[CR] ทริปอินเดียน่ะจ๊ะนายจ๋า ในหน้าร้อน 2018

นามัสเต
การไปเที่ยวครั้งนี้เกิดจากที่เราแท็คเพื่อนที่มีใจรักการเที่ยวเหมือนเรา (เรากับเพื่อนเป็นว่างไม่ได้มือเริ่มคลิ๊กหาตั๋วโปรไปเที่ยวไหนดี555+เหมือนเป็นโรคเสพติดเที่ยว) เราแท็คหาเพื่อนในเฟสบุ๊คบิวท์นางบ่อยๆ “ป้าๆๆๆไปเที่ยวอินเดียไหม ไปไหม๊???”  ด้วยที่ว่าจริงๆอินเดียไม่ได้เป็นประเทศอยู่ในหัวเลยว่าชีวิตจะได้ไป แต่เราบังเอิญไปดูรายการท่องเที่ยว (หนังพาไป-รายการโปรดเรามั่กมากและ) และหนังสือ Lonely planet บวกด้วยว่าช่วงนี้มี Jaipur บูมมากๆ ในการท่องเที่ยว ยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นอินเดียไม่ได้เจริญถึงขั้นสุดๆ มีที่ให้ถ่ายรูปเยอะมากๆๆๆๆๆ ทุกซอกทุกมุม 555+ (เพื่อนกับเราสองคนชอบถ่ายรูปมากกกก เรื่องกินไว้ทีหลังขอให้ได้ถ่ายก่อน 555+) เพื่อนเราก็บอกป่ะไปๆๆๆกานนนน เราสองคนก้อเริ่มจองตั๋วก่อนไปประมาณ สี่เดือนด้วย Thai smiles บินคุ้มคู่คุณภาพ
ไฟล์ทบินของเราคือ WE – 343(Thai smiles) 5/07/2018 บินจาก สุวรรณภูมิ 22.05 ไปถึง Jaipur airport 01.15 น. เรากับเพื่อนตื่นเต้นมากกกเพราะ ทั้งลำเป็นคนอินเดียหมดเลยจ้า เพื่อนเลยไปถามแอร์ว่ามีคนไทยบินอีกไหมมมค่ะ แอร์บอกว่าทั้งลำมี 4 ค่ะ เริ่มแรกก้ออินเดียเลยน่ะนายจ๋า เรากับเพื่อนนั่งท้ายลำ และพนง.ต้อนรับมาเสริฟอาหารซึ่งเราเลือกที่จะกินฉู่ฉี่กุ้ง 555+ (ขอบอกว่าอร่อยมาก) แต่มีอีกช้อยส์หนึ่งซึ่งคนอินเดียส่วนมากเลือกทานคือ นานโรตีคู่กับฮัมมาส ซึ่งไม่มีเนื้อสัตว์เพราะคนอินเดียเป็น vegetarian ส่วนใหญ่
นั่งๆนอนๆบนเครื่อง แอร์โฮสเตรทก้อประกาศแลนดิ้ง Jaipur  เย้ๆๆถึงแล้ว บินแปรบเดียว 4 ชมก้อถึงแล้ว มาถึงด่านตม. Foreigner ตม.ว่างมากกก แต่เราก้อใช้เวลาตมนานมาก5555+ เหมือนคนต่างชาติไม่ค่อยบินลง ตม.ก้อเลยทำงานอย่างช้าๆ ตมจะถ่ายรูปเราสแกนนิ้วมือและตรวจวีซ่า (e-Visa) ซึ่งคนไทยสามารถขอวีซ่าออนไลน์ได้น่ะคะ ช่วงเราขอ (มิย 2018) 53 US dollar( ลิ้งค์ขอวีซ่า https://indianvisaonline.gov.in/evisa/tvoa.html) แต่ตอนนี้เหมือนราคาวีซ่าขึ้นแล้วนะคะ ลองเช็คดูอีกรอบน่ะคะ แปะลิ้งการขอวีซ่าให้นะคะ ^^https://www.google.co.th/amp/s/goanywhere.co/2017/11/22/indiaevisa2017/amp/ ขอแจ้งนิสนึงน่ะคะอย่าลืมปริ้น eVISA ที่เป็น ETA น่ะคะ เพราะตม. จะดูตัวนี้เป็นหลักเลยนะคะ
และนี้คือด้านหน้าของสนามบิน
