#สรุปว่า ไม่ได้ต้านหรอ ??? แต่ขอให้ธุรกิจรายย่อย และประชาชนได้ประโยชน์
ุ• ธุรกิจรายย่อยที่ไหนจะสามารถมีเงินลงทุน หรือหาแหล่งเงินกู้ในการก่อสร้างจำนวนกว่า 2.2 แสนล้านบาทได้
ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก โครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ถนน ระบบขนส่งทางราง/ทางน้ำ โรงพยาบาลหรือโรงเรียน รัฐบาลจะเป็นผู้สนับสนุน หรือลงทุนเองเพื่อให้บริการกับประชาชนในประเทศ แต่ในประเทศไทยโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เหล่านี้กลับถูกต่อต้านจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเสียผลประโยชน์ทางตรง หรือทางอ้อม จนทำให้โครงการต่างๆ ในประเทศไทยมักจะล่าช้า หรือหยุดชะงักไปในที่สุด
• ประชาชนจะได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน เพราะเป็นสิ่งสนองความต้องการของประชาชน เช่น ถนนเพื่อให้สามารถขนส่ง หรือเดินทางได้สะดวกขึ้น หรือทางด้านเศรษฐกิจที่ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น ซึ่งผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอาจจะไม่ได้รับทางตรง แต่ก็จะได้รับโดยอ้อมอย่างแน่นอน
• การรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่ควรที่จะลงทุนเองเป็นอย่างยิ่ง เพราะแค่รถไฟในระบบรางเดิม ก็ยังต้องให้รัฐบาลช่วยอุ้มอยู่เลย แล้วรถไฟความเร็วสูงจะทำได้อย่างไร เมื่อประเทศไทยเรายังไม่มีใครเคยศึกษาในระบบนี้มาก่อนเลย ยังไงก็ควรที่จะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจากยุโรป หรือเอเซียไม่ว่าจะของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือจีนก็ตาม ซึ่งประเทศเหล่านี้มีความรู้ และเทคโนโลยีที่พร้อมจะถ่ายทอดความรู้มาให้ ถึงตอนนั้นประเทศไทยเราจะตั้งบริษัทลูก ขึ้นมาเพื่อทำโครงการเองก็คงไม่มีใครว่าอะไร
• โครงการรถไฟความเร็วสูงแทบจะทุกประเทศทำแล้วขาดทุน จนทำให้รัฐบาลต้องมาอุ้มทั้งสิ้น มีเพียง 2 ประเทศในโลกนี้เท่านั้นที่ทำแล้วคุ้มทุน นั่นก็คือ ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส สามารถทำกำไรทั้งการดำเนินการ และคืนทุนค่าก่อสร้างได้ทั้งหมด (สายโตเกียว - โอซากา และสายปารีส - ลียง) เท่านั้น หรืออย่างรถไฟความเร็วสูงของไต้หวัน (Taiwan High Speed Rail , THSR) ที่เปิดใช้งานปี 2007 โดยใช้เทคโนโลยีของญี่ปุ่น เส้นทางเชื่อมเมืองไทเป กับเมืองเกาสง ที่ไม่ได้ยอดผู้โดยสารตามเป้าหมายที่คาดหวังไว้จนทำให้รัฐบาลไต้หวันต้องเข้ามาช่วยเหลือ เป็นต้น
ซึ่งนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง และ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยยื่นข้อเสนอเรื่องรถไฟความเร็วสูงถึงรัฐบาลผ่านศูนย์บริการประชาชน ที่ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะลงทุนรถไฟความเร็วสูงเองทั้ง 100% เพราะโอกาสขาดทุนสูง
หรือหากจะลองดูกรณีของรถไฟฟ้า BTS ก็เช่นเดียวกัน ที่ในช่วงแรกขาดทุนสะสมมาหลายสิบปี แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่า การที่กรุงเทพมีรถไฟฟ้าทำให้เกิดการพัฒนาในด้านอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาในด้านที่อยู่อาศัย แหล่งท่องเที่ยว และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ตามเส้นทางที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่าน จนทำให้เขตเมืองขยายออกไปชานเมืองมากขึ้น ไม่กระจุกตัวอยู่แต่ในเฉพาะตัวเมืองเหมือนเดิม
• ในด้านของการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการสร้างแรงงานในอุตสาหกรรมของประเทศไทยเกี่ยวกับระบบรถไฟความเร็วสูง
แค่การก่อสร้างระบบราง ก็จะทำให้เกิดการจ้างงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องจำนวนมาก และยังเป็นการกระจายงานสู่ทุกจังหวัดที่รถไฟความเร็วสูงผ่าน และที่สำคัญ ประเทศไทยยังจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัทต่างชาติที่เป็นผู้ผลิต ที่มีความรู้ทางเทคโนโลยีในระบบรางในระดับสูง ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีรถไฟฟ้าแล้วหลายสาย ไม่ว่าจะเป็น BTS MRT หรือ ARL แต่ก็เป็นเพียงรถไฟฟ้าในเมืองเท่านั้น
