ์ว่าเขาเคยคิดว่าโอกาสรอดของเด็กน้อยมาก มันห้าสิบห้าสิบ หรือถ้าเอาออกมาได้ บางทีอาจจะเอาออกมาเพียงร่างด้วยซ้ำ

การสัมภาษณ์เด็กๆผ่านรายการโทรทัศน์ให้ภาพโลกสองใบที่ขัดแย้งกันขนาดนี้ จะเห็นได้ชัดว่าพิธีกร ซึ่งคงจะต้องทำตามสคริปต์เชยๆที่เขาจัดให้ พยายามตรึงเด็กไว้ในสถานการณ์ในถ้ำที่เต็มไปด้วยความรื่นรมย์  ไม่ให้พูด ไม่ให้คิดถึงความยากลำบากและเจ็บปวดที่มันผ่านไปแล้ว  
แต่ทันทีที่รถเคลื่อนออกจากสถานที่ถ่ายทำ มันพาเด็กๆเคลื่อนไปสู่โลกของความเป็นจริง

คนในครอบครัว ครู เพื่อนที่โรงเรียน อาจพยายามหลีกเลี่ยงการพูดซักถาม
แต่จะทำได้แค่ไหนในเมื่อความอยากรู้อยากเห็นมันเป็นสัญชาติญาณของมนุษย์
ข้อสำคัญ เด็กๆทุกคนมีมือถือ
จากตรงนั้น การหมุนไปของโลกตลอดสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาจะไหลเข้าสู่การรับรู้เรื่องราวทั้งหมด ไม่มีสิ่งใดจะกั้นขวางได้
ณ เวลานี้ หมูป่าหลายคนก็เริ่มเปิดเฟสบุ๊กแล้ว
ผนังถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนได้เปิดออกแล้ว....................

นิยายเรื่องเด็กหมูป่ากับถ้ำหลวง จะเป็นเรื่องเล่าต่อเนื่องจากเรื่องเจ้านางกับคนเลี้ยงม้า
มันจะไม่ใช่เป็นแค่ข่าวที่สื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของผู้รับสาร ออกข่าวแล้วก็จบ พากันลืมๆไป
ไม่ใช่แค่เรื่องตื่นเต้นที่ชาวโลกออนไลน์แลกเปลี่ยนกันด้วยความเมามันแล้วจบ
แต่หลังจากนี้มันจะยังคงค้างอยู่บนอนุสาวรีย์จ่าแซม ภาพวาด การบอกต่อของชาวบ้าน พิพิธภัณฑ์ หนังสือ เพลง และกูเกิ้ล
มันนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของคนในชาติที่จะตามระลึกรู้ถึงวีรกรรมของชาวโลกในการรวมพลังต่อสู้กับธรรมชาติเพื่อรักษาชีวิตเด็กๆที่พวกเขาไม่เคยรู้จัก
มันเป็นบทพิสูจน์อีกกรณีหนึ่งถึงพลังแห่งการทำสมาธิ  
มันคืออนุสาวรีย์ของการต่อสู้กับภัยพิบัติอย่างมีสติ
มันคืออนุสาวรีย์ของการขยายความรักในตัวตน และความเห็นแก่ตัว ไปสู่ความรักในเพื่อนมนุษย์

มันจะดึงนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลมาจากทั่วโลก
ชีวิตของสิบสามหมูป่าจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
แต่ทำอย่างไรจะไม่ให้เปลี่ยนไปเพราะสินจ้างรางวัล และความทะเยอทะยานในเกียรติยศชื่อเสียง
และเปลี่ยนผู้คนที่ได้รับรู้เรื่องนี้ ให้ออกจากโลกแคบที่คิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตัว ไปสู่จักรวาลแห่งเมตตาธรรมและการเสียสละเพื่อผู้อื่น

นิทานเรื่องนี้สอนอะไรให้เรา?
เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องคิดเองหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่