สอบถามฟรีแลนซ์ นักเขียนบทความออนไลน์ค่ะ อยากทราบวิธีพิจารณารับงาน ประเมินงาน กรอบความรับผิดชอบ และการคิดเงินค่าจ้างค่ะ

ตอนนี้เราย้ายสายงานจากสื่อสิ่งพิมพ์มาทำงานสายคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งค่ะ
เป็นมือใหม่ในวงการนี้ ซึ่งกว่าจะย้ายสายงานมาได้มันยากมาก เพราะอายุสามสิบแล้ว
บริษัทสตาร์ทอัพทั่วไปรับคนอายุไม่เกิน 27 ประสบการณ์ตรงเราก็น้อย


สาขาที่เราเรียนจบมา และงานที่ทำมาเฉพาะด้านตลอด อาจจะดูหน่อมแน้มในสายตาคนสายโฆษณาและครีเอทีฟด้วย จึงไม่มีโอกาสเฉียดงานบริษัทดีๆ มีอนาคตเลย แต่ก็ยังได้เรียกสัมภาษณ์ มีนัดแทบทุกวัน 1 เดือนเป็น 10 บริษัท แล้วไม่รู้สึกท้อเลย สนุกกับการได้ไปทัวร์บริษัททุกรูปแบบ เราเองก็เลือกด้วยแหละ จะย้ายสายงานทั้งทีมันต้องดูดีมีอนาคต ไม่มีเวลาเลือกผิดแล้ว โอกาสเริ่มใหม่ยิ่งยาก


เราก็อาศัยขายความสามาถตัวเองปากเปล่าสตอรี่เทลลิ่งเพียวๆ
มีเรซูเม่ปังๆ แต่อาจจะผลงานไม่มาก เพราะทำแต่งานเบื้องหลังมา
สายบรรณาธิการ ปนๆ ครีเอทีฟคิดงาน ที่คนจะนึกภาพไม่ออกว่าเราทำอะไรมั่ง
ต้องพยายามเชื่อมโยงความสามารถเราเข้ากับแต่ละบริษัทให้ได้ แล้วขอโอกาสพิสูจน์ตัวเอง ซึ่งบริษัทก็จะรู้ในจุดนี้ดี เราจึงเลือกอะไรไม่ได้มาก หากจะถูกกดเงินเดือน แต่ก็ไม่ยอมลดคุณค่าตัวเองมากแล้วล่ะ เพราะกลายเป็นว่ายิ่งเพิ่มฐานเงินเดือนในเว็บสมัครงานกลับได้รับติดต่อเข้ามาเยอะกว่าตอนตั้งไว้เรทต่ำๆ ซะอย่างงั้น


เรามีทักษะที่ตอบโจทย์ ได้หมดทั้งงานเขียน งานกราฟฟิค งานเว็บไซต์ งานออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง แต่ใช่จะทำได้ไวราวเสกได้อ่าค่ะ ที่ทำได้ก็เพราะขวนขวายศึกษาหาความรู้เพิ่มเองล้วนๆ ลงคอร์สเรียนต่างๆ เพิ่ม คิดพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เน้นเจาะทักษะที่ต้องมีในอนาคต อย่างสายดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง ที่จำเป็นมาก และตกยุคง่ายมาก


เพราะเราดันทะเยอทะยานไปเป็นเจ้าของกิจการ ทำร้านของตัวเองมา 3-4 ปี ในธุรกิจที่กำลังจะตาย เราคงหวังมากไป และดื้อ ไม่ลองทำก็คงไม่รู้ แต่เราได้อะไรกลับมาเยอะมากจริงๆ ไม่เสียใจที่ทำร้านนะ ทำงานหนักตลอด 24 ชม. ต้องเป็นหมดทุกอย่างไปโดยปริยาย เพราะไม่มีเงินจ้างคนมาลำบากกับเราด้วย เหมือนได้เลเวลอัพทุกด้านพร้อมๆ กัน แต่ร้านก็ไปต่อไม่ไหว เพราะเราป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ตรอมใจจากหลายๆ อย่างอ่ะค่ะ มีสาเหตุที่ทำให้ได้โรคนี้เป็นของแถมกลับมา ต้องเสียเวลาไป 2 ปี กว่าจะหาย ปรับรื้อความคิดตัวเองใหม่หมด ไม่ยอมกลับไปเป็นอีกเด็ดขาด แต่ก็ยังไม่เข็ดเรื่องทำร้านนะ อีก 10 ปี เก็บตังค์ได้ใหม่ค่อยกลับมาทำร้านใหม่ในระบบที่ดีกว่าเดิม และมันจะต้องรอดได้กำไรเติบโตเท่าความพยายามของเรา เพราะเรารู้ว่าเราพลาดตรงไหน แล้วอะไรคือปัญหา


