อุทยานแห่งชาติที่มักไม่ค่อยมีคนพูดถึง หรือว่าเราไม่เคยได้ยินคนส่วนมากพูดถึง
อุทยานแห่งชาติที่ไกลจากเมืองหลวง แต่สามารถไปได้ด้วยรถไฟตู้นอน โดยใช้เวลาแค่ 2 วันกับอีก 1 คืน
อุทยานแห่งชาติที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งประวัติศาสตร์และความเงียบสงบในเวลาเดียวกัน
เดินทางท่องเที่ยวไปกับพวกเรากันครับ กับอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
ทริปนี้เริ่มต้นมาจากกลุ่มเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาลัย นัดรวมกลุ่มเท่าที่จะหาได้แล้วจัดทริปง่ายๆแต่ไม่ง่อยขึ้นมา
โดยคุยกันว่า “วันลากูหมดแล้ว ขอเป็นออกคืนวันศุกร์ แล้วกลับให้ถึงกรุงเทพเช้าวันจันทร์ละกัน” และทริปนี้ก็ได้บังเกิดขึ้นมา!!
ทำไมต้องเป็นอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ??
เรื่องของเรื่องคืออยากนั่งรถไฟ(จริงๆคือนอนรถไฟ) ไปซักที่ และก็หาข้อมูลพบว่าอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
รถไฟผ่านอุโมงค์ขุนตาลไปแล้วถึงเลย ไม่ต้องนั่งรถหลายต่อ เหมาะกับทริปของเราที่มีเวลาค่อนข้างจำกัดมากๆ ก็ตกลงกันจองรถไฟเสร็จสรรพ
คืนวันศุกร์
รถไฟ!!
ต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่คนต้นคิดที่จะไปทริปนี้ ตอนนั้นเพื่อนชวนก็ตกลงปลงใจเพราะอยากลองนั่งรถไฟตู้ใหม่ที่นั่งไปลงเชียงใหม่ทำนองนี้แหละ แต่พอขึ้นไปปุ้ป!! อ้าวเห้ย ก็เป็นคันเก่านี่หว่า (จริงๆคือทุกคนรู้กันแล้วว่าเป็นคันเก่าเพราะว่ารอบที่พวกเราไปเป็นรอบสี่ทุ่ม ซึ่งรถไฟขบวนใหม่ไม่มีรอบนี้) มาถามเพื่อนคนที่จองตั๋ว สรุปว่าเป็นรถไฟตู้นอนปรับอากาศชั้น 2 ครับ ส่วนราคาก็ประมาณ 750 บาทต่อเที่ยว

ตอนไปถึงพนักงานทำการเตรียมที่นอนไว้หมดแล้ว พวกเราก็จัดแจงกันให้เพื่อนผู้หญิงนอนด้านบน ส่วนผู้ชายก็นอนด้านล่างครับ ทีนี้ความกังวลแรกก็บังเกิด!! ด้วยความสูงของผมราวๆ 182 CM คิดว่าจะนอนไม่สบายแน่ๆ ขาติดแน่ๆ พลาดแล้วกู แต่เห้ย! พอลองนอนดูเท่านั้นแหละ ขายาวๆนี้เตียงเค้าเก็บได้หมดเลย นอนสบายมากไม่ต้องงอขาเลยครับ

ซักพักก็มีพนักงานเอาเมนูอาหารเช้ามานำเสนอ ด้วยความที่อ่ะ! นานๆมานั่งทีก็อยากลองกินอาหารเช้าบนรถไฟบ้าง ซึ่งอาหารเค้าก็ตามรูปเลยครับ ไม่ได้แย่ ส่วนราคาชุดนี้ก็ 190 บาท

เช้าวันเสาร์
พวกเราออกจากสถานีรถหัวลำโพงตอน 22.00 น.ในคืนวันศุกร์ ถึงสถานีดอยขุนตาลประมาณ 11.30 น.ของวันเสาร์ อย่างที่เกริ่นไว้ตอนแรกครับ ทางขึ้นอุทยานแห่งชาติก็จะอยู่ตรงที่รถไฟจอดบริเวณหน้าอุโมงค์ขุนตาลเลย ซึ่งเรามีวิธีไปอุทยาน 2 แบบนะครับ คือไปกับรถรับจ้าง หรือว่าจะเดินขึ้นไปก็ได้ และแน่นอนในทริปนี้พวกเราเลือกที่จะเดินครับ นั่งรถขึ้นเดี๋ยวไม่คูล!

