ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียงเพลง 14/7/2561 - เมื่อคนอกหักมาเจอกัน

กระทู้คำถาม


ดอกไม้หัวใจสวัสดีครับอมยิ้ม17 สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันเสาร์ MC แอ๊ด (หวางเจ๋)
) ประจำการครับ ^^

ขณะนี้ยังคงอยู่ในบรรยากาศมหกรรมลูกหนังโลก ซึ่งดำเนินมาถึงปลายทางแล้ว

คืนนี้จะเป็นการพบกันของทีมที่ร่วงลงมาจากรอบตัดเชือกสองทีม หนึ่งคือ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" เบลเยี่ยม ซึ่งแพ้โครเอเชีย และอีกทีมคือ "ขวัญใจมหาชน-สิงโตคำราม" อังกฤษ

หลายคนบอกว่าเป็นเกมของ "คนอกหัก" เกมอาจจะจืดชืดไม่มันส์ แต่ไม่จริงหรอกครับ ในหลายๆครั้งที่ผ่านมา เกมชิงที่สามมักจะยิงประตูกันได้มาก เปิดเกมใส่กัน ตรงข้ามกับเกมนัดชิงซึ่งมักจะระมัดระวังตัว สกอร์ก็มักจะน้อย

การชิงที่สาม มันไม่ใช่เป็นเพียงแค่ "ชิงอันดับที่ 3" แต่เพียงอย่างเดียว มันมีผลต่อแร้งกิ้งหรืออันดับ และผลประโยชน์ทางการค้าก็ยังมีอยู่ รางวัลตอบแทนของที่สามก็มากกว่าที่สี่...ที่สำคัญที่สุด ทีมอย่างอังกฤษ ซึ่งเคยได้อันดับที่ 4 มาแล้วในฟุตบอลโลก "อิตาเลีย 90" ก็อยากจะได้อันดับที่ดีกว่าเดิม ลบสถิติเดิม หากทำได้ ก็ยังนับว่าประสบความสำเร็จมากกว่าครั้งนั้น แฮรี่เคนก็คงอยากจะเพิ่มสกอร์ดาวซัลโวให้กับตัวเอง ฝั่งเบลเยี่ยมก็เช่นกัน ลูกกากูก็คงอยากยิงเพิ่ม เผลอๆองค์ลงขึ้นมา อาจจะปาดหน้าซิวตำแหน่งดาวซัลโวไปจากเคนก็เป็นได้ ต้องรอดูกัน

วันนี้เราจะย้อนรอยกลับไปดู "ศึกชิงที่สาม" ในฟุตบอลโลกที่เคยผ่านมากันครับ

1930 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 1 ที่อุรุกวัย ไม่มีผลการแข่งขัน (ไม่ได้แข่ง จัดอันดับโดยฟีฟ่า) ที่ 3 สหรัฐ ที่ 4 ยูโกสลาเวีย

1934 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 2 ที่อิตาลี เยอรมนี พบ ออสเตรีย ที่สนาม Stadio Giorgio Ascarelli กรุงเนเปิ้ลส์ เยอรมันชนะ 3-2 มีคนดูแค่ 7 พันคน ในขณะที่รอบชิงระหว่างอิตาลีกับเช็คโกสโลวาเกีย มีคนดูถึง 55,000 คน

1938 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 3 ที่ฝรั่งเศส บราซิล พบ สวีเดน ที่สนาม Parc Lescure เมืองบอร์กโดซ์ บราซิลชนะ 4-2 คนดู หมื่นสอง ในขณะที่รอบชิงระหว่างอิตาลีกับฮังการี มีคนดู 45,000 คน    

1942-1946 เว้นวรรค เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง

1950 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 4  ที่บราซิล  ไม่มีการแข่งแย่งอันดับสาม อันดับถูกจัดโดยฟีฟ่า โดยสวีเดนได้ที่ 3 สเปนเป็นที่ 4

1954 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 5  ที่สวิตเซอร์แลนด์  ออสเตรีย พบ อุรุกวัย ที่สนาม Hardturm Stadium เมืองซูริก ออสเตรียชนะ 3-1 คนดู 32,000 ในขณะที่รอบชิงระหว่างเยอรมันตะวันตกกับฮังการี มีคนดู 62,500 คน