ตอนนี้เลยต้องขอกลับมาลงสนามกลับสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง
เกือบจะตกขบวนเพราะอายุ 31 แล้ว เพิ่งมาย้ายสายงานเอาตอนนี้
แต่ก็ยังได้ใช้ทักษะเดิม เพียงแต่เขยิบมาอีกอุตสาหกรรมนึง ที่เงินดีกว่า 2 เท่าตัว


ล่าสุดได้รับงานเขียนบทความความรู้เฉพาะกลุ่มลงในแฟนเพจเฟซบุ๊คของแบรนด์หนึ่ง
แต่ดีตรงมีบริษัทใหญ่ที่เชี่ยวชาญงานคอนเทนต์ด้านนี้เป็นคนกลางติดต่องานกับแบรนด์ลูกค้า คล้ายๆ ทำตัวเป็นเอเจนซี่โฆษณา รับดูแลแฟนเพจเฟซบุ๊คแค่แพลตฟอร์มเดียว แต่บริษัทนี้มีทั้งนิตยสาร และเว็บไซต์ออนไลน์ เป็นคอนเทนต์เฉพาะทางด้วย จึงค่อนข้างเข้าใจกระบวนการทำงานของนักเขียนอยู่บ้าง


เล่าย้อนไปนิด ก่อนหน้านั้น เราได้งานประจำสายดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งนี่แหละ
ไล่ๆ กัน แทบจะเริ่มงานพร้อมๆ กับงานฟรีแลนซ์เลย แต่ฟรีแลนซ์มาก่อน
เราเลือกไม่ได้ถ้ายังไม่ได้ลอง เลยตั้งใจจะทำทั้ง 2 งาน
ถ้าทำได้จะได้เงินตก 35,000 บาท ต่อเดือน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถ้าทำงานได้ตามเป้า
แต่เพราะงานประจำไร้ระบบการทำงาน ไม่เข้าใจวิธีการคิดงาน
ไม่มีตารางงาน และหน้าที่งานที่ชัดเจน ปนเปกันไปหมด
จะให้คิดต่อยอดอะไรไปสู่อะไรยังสับสน ทำเพื่อผลอะไรก็ยังไม่รู้
ทำไปให้มีผลงาน ไม่สนว่าจะเวิร์คกับกิจการจริงๆ  
ไม่มีวามจริงใจต่อคู่ค้า สักแต่ทำแบบไม่สนสี่สดแปด
ที่สำคัญไม่มีงบการตลาด!!!


มีแต่งานด่วน ด่วนมาก ด่วนมากๆ ต้องการให้ทำทันที
อยากเอาเมื่อไหร่ต้องได้ โดยไม่มีการประชุมวางแผนทิศทางงานอะไรเลย
สมมติมาเกริ่นไว้เช้า เย็นมาบอกจะเอาแล้ว
ทั้งที่เสกลงานระดับอีเวนท์ห้างสรรพสินค้า แต่ทำงานเหมือนอยู่ อบต.
แค่ใช้อีเมล outlook เราก็เพลียแล้ว ทำให้คอมอืดเล่นๆ อีก
อ้อ เราต้องแบกโน้ตบุ๊คไปทำงานเองด้วย เพราะเขายังไม่ได้อนุมัติซื้อคอมใหม่ให้
เราเห็นท่าไม่ดีหลายๆ อย่าง อยู่ได้แค่ 6 วัน แต่รู้ข่าวลือวงในสารพัดจากทุกแผนก
คนลาออกเป็นว่าเล่น และออกกันยกทีม ที่ยังอยู่ก็มีวันลาออกกันชัดเจนทุกคน
เหลือแต่พวกอายุมาก และระดับหัวหน้าที่ยังอยู่ พวกพี่เค้าก็ทำงานเก่งแหละ
แต่เก่งคนเดียวไง ส่งต่องาน ทำงานเป็นทีมไม่เป็น
เด็กจบใหม่ที่เพิ่งเข้างานมาก็ต้องทนไป เราแก่ละ มองออกหมดแล้ว ขอไม่ทน