       ด้านหน้าจะมีแท็กซี่เต็มเลยค่ะ บางคนอาจจะเรียกแท็กซี่ ด้วย app OLA น่ะคะแต่เรายังไม่เคยลองเพราะต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ของอินเดีย และเคยอ่านเจอว่าแท็กซี่ชอบฟันราคานักท่องเที่ยว  (ลืมบอกที่นี้ต้องเดียลราคาก่อนขึ้นรถตกลงให้เรียบร้อยน่ะคะ ควรต่อ 50 % การซื้อของก็เช่นกันนะจ๊ะ ต่อๆๆๆๆๆๆอย่างเดียววเลยจ้า ไม่พอใจทำเป็นเดินออก เดี๋ยวพ่อค้าเรียกเองว่ามาๆๆๆๆๆราคานี้ก้อได้ เป็นประเทศที่ต่อมันส์มากกกกก5555+)   ปล. การคิดค่าเงิน คือเงินรูปีมาหาร 2 จะได้ราคาไทยยยยนร้า
      ใครที่จ้างรถ+คนขับ ให้ลองสอบถามราคาจากสนามบินไปรร. เทียบกับรร.ดู ส่วนใครอยากหารถเข้าเมืองเอง ให้เดินออกมาข้างนอกสนามบิน เราเห็นรถรับจ้างจอดอยู่ข้างนอกค่อยข้างเยอะ แต่ด้านในตัวสนามบินจะมีน้อยกว่า ไม่แนะนำให้นอนที่สนามบิน เพราะตัวสนามบินค่อนข้างเล็กและดูไม่ค่อยปลอดภัยจ้า ด้วยความที่มาอินเดียครั้งแรกเราจึงจองรถรร.IBIS Jaipur 750 รูปี (แต่เราถามคนแถวนั้นว่าแพงไหมมม คือแพงค่ะ กลางคืนระยะทาง 20 นาทีควรจะ 400 – 500 INR น่ะค่ะ) แต่ไม่เป็นไรหลอกเราได้ครั้งแรกล่ะหว่ะ555+ T T
^ด้านบนคือรูปรร. ของเรา IBIS Jaipur เราไม่ได้ include breakfast นะคะ เพราะขนขนม มาม่า จากไทยไปเยอะ 555+(กลัวกินอะไรไม่ได้  เพราะส่วนตัวเราไม่ชอบ curry เท่าไรค่ะ 555+)

ขอนอนพักเอาแรงแปรบบบบบ

       ทริปนี้เราจ้างไกด์ขับรถนะคะ แต่เราและเพื่อนเป็นคนเขียน Plan ว่าจะไปไหนบ้าง เราตกลงกับไกด์ในราคา 11000 INR ประมาณ5500 บาท ( 5 วันเที่ยว ) ใช้รถ Etinos วันหนึ่งเที่ยวตกประมาน 10-12 ชม. นะคะ แต่จริงๆๆๆเขียนแพลนไปอย่างนั้นไกด์ก้อเปลี่ยนแพลนเราหมดเลยค่ะ 55+ (เราก้อเกรงใจไปตามไกด์   คืออยากแนะนำให้บอกไกด์เด็ดขาดไปเลยค่ะว่าฉันจะไปนี้นะ อย่าออกนอกแพลนนนสิ  555+ แต่สุดท้ายเราก็เก็บครบค่ะทุกที่) มีหลายเอเจนซี่ เพื่อนๆลองเดียลราคาและแนวทางของไกด์ดูนะคะ ว่าชอบสไตล์ไหน ไม่อยากให้ฟิกกับบริษัทเดียว  ตามมมมาค่ะ มาเที่ยวกานเถอะ

วันที่ 1 plan ของเราสองคนคือ  galtaji temple (monkey temple), Jal mahal(พระราชวังฤดูร้อน), Amber fort,Hawa mahal (พระราชวังสายลม), ช๊อปปิ้งสาหรี่และช๊อปปิ้งฮิมาลายัน
  
^__^ก่อนเที่ยวไกด์แวะซื้อyogurt drinking ใส่ในแก้วดินเผา ขอบอกว่าใครมาอินเดียห้ามพลาดน่ะจ๊ะ ต้องกินนนนเด้อ อร่อยยมากกกกเจ้มจันมากกกกก
  ขออนุญาติยืมรูปจากกูลเกิ้ลนะคะ (ลืมถ่ายย)