1958 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 6 ที่สวีเดน ฝรั่งเศส พบ เยอรมันตะวันตก ที่สนามอุลเลวี เมืองโกเตนเบิร์ก ฝรั่งเศสชนะ 6-3 คนดู 32,483 ในขณะที่รอบชิงระหว่างบราซิลกับสวีเดน มีคนดู 49,737 คน

1962 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 7 ที่ชิลี เจ้าภาพอกหักจากรอบรอง พบกับยูโกสลาเวีย  ที่สนามเอสตาดิโอ นาซิอองนาล เมืองซานติอาโก้ และเจ้าภาพชนะไปได้ 1-0 คนดู 66,679 คน สูสีกับรอบชิงระหว่างบราซิลกับเชคโกสโลวาเกีย ซึ่งมีคนดู 68,679 คน เป็นครั้งแรกที่จำนวนผู้ชมในนัดชิงที่สามมีมากที่สุดตั้งแต่เคยจัดมา

1966 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 8 ที่อังกฤษ  โปรตุเกส พบ สหภาพโซเวียต ที่สนามเวมบลี่ย์ กรุงลอนดอน  โปรตุเกสชนะ 2-1  คนดู 87,696 คน มากกว่าครั้งที่แล้ว ในขณะที่รอบชิงระหว่างอังกฤษกับเยอรมันตะวันตก มีคนดู 96,924 คน

1970 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 9 ที่เม็กซิโก เยอรมันตะวันตก พบ อุรุกวัย  ที่สนามเอสตาดิโอ อาสเลก้า กรุงเม็กซิโกซิตี้ เยอรมันตะวันตกชนะ 1-0 คนดูทะลุหลักแสนเป็นครั้งแรกคือ 104,403 คน ในขณะที่รอบชิงระหว่างบราซิลกับอิตาลี มีคนดู 107,412 คน


1974 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 10 ที่เยอรมนีตะวันตก โปแลนด์พบกับบราซิล ที่สนามโอลิมปิกสเตเดี้ยม เมืองมิวนิค โปแลนด์ชนะ 2-1 คนดู 77,100 คน ในขณะที่รอบชิงระหว่างเจ้าภาพกับฮอลแลนด์ มีคนดู 75,200 คน เป็นครั้งแรกที่คนดูนัดชิงน้อยกว่านัดชิงที่สาม!


1978 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 11 ที่อาร์เจนตินา บราซิลพบอิตาลี ที่สนามเอสตาดิโอ โมนูเมนทัล กรุงบูเอโนส ไอเรส ทีมแซมบ้าชนะ 2-1 คนดู 69,659 คน ในขณะที่รอบชิงระหว่างเจ้าภาพกับฮอลแลนด์ มีคนดู 71,483 คน


1982 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 12 ที่สเปน โปแลนด์ พบ ฝรั่งเศส ที่สนามเอสตาดิโอ โฮเซ่ ริโก้ เปเรซ เมืองอาลิกานเต้ โปแลนด์ชนะ 3-2 คนดู 28,000 คนเป๊ะ ในขณะที่รอบชิงระหว่างเจ้าภาพกับอิตาลี มีคนดู 9 หมื่นคนเป๊ะเหมือนกัน

1986 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 13 ที่เม็กซิโก ฝรั่งเศส พบ เบลเยี่ยม ที่สนามเอสตาดิโอ คูอาเตม็อก เมืองพูเอบลา ฝรั่งเศสชนะ 4-2 โดยเกมต้องต่อเวลาพิเศษ  คนดูจิ๊บจ๊อยมาก 21,000 คน ในขณะที่รอบชิงระหว่างอาร์เจนติน่ากับเยอรมันตะวันตก มีคนดูมืดฟ้ามัวดิน 114,600 คน ก็คงอยากดู "เสือเตี้ย" ดิเอโก้ มาราโดน่า กันแหละครับ


1990 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 14 ที่อิตาลี เจ้าภาพ ซึ่งอกหักมาอย่างชอกช้ำจากการแพ้อาร์เจนติน่า พบ อังกฤษ ที่สนามสตาดิโอ ซาน นิโคลา เมืองบารี่ และเจ้าภาพชนะ 2-1 คนดู 51,426 คน ในขณะที่รอบชิงระหว่างเยอรมันกับอาร์เจนตินา มีคนดู 73,603 คน