ระยะทางการเดินจากสถานีรถไฟไปที่ทำการอุทยานก็ราวๆ 1.2 km ครับ ในทริปนี้เราจะเป็นการเดินไปเม้าท์มอยไป ตามประสาคนไม่เจอกันนาน ไม่เน้นถึงไว ถึงช้าๆ แต่ถึงชัวร์ๆครับ ทำให้ในรีวิวนี้ผมก็เลยจะไม่ค่อยพูดถึงระยะเวลาในการเดินซักเท่าไหร่ เพราะว่าเราเดินไปพักไปจริงๆครับ ช้ามาก ก ไก่สิบเอ็ดตัว ก็เลยจะเอาเวลาของพวกเราไปอ้างอิงไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ฮ่าฮ่า

ระหว่างทางก็แวะพักถ่ายรูปกันคูลๆ

ที่ทำการอุทยาน!
บริเวณอุทยานก็จะเสียค่าเข้าคนละ 20 บาท สิ่งที่เรามองหาและตั้งตาคอยตั้งแต่ลงรถไฟไม่ใช่วิวหรือที่พักครับ แต่คือร้านอาหาร!! ทุกคนมีอาการหิวโหยเหมือนโดนป่าสูบความอุดมสมบูรณ์ในท้องตลอดระยะทางที่เดินมา บ่นกันตลอดทางว่าโคตรหิวๆๆๆ จังหวะนี้ไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าข้าวกระเพราไข่ดาวร้อนๆซักจาน เป๊ปซี่หรือโค้กเย็นๆซักกระป๋องอีกต่อไปแล้ว โดยบริเวณอุทยานจะมีแค่ร้านเดียวนะครับ หากใครจะขึ้นไปกางเต็นท์ด้านบนจะต้อง
เตรียมอาหารไปทำกันเอง บริเวณลานกางเต็นท์จะมีน้ำประปาเย็นๆเดินท่อ PVC ขึ้นไปเตรียมไว้ให้ครับ
เมื่อถึงอุทยานแล้วจะมีจุดเหมือนกับเป็นจุด Check in ของเกือบทุกคนที่มาที่นี่ก็ว่าได้ จุดๆนี้จะเป็นเหมือนเส้นแบ่งระหว่างเขตลำปางกับลำพูนตามรูปเลยครับ ใครมาถึงแล้วไม่ถ่ายถือว่าพลาดครับ (ผมคนนึงล่ะที่พลาด)

กินอิ่มมีแรงแล้วพร้อมลุยต่อได้!!

ปอลิง!

ทำความเข้าใจกันซักนิดนึง!
เอาแบบเข้าใจง่ายๆเลย บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลนี้จะแบ่งเป็นทั้งหมด 4 ย. ครับ ( ย. ย่อมาจากจุดยุทธศาสตร์เก่า) ต่อไปขอเขียนว่า YAW นะครับดูอ่านง่ายกว่า พวกเราตั้งใจกันว่าวันนี้จะไปกางเต็นท์นอนพักที่ลานกางเต็นท์สวนสนบริเวณ YAW 2 นะครับ จากที่ทำการอุทยานไปแต่ละ YAW ระยะทางก็จะประมาณนี้นะครับ
YAW 1 ไป YAW 2 ระยะทางประมาณ 1 KM
YAW 2 ไป YAW 3 ระยะทางประมาณ 3 KM
YAW 3 ไป YAW 4 ระยะทางประมาณ 1 KM
เราค่อยๆเดินต้วมเตี่ยมกันไปกว่าจะถึง YAW 2 ก็ประมาณสี่โมงเย็น ก็พบว่ามีพี่ๆอยู่ 2 กลุ่มมากางเต็นท์ก่อนหน้าเราอยู่แล้ว อ่อ! ระหว่างทางเราเจอน้องที่หอบเป้ใบใหญ่มาจากกรุงเทพเหมือนเรา ก็เลยชวนมาพักด้วยกันใกล้ๆบริเวณจุดกางเต๊นท์สวนสน YAW 2 นี่แหละครับ