จะทำให้ระบบการศึกษาของประเทศไทยจะได้มีโอกาสผลิตบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ เพื่อรองรับระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงในอนาคตได้ เพื่อลดการนำเข้าสินค้า และบุคลากรจากต่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายโครงข่ายระบบรางในเส้นอื่นๆ อีกในอนาคตได้อีกด้วย
โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ถือได้ว่า เป็นโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่จะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อสังคมไทย เศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต เปลี่ยนภูมิทัศน์ และการพัฒนาต่อเศรษฐกิจและสังคมครั้งใหญ่ ในเรื่องการค้าการลงทุน การจ้างงาน การคมนาคม โลจิสติก และการพัฒนาเมือง ไปจนถึงการตั้งถิ่นฐานยุคใหม่ ฯลฯ
รวมทั้งการลดความเหลื่อมล้ำของการพัฒนาประเทศโดยรวมด้วย เช่นเดียวกับที่ประเทศจีนใช้การคมนาคมทางรางเชื่อมต่อเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ จากการกระจุกตัวของความเจริญ ที่มักเติบโตเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น
เหมือนที่ประเทศไทยต้องแบกรับภาระการเติบโตของกรุงเทพอยู่ทุกวัน จะขยายความเจริญออกไปก็ไม่ได้ เพราะไม่มีโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ มารองรับ
ดังนั้น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จะสร้างอนาคตที่ดีกว่านี้ให้กับคนไทย เหมือนเช่น สนามบินหนองงูเห่า (สนามบินสุวรรณภูมิ) ที่ถูกต่อต้าน แต่ก็สามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตในทุกด้าน
"ถ้าบริหารจัดการได้ดี ก็คงสร้างประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมาย “เชื่อมไทยให้โลดแล่น” ไปข้างหน้าได้ไม่ยากแน่นอน"
จี้ปปช.เร่งแจงนาฬิกาหรู อัดเละควบ'ไฮสปีดเทรน' [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการตรวจสอบภาคประชาชนกับการทุจริตคอร์รัปชันจัดเสวนา
"การทุจริตประพฤติมิชอบนโยบายของรัฐในการประมูลรถไฟความเร็วสูง และการจัดสรรที่ดินรถไฟมักกะสัน ผลประโยชน์ชาติประชาชนอยู่ตรงไหน"
• นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษา 35 ระบุว่า การที่รัฐบาลจัดทำร่างเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) โครงการรถไฟความเร็วสูง สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา โดยโยงเข้ากับโครงการพัฒนาที่ดินมักกะสันของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เป็นแผนการที่เอื้ออำนวยประโยชน์แก่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ กีดกันนักธุรกิจขนาดย่อม และไม่ทำให้ประเทศชาติและประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด โดยการรถไฟฯ ควรจัดตั้งเป็นบริษัทลูกสำหรับโครงการนี้ เพราะการผนวกสองโครงการใหญ่เข้าด้วยกัน เป็นการกีดกันนักธุรกิจรายย่อย ทีโออาร์ดังกล่าวอาจเข้าข่ายล็อกสเปกเอื้อประโยชน์เฉพาะแก่นายทุนระดับชาติ และผิดกฎหมายเนื่องจากฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 164 (1) แนะควรให้รัฐบาลหน้าทำ
“รัฐบาลประกาศเองว่าจะมีเลือกตั้งต้นปีหน้า ดังนั้นจึงควรให้รัฐบาลใหม่จากการเลือกตั้งเป็นผู้ดำเนินการประมูลเรื่องดังกล่าวน่าจะโปร่งใสกว่า เพราะสามารถตรวจสอบการทุจริตได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ปัจจุบันการตรวจสอบแทบจะทำไม่ได้เลย ภาคประชาชนจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลชะลอการดำเนินการการประมูลดังกล่าวออกไปจนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่หลังเลือกตั้ง”
• นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 กล่าวว่า