1994 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 15 ที่อเมริกา สวีเดน พบ บัลแกเรีย  ที่สนามโรสโบว์ล เมืองพาซาดิน่า ทีมไวกิ้งยำบัลแกเรียไปถึง 4-0 (อย่างไรก็ตาม ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ ศูนย์หน้าของบัลแกเรีย ก็ยังได้เป็นดาวซัลโว คู่กับ โอเลก ซาเลงโก้ ของรัสเซีย โดยยิงกันได้คนละ 6 ประตู)


นัดนี้มีคนดู 91,500 คน ในขณะที่รอบชิงระหว่างบราซิลกับอิตาลี มีคนดู 94,194 คน


1998 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 16 ที่ฝรั่งเศส โครเอเชีย พบ ฮอลแลนด์ ที่สนามปาร์ก เดอ แพรงซ์ กรุงปารีส ทีมโครแอตชนะ 2-1 คนดู 45,000 คน ในขณะที่รอบชิงระหว่างเจ้าภาพกับบราซิล มีคนดู 8 หมื่นคนเป๊ะ


2002 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 17 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น เจ้าภาพเกาหลีใต้ พบ ตุรกี ที่สนามแดร์กูเวิร์ลคัพสเตเดี้ยม เมืองแดร์กู ตุรกีชนะ 3-2 คนดู 63,483 คน ในขณะที่รอบชิงระหว่างบราซิลกับเยอรมนี ที่สนามอินเตอร์เนชั่นแนลสเตเเดี้ยม กรุงโยโกฮาม่า ญี่ปุ่น มีคนดู 69,029 คน


2006 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 18 ที่เยอรมนี เจ้าบ้าน พบ โปรตุเกส ที่สนามโกตตีบ เดมเลอร์ สตาดิโอน เมืองชตุ๊ดการ์ต เจ้าภาพชนะ 3-1 คนดู 52,000 คน ในขณะที่รอบชิงระหว่างอิตาลีกับฝรั่งเศส ที่สนามโอลิมเปียสตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน มีคนดู 69,000 คน


2010 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 19 ที่แอฟริกาใต้ เยอรมันซึ่งอกหักอีกครั้ง ตกรอบรองซ้ำสอง พบ อุรุกวัย ที่สนามเนลสัน แมนเดลา เบย์ เมืองท่าอลิซาเบธ อินทรีเหล็กชนะ 3-2 คนดู 36,254 คน ในขณะที่รอบชิงระหว่างฮอลแลนด์กับสเปน มีคนดู 84,490 คน


2014 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 20 ที่บราซิล เจ้าภาพซึ่งอกหักอดเข้าชิงในบ้านตัวเอง พบ ฮอลแลนด์ ที่สนามเอสตาดิโอ นาซิอองนาล มาเน่ การินช่า เมืองบราซิลเลีย เจ้าภาพยังไม่หายเมาหมัดจากการโดนเยอรมันยำเละเทะในรอบตัดเชือกมา 7-1 จึงโดนทีมกังหันสีส้มอัดไปอีก 3-0 คงไม่มีเจ้าภาพในฟุตบอลโลกซึ่งเคยเป็นถึงแชมป์โลกด้วยรายไหนที่จะชอกช้ำไปมากกว่าบราซิลอีกแล้วหละครับ นัดนี้มีคนดู 68,034 คน ในขณะที่รอบชิงระหว่างเยอรมนีกับอาร์เจนติน่า มีคนดู 74,738 คน


และแล้วก็มาถึง ปีนี้......2018 ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 21 ที่รัสเซีย อังกฤษ พบ เบลเยี่ยม ที่สนาม เครสตอฟสกี้ เมือง เซ้นต์ ปีเตอร์สเบิร์ก

ซึ่งมีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ ของทั้งสองทีมผู้อกหัก ดังต่อไปนี้

= เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทั้งสองทีมซึ่งอยู่ร่วมกลุ่มเดียวกันคือกลุ่ม G เพิ่งพบกัน ในรอบแรกนัดสุดท้ายของกลุ่ม และ อั๊ดนาน ยานาไซ ซึ่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง ยิงประตูชัยให้ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" ชนะไป 1-0 แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองทีมก็กรุยทางผ่านเข้ารอบลึกๆมาได้ทั้งคู่