เย็นวันนั้นพวกเราทำอาหารกินกัน ต่างคนต่างงัดเมนูที่ตัวเองแสนจะภูมิใจนำเสนอ แต่สุดท้ายเมนูที่อร่อยที่สุดก็เป็นยำปลากระป๋อง ฮ่าฮ่า จากนั้นแยกย้ายกันอาบน้ำแล้วจับกลุ่มสุมไฟ พยายามที่จะนั่งอัพเดทชีวิตของกันและกัน แต่ด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวันบวกกับพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเดินขึ้นไป YAW 4 อีก ทำให้เราอัพเดทชีวิตกันได้ไม่นาน ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับเต๊นท์นอน
เช้าวันอาทิตย์
เราตื่นกันตอน 03.30 น. ตื่นมาเอาน้ำลูบหน้า แปรงฟันไม่ต้องถามถึง ทำการเก็บของที่จำเป็นเสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อ ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นจากยอดชุมวิวสูงสุดบริเวณ YAW 4 กัน ระหว่างทางมืดมาก อย่าลืมพกไฟฉายมากันด้วยนะครับ อันนี้จำเป็นมาก!!
ถึงแม้เราจะออกกันค่อนข้างเช้า แต่ด้วยความเป็นกลุ่มเรา ก็ยังคงเดินคอนเซ็ปต์เดิมครับ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงถึงบริเวณจุดชมวิว YAW 4 ทันแสงเช้าในช่วงสุดท้ายพอดิบพอดี เลยได้เก็บภาพบรรยากาศทะเลหมอกเบาๆกับแสงเช้าแรกของวันอาทิตย์มาให้ดูกันครับ



หลังจากหมดแสงเช้าเราก็ลงจาก YAW 4 มาเก็บของและทำธุระส่วนตัวกันต่อ เพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพกันเลยครับ
อ่อ! ลืมบอกไปครับ บริเวณ YAW 2 มีห้องน้ำและมีน้ำประปา(อันแสนหนาวเหน็บ)ไว้คอยบริการด้วยนะครับ
พวกเราเริ่มลงมาจาก YAW 2 ประมาณ 10.30 น.ถึงที่ทำการอุทยานประมาณเที่ยงพอดีครับ จากนั้นก็แยกย้ายอาบน้ำ กินข้าว โชคดีมีพี่ๆกลุ่มนึงขับรถกระบะจะมาซื้อของที่สถานีขุนตาลด้านล่างพอดี พวกเราก็เลยขอติดรถลงมาบริเวณสถานีรถไฟขุนตาลด้วย สบายเลย!




สำหรับขากลับเราก็จะนอนรถไฟกลับเหมือนเดิมครับ รอบขากลับประมาณ 19.00 น. ก็ถึงเช้าที่หัวลำโพงตามแผน 2 วัน 1 คืนพอดีเป๊ะๆ กลับมาทำงานที่เรารักในเช้าวันจันทร์ได้อย่างกระปรี้กระเปร่ามากๆ(เหรอ)