    ไกด์ก้อแวะซื้อลูกอินเดียเบอร์รี่ ไม่รู้ชื่อว่าอะไร ชื่อนี้เราเรียกเอง เพื่อเอาไปให้อาหารลิงที่ galtaji temple เมื่อเราถึง galtaji temple (มีค่าเข้าประมาน 50 รูปีน่ะคะ) อยู่ๆไกด์ให้เราถือผลเบอร์รี่ในมือแล้วอยู่ๆลิงตัวเล็กก็กระโดดมาเกาะบนหลังเรา พระเจ้าช่วยยยย ลิงน้อยกินเบอรี่อย่างสบายใจจจจ (เห้อ!!!รอดตายแล้วววลิงไม่กัด กลัวต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่อินเดีย)  ไกด์ก็ไม่บอกเลยยยยว่าจะเอาลิงมาบนหลังเรา ถ้าคนไหนไม่ชอบลิงให้บอกไกด์ก่อนคะ เด่วจะหาว่าไม่เตือน !!! ลิงที่นี้ไม่ดุ แต่เราก็ต้องระวังไว้ก่อนน่ะ galtaji temple มีน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้คนอินเดียมาอาบน้ำขอพรนะคะ เราไม่ได้ลงรูปน่ะคะเพราะเขาโป็กานเกินไปเดี๊ยวติดเรททท
     และเราก็แวะถ่ายรูปกับ Jal mahal(พระราชวังฤดูร้อน) ซึ่งมีทะเลสาบล้อมรอบแต่ไกด์บอกว่าไม่ใช่ทะเลสาบจริงๆๆๆเป็น สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นค่ะสำหรับ ทะเลสาบนี้
      เราขึ้นมาที่ Amber fort เป็นป้อมปราการนะคะ มีค่าเข้าชม 500 รูปี คือ 250 บาทไทย (ความจริงมีตั๋ซรวมที่จะเข้าได้หลายที่ในจัยดปอร์ราคาอยู่ที่ 1000 รูปีใครแพลนเที่ยวหลายที่ ลองเช็คดูอีกทีเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะเซฟได้ค่ะ แต่ซื้อตั๋วรวมมีเวลา 48 ชม.นะคะแพลนเที่ยวๆดีๆนร้า
Amber fortข้างในมีมุมถ่ายรูปเยอะมากกก สวยมากกก คงเอกลักษณ์มากกก อ่อลืมบอกไปว่า เรามาช่วงฤดูร้อน 37 c – 40 c ร้อนมากกกกเตรียมกันแดดมาดีๆๆนะคะ เหงื่อนี้ไหลเป็นทางและกลับมาก็ผิวเป็นสีแทนหนักมาก5555+ แนะนำมาเที่ยวหน้าหนาวดีกว่า ประมาน 20 C  
       เราแวะมาทานอาหารเที่ยงที่ café palladio (เนื่องจากมีคนรีวิวเยอะ และได้ trip advisor ) เป็นอาหารออกอินเดียยุโรปนะคะ ราคากลางๆ 250 – 350 ต่อคน เราว่าอาหารเฉยๆๆนร้า ไม่ว้าวขนาดนั้น แต่สถานที่น่าถ่ายรูปมากกกค่ะ ให้ 8/10 เพราะรสชาติอาหารยังไม่ว้าววว (มาเพราะเน้นถ่ายรูปล้วนๆๆ) เราสองคนก็การถ่ายรูปกับร้านรัวๆๆๆ
     ไกด์ชวนให้เขียนHenna painting บนมือ เราก้อบ้าจี้ตามไกด์ ไกด์เลยโทรให้คนวาดเฮนน่ามาที่ร้านอาหาร ซึ่งได้ในราคา 300 INR น้องมานั่งวาดๆๆๆแปรบเดียว 15 นาทีได้เป็นรูปดังที่เห็นค่ะ อิอิ เริ่มเป็นสาวอินเดียเข้ามาหน่อยแล้วววววว   (สามารถติดต่อน้องผู้หญิงผ่าน whatsapp ได้น่ะคะ น้องมาทำให้ถึงที่ เบอร์ +918952856078)      สถานที่ต่อไป คือ สาหรี่ช๊อปปิ้ง คือเราบอกไกด์ว่าอยากได้สาหรี่ไปถ่ายกับทัชมาฮาลแต่สรุปนางพาไปร้านแพงค่า