"ข้อกำหนดในทีโออาร์ การเชื่อม 3 สนามบิน สุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา รวมทั้งผนวกการพัฒนาที่ดิน โรงซ่อมบำรุงรักษาในที่ดินการรถไฟฯ ย่านมักกะสันไปด้วย รวมทั้งให้สิทธิในการเช่าที่ดินสองระยะ โดยครั้งแรกให้เช่า 50 ปี และยังขยายต่อได้อีก 49 ปี รวม 99 ปี ไม่รู้ว่ารัฐบาลใช้หัวอะไรคิด เพราะผู้บริหารบริษัทขนาดใหญ่บางแห่งที่ยื่นซองประมูลให้สัมภาษณ์ชัดเลยว่า โครงการพัฒนาที่ดินมักกะสันและการเชื่อม 3 สนามบิน เป็นโครงการที่ดีกว่าระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เสียอีก
สัปดาห์หน้าจะไปยื่นหนังสือต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ช่วยกันตรวจสอบ ในวันนี้รู้สึกผิดหวังต่อกระบวนการตรวจสอบของรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร ที่มีอำนาจในรัฐบาล กลับปล่อยให้บ้านเมืองเป็นเช่นนี้”
• นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.การคลัง กล่าวว่า
"การนำ 2 โครงการมาแปะด้วยกัน คนที่เข้าร่วมประมูลได้คงมีไม่เกิน 5 รายที่เป็นนายทุนใหญ่ระดับประเทศ"
• นายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ร.ฟ.ท. กล่าวว่า
"พระราชบัญญัติอีอีซีถือว่ามีอำนาจเบ็ดเสร็จ เพราะออกมาในช่วงประชาชนกำลังมึนๆ งงๆ รัชกาลที่ 5 สูญเสียที่ดินฝั่งขวาแม่น้ำโขง พระองค์โทมนัสมาก สุดท้ายก็สู้กัน แต่กฎหมายอีอีซีไม่ต้องทำศึกสงครามอะไร เราพร้อมยกให้เขาไปเลย ที่ดินย่านมักกะสันหอมหวานมาก ก่อนหน้าหลายหน่วยงานพยายามจะมาเอาไปทำประโยชน์ แม้แต่กรมธนารักษ์ แต่สหภาพและการรถไฟฯ เราไม่ยอม
การพัฒนาที่ดินมักกะสันเราไม่ขัดขวาง หากทำให้เกิดประโยชน์กับทุกคน รัฐบาลไม่ควรใจแคบต่อการตั้งคำถามจากประชาชน เรามาร่วมกันตรวจสอบ วันไหนไปยื่นหนังสือ จะเชิญพี่น้องรัฐวิสาหกิจไปด้วย เพราะหลายที่มีปัญหา”
และพี่ก็มา ... EEC ผลประโยชน์ใคร ...
#สรุปว่า ไม่ได้ต้านหรอ ??? แต่ขอให้ธุรกิจรายย่อย และประชาชนได้ประโยชน์
ุ• ธุรกิจรายย่อยที่ไหนจะสามารถมีเงินลงทุน หรือหาแหล่งเงินกู้ในการก่อสร้างจำนวนกว่า 2.2 แสนล้านบาทได้
ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก โครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ถนน ระบบขนส่งทางราง/ทางน้ำ โรงพยาบาลหรือโรงเรียน รัฐบาลจะเป็นผู้สนับสนุน หรือลงทุนเองเพื่อให้บริการกับประชาชนในประเทศ แต่ในประเทศไทยโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เหล่านี้กลับถูกต่อต้านจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเสียผลประโยชน์ทางตรง หรือทางอ้อม จนทำให้โครงการต่างๆ ในประเทศไทยมักจะล่าช้า หรือหยุดชะงักไปในที่สุด
• ประชาชนจะได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐาน เพราะเป็นสิ่งสนองความต้องการของประชาชน เช่น ถนนเพื่อให้สามารถขนส่ง หรือเดินทางได้สะดวกขึ้น หรือทางด้านเศรษฐกิจที่ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น ซึ่งผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอาจจะไม่ได้รับทางตรง แต่ก็จะได้รับโดยอ้อมอย่างแน่นอน
• การรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่ควรที่จะลงทุนเองเป็นอย่างยิ่ง เพราะแค่รถไฟในระบบรางเดิม ก็ยังต้องให้รัฐบาลช่วยอุ้มอยู่เลย แล้วรถไฟความเร็วสูงจะทำได้อย่างไร เมื่อประเทศไทยเรายังไม่มีใครเคยศึกษาในระบบนี้มาก่อนเลย ยังไงก็ควรที่จะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจากยุโรป หรือเอเซียไม่ว่าจะของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือจีนก็ตาม ซึ่งประเทศเหล่านี้มีความรู้ และเทคโนโลยีที่พร้อมจะถ่ายทอดความรู้มาให้ ถึงตอนนั้นประเทศไทยเราจะตั้งบริษัทลูก ขึ้นมาเพื่อทำโครงการเองก็คงไม่มีใครว่าอะไร