ความยากง่ายในการเดินป่าของทริปนี้ ขอให้คะแนนในฐานะของมนุษย์ออฟฟิตที่นอกจากแบกเป้แล้วยังแบกพุงน้อยๆมาด้วยเนี่ยเอาไป 6 กะโหลกเต็ม 10 เลยครับ ถ้าเป็นคนฟิตๆแล้วเดินป่าบ่อยๆ ผมว่าที่นี่ก็คงง่ายไปเลยแหละ
ที่ไม่เล่าไม่ได้!! เจอมากับตัวทุกคน!!
ในทริปนี้เรามีหมาน้อยนำทางด้วยนะครับ เป็นหมาที่แข็งแรงมากๆ ลีนมากๆกล้ามเป็นมัดๆ จะคอยนำหน้าเราไม่ว่าเราจะเดินไปไหน สำหรับพวกเราถือว่าเป็นอะไรที่น่าประทับใจและเป็น Signature อย่างนึงของที่นี่เลยก็ว่าได้ครับ

สุดท้ายขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะครับ หวังว่าข้อมูลของพวกเราจะเป็นอีกแหล่งข้อมูลเล็กๆให้เพื่อนๆได้เก็บไว้ไปต่อยอดกันนะครับ กราบบ!!
[CR] ทริปคูลๆกับ 2 วัน 1 คืนที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล (แบบไม่ต้องลางาน)
ทริปนี้เริ่มต้นมาจากกลุ่มเพื่อนเก่าสมัยเรียนมหาลัย นัดรวมกลุ่มเท่าที่จะหาได้แล้วจัดทริปง่ายๆแต่ไม่ง่อยขึ้นมา
โดยคุยกันว่า “วันลากูหมดแล้ว ขอเป็นออกคืนวันศุกร์ แล้วกลับให้ถึงกรุงเทพเช้าวันจันทร์ละกัน” และทริปนี้ก็ได้บังเกิดขึ้นมา!!
ทำไมต้องเป็นอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ??
เรื่องของเรื่องคืออยากนั่งรถไฟ(จริงๆคือนอนรถไฟ) ไปซักที่ และก็หาข้อมูลพบว่าอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล
รถไฟผ่านอุโมงค์ขุนตาลไปแล้วถึงเลย ไม่ต้องนั่งรถหลายต่อ เหมาะกับทริปของเราที่มีเวลาค่อนข้างจำกัดมากๆ ก็ตกลงกันจองรถไฟเสร็จสรรพ
คืนวันศุกร์
รถไฟ!!
ต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่คนต้นคิดที่จะไปทริปนี้ ตอนนั้นเพื่อนชวนก็ตกลงปลงใจเพราะอยากลองนั่งรถไฟตู้ใหม่ที่นั่งไปลงเชียงใหม่ทำนองนี้แหละ แต่พอขึ้นไปปุ้ป!! อ้าวเห้ย ก็เป็นคันเก่านี่หว่า (จริงๆคือทุกคนรู้กันแล้วว่าเป็นคันเก่าเพราะว่ารอบที่พวกเราไปเป็นรอบสี่ทุ่ม ซึ่งรถไฟขบวนใหม่ไม่มีรอบนี้) มาถามเพื่อนคนที่จองตั๋ว สรุปว่าเป็นรถไฟตู้นอนปรับอากาศชั้น 2 ครับ ส่วนราคาก็ประมาณ 750 บาทต่อเที่ยว
เช้าวันเสาร์
พวกเราออกจากสถานีรถหัวลำโพงตอน 22.00 น.ในคืนวันศุกร์ ถึงสถานีดอยขุนตาลประมาณ 11.30 น.ของวันเสาร์ อย่างที่เกริ่นไว้ตอนแรกครับ ทางขึ้นอุทยานแห่งชาติก็จะอยู่ตรงที่รถไฟจอดบริเวณหน้าอุโมงค์ขุนตาลเลย ซึ่งเรามีวิธีไปอุทยาน 2 แบบนะครับ คือไปกับรถรับจ้าง หรือว่าจะเดินขึ้นไปก็ได้ และแน่นอนในทริปนี้พวกเราเลือกที่จะเดินครับ นั่งรถขึ้นเดี๋ยวไม่คูล!
