ในทางสังคมวิทยา มนุษยวิทยา เรียกว่า ผลพวง
ในทางธรรมะ เรียกว่า วิบากกรรม
ทำไมใคร ๆ ก็อยากรู้เรื่องราว อยากรู้ใครพูดอะไร ใครคิดอะไร ใครเกี่ยวข้อง
นั่นเพราะความอยากรู้ว่า อะไรจริง อะไรเท็จ ใครโกหก ใครพูดจริง
อยากรู้เรื่องชาวบ้านไหม แน่นอน เพราะนี่คือพฤติกรรมพื้นฐานธรรมชาติของมนุษย์
รู้แล้วก็นินทากันไป วิจารณ์กันไป
แต่บางเรื่อง บางกรณี มันเกินคำว่าอยากรู้ว่าเรื่องราวไปไงมาไง
ไปสู่การอยากค้นหาความจริง
หากไม่มีพฤติกรรมสร้างเรื่อง สมรู้ร่วมคิด เรื่องราวก็ไม่มีอะไรน่าสนใจกว่าการอยากรู้เรื่องชาวบ้านธรรมดา ๆ
แต่เมื่อมีพฤติกรรมสร้างเรื่อง อวตาร สมรู้ร่วมคิด ความอยากรู้เรื่องก็มีมากกว่าอยากรู้เรื่อง
คืออยากรู้ว่า มีการสมรู้ร่วมคิดกันไหม แค่ไหน อย่างไร มีการสร้างเรื่องอะไรไหม ใครอวตารเป็นใคร
เพื่อค้นหาความจริง เพื่อตรวจสอบความเท็จ เพราะอยากรู้ว่าใครโกหกอะไรบ้าง
นี่แหละ ที่เรียกว่า ผลพวง
ที่สำคัญสุด ใคร คือผู้นำเรื่องราวออกมาสู่สาธารณะ
เมื่อนำออกมาแล้ว ยากที่จะบอกให้คนอื่นเลิกราความสนใจใคร่รู้ และค้นหาความจริงของเรื่องราว
หากนำออกมาเอง จะโทษใครได้
กระตุ้นสังคมไปแล้ว สะกิดต่อมความอยากของมนุษย์ไปแล้ว มีประเด็นให้ยิ่งอยากรู้เรื่องอะไรจริงอะไรเท็จไปแล้ว
ก็ได้แต่รอรับผลพวง
ส่วนหล่ออย่างผม แอบดีใจเงียบ ๆ
ไม่ใช่เพราะใครว่าอะไรใคร ใครแฉใคร ใครทะเลาะกับใคร ใครวิพากษ์วิจารณ์ใคร
แต่เพราะ อย่างน้อย หากสังคมไม่ลืมความขัดแย้งของผมกับหลาย ๆ คน
สังคมน่าจะพอทราบว่า การกระทำของผมอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ไม่ใช่การสร้างเรื่องกล่าวหาใส่ร้ายใคร
และอย่างน้อย สังคมจะพิจารณาได้ว่า มีอะไรบ้างอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์และเรื่องราวทั้งหมด
ขณะที่ผมโดนกล่าวหาว่ารับงานรับเงิน มีคนหนุนหลัง มีทีม แต่ความจริงตรงกันข้ามเลย
ตั้งแต่แชทหลุดจนถึงคลิปเปิด
คนโดนหลอก ถึงวันนี้ผมก็ยังเชื่อว่า โงหัวไม่ขึ้นอย่างเดิม เพราะอคติมันทับหนัก
แต่สำหรับคนกลาง ๆ ที่พิจารณาเรื่องราวอย่างมีโยนิโสมนสิการ น่าจะมองเห็นว่าอะไรเป็นอะไร
ผมก็เลยยืดหล่อได้
ทู้นี้หล่อแต่เช้าครับ
ก็คนมันหล่อ
นี่แหละครับ ที่เขาเรียกว่า "ผลพวง" ...................................... โดย ตระกองขวัญ
ในทางธรรมะ เรียกว่า วิบากกรรม
ทำไมใคร ๆ ก็อยากรู้เรื่องราว อยากรู้ใครพูดอะไร ใครคิดอะไร ใครเกี่ยวข้อง
นั่นเพราะความอยากรู้ว่า อะไรจริง อะไรเท็จ ใครโกหก ใครพูดจริง
อยากรู้เรื่องชาวบ้านไหม แน่นอน เพราะนี่คือพฤติกรรมพื้นฐานธรรมชาติของมนุษย์
รู้แล้วก็นินทากันไป วิจารณ์กันไป
แต่บางเรื่อง บางกรณี มันเกินคำว่าอยากรู้ว่าเรื่องราวไปไงมาไง
ไปสู่การอยากค้นหาความจริง
หากไม่มีพฤติกรรมสร้างเรื่อง สมรู้ร่วมคิด เรื่องราวก็ไม่มีอะไรน่าสนใจกว่าการอยากรู้เรื่องชาวบ้านธรรมดา ๆ
แต่เมื่อมีพฤติกรรมสร้างเรื่อง อวตาร สมรู้ร่วมคิด ความอยากรู้เรื่องก็มีมากกว่าอยากรู้เรื่อง
คืออยากรู้ว่า มีการสมรู้ร่วมคิดกันไหม แค่ไหน อย่างไร มีการสร้างเรื่องอะไรไหม ใครอวตารเป็นใคร
เพื่อค้นหาความจริง เพื่อตรวจสอบความเท็จ เพราะอยากรู้ว่าใครโกหกอะไรบ้าง
นี่แหละ ที่เรียกว่า ผลพวง
ที่สำคัญสุด ใคร คือผู้นำเรื่องราวออกมาสู่สาธารณะ
เมื่อนำออกมาแล้ว ยากที่จะบอกให้คนอื่นเลิกราความสนใจใคร่รู้ และค้นหาความจริงของเรื่องราว
หากนำออกมาเอง จะโทษใครได้
กระตุ้นสังคมไปแล้ว สะกิดต่อมความอยากของมนุษย์ไปแล้ว มีประเด็นให้ยิ่งอยากรู้เรื่องอะไรจริงอะไรเท็จไปแล้ว
ก็ได้แต่รอรับผลพวง
ส่วนหล่ออย่างผม แอบดีใจเงียบ ๆ
ไม่ใช่เพราะใครว่าอะไรใคร ใครแฉใคร ใครทะเลาะกับใคร ใครวิพากษ์วิจารณ์ใคร
แต่เพราะ อย่างน้อย หากสังคมไม่ลืมความขัดแย้งของผมกับหลาย ๆ คน
สังคมน่าจะพอทราบว่า การกระทำของผมอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ไม่ใช่การสร้างเรื่องกล่าวหาใส่ร้ายใคร
และอย่างน้อย สังคมจะพิจารณาได้ว่า มีอะไรบ้างอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์และเรื่องราวทั้งหมด
ขณะที่ผมโดนกล่าวหาว่ารับงานรับเงิน มีคนหนุนหลัง มีทีม แต่ความจริงตรงกันข้ามเลย
ตั้งแต่แชทหลุดจนถึงคลิปเปิด
คนโดนหลอก ถึงวันนี้ผมก็ยังเชื่อว่า โงหัวไม่ขึ้นอย่างเดิม เพราะอคติมันทับหนัก
แต่สำหรับคนกลาง ๆ ที่พิจารณาเรื่องราวอย่างมีโยนิโสมนสิการ น่าจะมองเห็นว่าอะไรเป็นอะไร
ผมก็เลยยืดหล่อได้
ทู้นี้หล่อแต่เช้าครับ
ก็คนมันหล่อ