• โครงการรถไฟความเร็วสูงแทบจะทุกประเทศทำแล้วขาดทุน จนทำให้รัฐบาลต้องมาอุ้มทั้งสิ้น มีเพียง 2 ประเทศในโลกนี้เท่านั้นที่ทำแล้วคุ้มทุน นั่นก็คือ ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส สามารถทำกำไรทั้งการดำเนินการ และคืนทุนค่าก่อสร้างได้ทั้งหมด (สายโตเกียว - โอซากา และสายปารีส - ลียง) เท่านั้น หรืออย่างรถไฟความเร็วสูงของไต้หวัน (Taiwan High Speed Rail , THSR) ที่เปิดใช้งานปี 2007 โดยใช้เทคโนโลยีของญี่ปุ่น เส้นทางเชื่อมเมืองไทเป กับเมืองเกาสง ที่ไม่ได้ยอดผู้โดยสารตามเป้าหมายที่คาดหวังไว้จนทำให้รัฐบาลไต้หวันต้องเข้ามาช่วยเหลือ เป็นต้น
ซึ่งนายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง และ อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็เคยยื่นข้อเสนอเรื่องรถไฟความเร็วสูงถึงรัฐบาลผ่านศูนย์บริการประชาชน ที่ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะลงทุนรถไฟความเร็วสูงเองทั้ง 100% เพราะโอกาสขาดทุนสูง
หรือหากจะลองดูกรณีของรถไฟฟ้า BTS ก็เช่นเดียวกัน ที่ในช่วงแรกขาดทุนสะสมมาหลายสิบปี แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่า การที่กรุงเทพมีรถไฟฟ้าทำให้เกิดการพัฒนาในด้านอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาในด้านที่อยู่อาศัย แหล่งท่องเที่ยว และระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ตามเส้นทางที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่าน จนทำให้เขตเมืองขยายออกไปชานเมืองมากขึ้น ไม่กระจุกตัวอยู่แต่ในเฉพาะตัวเมืองเหมือนเดิม
• ในด้านของการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการสร้างแรงงานในอุตสาหกรรมของประเทศไทยเกี่ยวกับระบบรถไฟความเร็วสูง
แค่การก่อสร้างระบบราง ก็จะทำให้เกิดการจ้างงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องจำนวนมาก และยังเป็นการกระจายงานสู่ทุกจังหวัดที่รถไฟความเร็วสูงผ่าน และที่สำคัญ ประเทศไทยยังจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากบริษัทต่างชาติที่เป็นผู้ผลิต ที่มีความรู้ทางเทคโนโลยีในระบบรางในระดับสูง ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีรถไฟฟ้าแล้วหลายสาย ไม่ว่าจะเป็น BTS MRT หรือ ARL แต่ก็เป็นเพียงรถไฟฟ้าในเมืองเท่านั้น
จะทำให้ระบบการศึกษาของประเทศไทยจะได้มีโอกาสผลิตบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ เพื่อรองรับระบบรถไฟฟ้าความเร็วสูงในอนาคตได้ เพื่อลดการนำเข้าสินค้า และบุคลากรจากต่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายโครงข่ายระบบรางในเส้นอื่นๆ อีกในอนาคตได้อีกด้วย
โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ถือได้ว่า เป็นโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ ที่จะเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลงต่อสังคมไทย เศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิต เปลี่ยนภูมิทัศน์ และการพัฒนาต่อเศรษฐกิจและสังคมครั้งใหญ่ ในเรื่องการค้าการลงทุน การจ้างงาน การคมนาคม โลจิสติก และการพัฒนาเมือง ไปจนถึงการตั้งถิ่นฐานยุคใหม่ ฯลฯ
รวมทั้งการลดความเหลื่อมล้ำของการพัฒนาประเทศโดยรวมด้วย เช่นเดียวกับที่ประเทศจีนใช้การคมนาคมทางรางเชื่อมต่อเมืองต่างๆ ทั่วประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำ จากการกระจุกตัวของความเจริญ ที่มักเติบโตเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น
เหมือนที่ประเทศไทยต้องแบกรับภาระการเติบโตของกรุงเทพอยู่ทุกวัน จะขยายความเจริญออกไปก็ไม่ได้ เพราะไม่มีโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ มารองรับ
ดังนั้น รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จะสร้างอนาคตที่ดีกว่านี้ให้กับคนไทย เหมือนเช่น สนามบินหนองงูเห่า (สนามบินสุวรรณภูมิ) ที่ถูกต่อต้าน แต่ก็สามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตในทุกด้าน
"ถ้าบริหารจัดการได้ดี ก็คงสร้างประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมาย “เชื่อมไทยให้โลดแล่น” ไปข้างหน้าได้ไม่ยากแน่นอน"
จี้ปปช.เร่งแจงนาฬิกาหรู อัดเละควบ'ไฮสปีดเทรน' [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้