ระยะทางการเดินจากสถานีรถไฟไปที่ทำการอุทยานก็ราวๆ 1.2 km ครับ ในทริปนี้เราจะเป็นการเดินไปเม้าท์มอยไป ตามประสาคนไม่เจอกันนาน ไม่เน้นถึงไว ถึงช้าๆ แต่ถึงชัวร์ๆครับ ทำให้ในรีวิวนี้ผมก็เลยจะไม่ค่อยพูดถึงระยะเวลาในการเดินซักเท่าไหร่ เพราะว่าเราเดินไปพักไปจริงๆครับ ช้ามาก ก ไก่สิบเอ็ดตัว ก็เลยจะเอาเวลาของพวกเราไปอ้างอิงไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ฮ่าฮ่า
ระหว่างทางก็แวะพักถ่ายรูปกันคูลๆ
ที่ทำการอุทยาน!
บริเวณอุทยานก็จะเสียค่าเข้าคนละ 20 บาท สิ่งที่เรามองหาและตั้งตาคอยตั้งแต่ลงรถไฟไม่ใช่วิวหรือที่พักครับ แต่คือร้านอาหาร!! ทุกคนมีอาการหิวโหยเหมือนโดนป่าสูบความอุดมสมบูรณ์ในท้องตลอดระยะทางที่เดินมา บ่นกันตลอดทางว่าโคตรหิวๆๆๆ จังหวะนี้ไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าข้าวกระเพราไข่ดาวร้อนๆซักจาน เป๊ปซี่หรือโค้กเย็นๆซักกระป๋องอีกต่อไปแล้ว โดยบริเวณอุทยานจะมีแค่ร้านเดียวนะครับ หากใครจะขึ้นไปกางเต็นท์ด้านบนจะต้อง
เตรียมอาหารไปทำกันเอง บริเวณลานกางเต็นท์จะมีน้ำประปาเย็นๆเดินท่อ PVC ขึ้นไปเตรียมไว้ให้ครับ
เมื่อถึงอุทยานแล้วจะมีจุดเหมือนกับเป็นจุด Check in ของเกือบทุกคนที่มาที่นี่ก็ว่าได้ จุดๆนี้จะเป็นเหมือนเส้นแบ่งระหว่างเขตลำปางกับลำพูนตามรูปเลยครับ ใครมาถึงแล้วไม่ถ่ายถือว่าพลาดครับ (ผมคนนึงล่ะที่พลาด)
กินอิ่มมีแรงแล้วพร้อมลุยต่อได้!!
ปอลิง!
ทำความเข้าใจกันซักนิดนึง!
เอาแบบเข้าใจง่ายๆเลย บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาลนี้จะแบ่งเป็นทั้งหมด 4 ย. ครับ ( ย. ย่อมาจากจุดยุทธศาสตร์เก่า) ต่อไปขอเขียนว่า YAW นะครับดูอ่านง่ายกว่า พวกเราตั้งใจกันว่าวันนี้จะไปกางเต็นท์นอนพักที่ลานกางเต็นท์สวนสนบริเวณ YAW 2 นะครับ จากที่ทำการอุทยานไปแต่ละ YAW ระยะทางก็จะประมาณนี้นะครับ
YAW 1 ไป YAW 2 ระยะทางประมาณ 1 KM
YAW 2 ไป YAW 3 ระยะทางประมาณ 3 KM
YAW 3 ไป YAW 4 ระยะทางประมาณ 1 KM
เราค่อยๆเดินต้วมเตี่ยมกันไปกว่าจะถึง YAW 2 ก็ประมาณสี่โมงเย็น ก็พบว่ามีพี่ๆอยู่ 2 กลุ่มมากางเต็นท์ก่อนหน้าเราอยู่แล้ว อ่อ! ระหว่างทางเราเจอน้องที่หอบเป้ใบใหญ่มาจากกรุงเทพเหมือนเรา ก็เลยชวนมาพักด้วยกันใกล้ๆบริเวณจุดกางเต๊นท์สวนสน YAW 2 นี่แหละครับ