เรากับเพื่อนนี้งงมาก พามาที่นี้ทำไม (เราคาดว่าไกด์น่าจะได้ค่าหัว) อันนี้ต้องบอกไกด์ไปเลยน่ะคะว่าอยากได้ร้าน local และถูก แต่ถ้าใครอยากได้ high quality บอกไกด์ไปเลยร้านนี้ก็ตอบโจทย์น่ะคะ ด้วยความที่เราได้สาหรี่ราคาแพงงงเราเลยไม่ซื้อค่ะ 5555+ แต่ไปซื้อชุดแซคแขนยาวสไตล์อินเดียมาถ่ายกับทัชมาฮาล ด้วยราคา 525 บาท ฮือๆๆๆๆๆแพงมากกกกค่ะ เพราะพ่อค้าขายผ้าอินเดียยยยเข้าเก่งมากพูดไปพูดมา เชียร์นู่นนี้นุ้น ไม่ยอมให้เราออกจากร้านสักที เราก็ใจอ่อนซื้อก็ซื้อ  มานี้ต้องใจแข็งนะคะ บอกไม่เอาก็ไม่เอาไปเลยไม่ต้องเกรงใจ  เทคนิคการขายของคนอินเดียเราไม่รีวิวน่ะคะ อิอิ เพื่อนๆๆๆลองสัมผัสเอาเอง 555+  (แต่ยังดีเราไม่เสียหายกับสาหรี่ผื่นละ 1000 บาท) ใครอยากได้สาหรี่จริงๆๆไปร้าน local ข้างถนนเลย ผืนละ 350 บาท omg ถูกไปอีก ชุดแซก 250 – 300 บาทก็มีน่ะคะ
       หลังจากถอยเสื้อมาแบบงงๆ เราก็ไปถ่ายรูปที่ Hawa mahal หรือ พระราชวังสายลม (The Palace of Wind) เป็นส่วนหนึ่งของพระรางวังซิตี้พาเลซ เรียกได้ว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองแห่งนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยที่นี่มีสถาปัตยกรรมสุดโดดเด่น สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1799 โดย Maharaja Sawai Pratap Singh ตัวอาคารเป็นสีชมพูอมส้ม สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพูและสีแดง บริเวณอาคารด้านหน้าจะเป็นตึก 5 ชั้น มีลักษณะคล้ายกับรังผึ้ง โดยจะมีหน้าต่างบานเล็ก ๆ ตกแต่งอย่างงดงามด้วยลายฉลุ เราไปถ่ายกับคาเฟ่ตรงข้าม (ไม่ดื่มกาแฟก็ได้ ทางร้านให้ขึ้นมาถ่ายฟรี ดีงามไปอีกกกก แต่มาช่วงบ่ายยยก็ร้อนไปอีกกกก 555+ แนะนำมาถ่ายอีกรอบตอนเช้านะคะ หน้าจะได้ไม่เมือกมาก)
ดูเหมือนลมดี แต่ขอบอกว่าเอาหน้าสู้แดดมากกก 555+        สถานที่สุดท้ายเราไปแอบไปถ่ายรูปที่ Panna Meena Ka Kund   (อยู่ใกล้ amber fort ) ทางไกด์เราเลยบอกให้มาเย็นๆ ถ่ายสวยไม่ร้อน ทางไกด์เราเลยไปติดสินบนเจ้าหน้าที่ ไม่รูกี่รูปี เพื่อให้เราและเพื่อนได้ลงไปถ่ายรูปกับมุมมหาชนที่ใครๆ(คนไทย)ก็มาเป็นต้องถ่าย จริงๆทำแบบนี้ไม่ดีน่ะคะ เพราะตอนแรกไกด์บอกว่าเจ้าหน้าที่อนุญาติลงไปถ่ายได้ แต่เรามารู้ที่หลังว่าเขาติดสินบนเจ้าหน้าที่ ทำให้เรารู้สึกผิดไปเลย

[img]https://f.ptcdn.info/601/058/000/pbsal27wnpE6ZWSmI5i-o.jpg[/i
วันแรกผ่านไป ขอนอนพักเอาแรกแปรบนะค่ะ พรุ่งนี้จัดเป๋าไปเมืองอัครากันจ้าาา