= เฉพาะในฟุตบอลโลกรอบสุดทท้าย 3 นัดหลังสุด เบลเยี่ยม ชนะ 1 นัด ในเกมล่าสุดดังที่กล่าวมา เสมอ 1 นัด เมื่อปี 1954 ที่สวิตเซอร์แลนด์ในรอบแรก ด้วยสกอร์สุดมันส์ 4-4 และอังกฤษชนะ 1 นัดในบอลโลก "อิตาเลีย 90" ในรอบสอง จากประตูของ เดวิด แพลท นาทีที่ 120 ของการต่อเวลาพิเศษพอดี

= 7 นัดหลังสุดที่พบกัน อังกฤษชนะ 2 นัด ชนะโดยมีการต่อเวลาอีก 1 นัด เสมอกันสองนัด เบลเยี่ยมชนะ 1 นัด และชนะจากการดวลลูกโทษอีก 1 นัด

= เฉพาะเกมอย่างเป็นทางการ 4 เกม ทั้งสองทีมผลัดกันแพ้ชนะฝ่ายละครั้ง และเสมอกันสองครั้ง

= การแพ้ฝรั่งเศสในรอบตัดเชือกที่ผ่านมา ทำให้สถิติการชนะรวดของเบลเยี่ยมในฟุตบอลโลก (รวมรอบคัดเลือกด้วย) หยุดอยู่ที่ 10 นัด (นัดแรกสุด พวกเขาเสมอกับกรีซในบ้านตัวเอง 1-1 ในรอบคัดเลือก เมื่อ 25 มีนาคม 2017)

= ถ้านับเฉพาะฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เบลเยี่ยม ชนะรวดมา 5 นัด ก่อนจะมาแพ้ฝรั่งเศสในรอบรอง

= การแพ้ฝรั่งเศสในรอบรองที่ผ่านมา ทำให้เบลเยี่ยม แพ้ เป็นครั้งแรก ในรอบ 25 นัด ของทุกรายการรวมกัน ตั้งแต่โรแบร์โต้ มาติเนซ เริ่มคุมทีมแล้วแพ้สเปน 0-2 ในเกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2016 แล้วหลังจากนั้นพวกเขาไม่แพ้ใครเลย รวมสถิติที่ทำไว้คือ ชนะ 19 นัด เสมอ 5 นัด เพิ่งจะมาแพ้ฝรั่งเศสในรอบตัดเชือกที่ผ่านมานี่เอง

= ในบอลโลก (รวมรอบคัดเลือกด้วย) เกมทั้งหมด 10 นัด มีถึง 8 นัด ที่ประตูรวมนัดหนึ่งเกิน 2.5 ประตู และ 9 ใน 11 เกม เบลเยี่ยมจะยิงได้อย่างน้อย 2 ประตู(อังกฤษโดนแน่ๆ อีแบบนี้)ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า

= ตรงกันข้าม 3 ใน 4 เกมในบอลโลกหลังสุดที่อังกฤษเล่น ประตูรวมนั้น น้อยกว่า 2.5 ประตู

= แต่ อังกฤษก็แพ้ เพียง 2 นัด จากทั้งหมด 17 นัดในฟุตบอลโลก (รวมรอบคัดเลือก) และชนะถึง 11 นัด เสมอ 4 นัด

= ถ้านับเฉพาะฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 7 เกมหลังสุด อังกฤษ ชนะ 3 นัด เสมอ 2 นัด และแพ้ 2 นัด

= ทีเด็ดของ "สิงโตคำราม" คือ "ลูกเซ็ตพีซ" ซึ่งในฟุตบอลโลกครั้งนี้ อังกฤษยิงได้ถึง 9 ประตู นับเป็นสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมีทีมชาติใดๆเคยทำได้ในฟุตบอลโลกครั้งเดียวกัน นับตั้งแต่ปี 1966 ซึ่งพวกเขาเป็นเจ้าภาพเป็นต้นมา

= "สิงโตคำราม" แพ้ในรอบตัดเชือกมาแล้ว 4 ครั้ง คือ แพ้ยูโกสลาเวีย ในยูโร 1968, แพ้เยอรมันในบอลโลกปี 90, แพ้เยอรมันซ้ำอีก ในยูโร 96 และล่าสุด แพ้โครเอเชีย ในฟุตบอลโลกครั้งนี้

วันพรุ่งนี้ จะคุยเรื่อง สองทีมที่เข้าชิงชนะเลิศ สั่งลา ฟุตบอลโลก 2018 ครับ อมยิ้ม04หัวใจดอกไม้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่