เย็นวันนั้นพวกเราทำอาหารกินกัน ต่างคนต่างงัดเมนูที่ตัวเองแสนจะภูมิใจนำเสนอ แต่สุดท้ายเมนูที่อร่อยที่สุดก็เป็นยำปลากระป๋อง ฮ่าฮ่า จากนั้นแยกย้ายกันอาบน้ำแล้วจับกลุ่มสุมไฟ พยายามที่จะนั่งอัพเดทชีวิตของกันและกัน แต่ด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวันบวกกับพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อเดินขึ้นไป YAW 4 อีก ทำให้เราอัพเดทชีวิตกันได้ไม่นาน ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับเต๊นท์นอน
เช้าวันอาทิตย์
เราตื่นกันตอน 03.30 น. ตื่นมาเอาน้ำลูบหน้า แปรงฟันไม่ต้องถามถึง ทำการเก็บของที่จำเป็นเสร็จแล้วก็ออกเดินทางต่อ ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นจากยอดชุมวิวสูงสุดบริเวณ YAW 4 กัน ระหว่างทางมืดมาก อย่าลืมพกไฟฉายมากันด้วยนะครับ อันนี้จำเป็นมาก!!
ถึงแม้เราจะออกกันค่อนข้างเช้า แต่ด้วยความเป็นกลุ่มเรา ก็ยังคงเดินคอนเซ็ปต์เดิมครับ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงถึงบริเวณจุดชมวิว YAW 4 ทันแสงเช้าในช่วงสุดท้ายพอดิบพอดี เลยได้เก็บภาพบรรยากาศทะเลหมอกเบาๆกับแสงเช้าแรกของวันอาทิตย์มาให้ดูกันครับ
หลังจากหมดแสงเช้าเราก็ลงจาก YAW 4 มาเก็บของและทำธุระส่วนตัวกันต่อ เพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพกันเลยครับ
อ่อ! ลืมบอกไปครับ บริเวณ YAW 2 มีห้องน้ำและมีน้ำประปา(อันแสนหนาวเหน็บ)ไว้คอยบริการด้วยนะครับ
พวกเราเริ่มลงมาจาก YAW 2 ประมาณ 10.30 น.ถึงที่ทำการอุทยานประมาณเที่ยงพอดีครับ จากนั้นก็แยกย้ายอาบน้ำ กินข้าว โชคดีมีพี่ๆกลุ่มนึงขับรถกระบะจะมาซื้อของที่สถานีขุนตาลด้านล่างพอดี พวกเราก็เลยขอติดรถลงมาบริเวณสถานีรถไฟขุนตาลด้วย สบายเลย!
สำหรับขากลับเราก็จะนอนรถไฟกลับเหมือนเดิมครับ รอบขากลับประมาณ 19.00 น. ก็ถึงเช้าที่หัวลำโพงตามแผน 2 วัน 1 คืนพอดีเป๊ะๆ กลับมาทำงานที่เรารักในเช้าวันจันทร์ได้อย่างกระปรี้กระเปร่ามากๆ(เหรอ)
ความยากง่ายในการเดินป่าของทริปนี้ ขอให้คะแนนในฐานะของมนุษย์ออฟฟิตที่นอกจากแบกเป้แล้วยังแบกพุงน้อยๆมาด้วยเนี่ยเอาไป 6 กะโหลกเต็ม 10 เลยครับ ถ้าเป็นคนฟิตๆแล้วเดินป่าบ่อยๆ ผมว่าที่นี่ก็คงง่ายไปเลยแหละ
ที่ไม่เล่าไม่ได้!! เจอมากับตัวทุกคน!!
ในทริปนี้เรามีหมาน้อยนำทางด้วยนะครับ เป็นหมาที่แข็งแรงมากๆ ลีนมากๆกล้ามเป็นมัดๆ จะคอยนำหน้าเราไม่ว่าเราจะเดินไปไหน สำหรับพวกเราถือว่าเป็นอะไรที่น่าประทับใจและเป็น Signature อย่างนึงของที่นี่เลยก็ว่าได้ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น