เราเลยไม่รู้จะสู้กับระบบแบบนี้ไปทำไม
อยู่ไปก็เสียเวลา เสียสุขภาพร่างกาย และสุขภาพจิต
เราเพิ่งหายป่วยโรคซึมเศร้ามา เราเลยเห็นความสำคัญของสุขภาพจิตเป็นอันดับแรก

แม้ที่ทำงานจะใกล้บ้านมาก ระดับขี่จักรยาน 20 นาทีถึง นั่งรถเมล์ 10 นาทีถึง และเงินเดือนดี
แต่ถ้าไม่ใช่ชีวิตดีๆ ที่ลงตัวอย่างที่โม้ไว้ตอนแรก เราก็ขออำลา ถอยมารับฟรีแลนซ์อย่างเดียวก่อนดีกว่า
งานประจำที่ทำฟรีไปหนึ่งโปรเจคก็ไม่รู้จะได้เงินรึเปล่า นี่เข้าไปก็ได้งานทันทีนะ ไม่ได้นั่งงงเฉยๆ ยังเสียดายที่ให้ตารางแพลนงานเค้าไปด้วยซ้ำ เค้าเอาไปจ้างคนมาทำต่อได้เลย เราอาจดูใจเร็วเนอะ แต่เวลาทำงานคิดเยอะ คิดแถมให้มากกว่าที่ขอตลอด จริงจังตั้งใจไม่เกี่ยงงานเลย แม้ต้องมานั่งปั๊มตราจอดรถด้วย เฝ้าโคเวิร์คกิ้งเสปซในเครือด้วยระหว่างวัน งานตัวเองก็เสกลใหญ่ จะเรียกเอาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ วันไหนที่เราเกิดทำไม่ได้ขึ้นมาก็จะโดนกดดันสูง ดราม่ารออยู่ลิบๆ เลย ตอนนี้เราอาจเอาตัวรอดได้ แต่มันไม่มีทางทำได้ตลอดไปแน่ถ้าทำงานกันแบบนี้


ลำพังแค่ทำฟรีแลนซ์ให้ทันเดทไลน์ก็แทบจะต้องนอนตีสามตีห้าทุกคืนเลย
เพราะเราก็มีจรรยาบรรณ ทำหลังเวลาเลิกงานประจำ ไม่อยากเอาเปรียบบริษัท ทำงานนอกมันก็ต้องแอบๆ ด้วยเนอะ แต่สุดท้ายก็สารภาพความจริงไป แล้วขอออก เพราะรับงานฟรีแลนซ์มาก่อนงานประจำด้วย ถ้าเรายังเหยียบเรือสองแคมต่อไปมันต้องพังไปหมดแน่ ตอนนี้จึงต้องตาลีตาเหลือกชดใช้กรรมให้งานฟรีแลนซ์ ยังคงนอนตีสามตีห้าเหมือนเดิม เพราะโหลดงานมาก แบ่งเวลาไม่ได้ตามตารางตอนทำพร้อมงานประจำไปด้วย


ตอนนี้มีเป้าหมายว่าจะรับงานฟรีแลนซ์ไปจนถึงสิ้นปีดูก่อน และค่อยเริ่มมองหาอนาคตค่ะ
เลยมาถามมาแชร์ให้ใครผ่านไปผ่านมาช่วยรับฟัง และแนะนำเราเป็นบุญหน่อยนะคะ
ตอนนี้ตั้งใจจะเก็บพอร์ตฟอลิโอการทำงานสายดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งให้ได้
แล้วค่อยๆ ขยับไปทำเว็บไซต์ และรับงานเพิ่มเอง ถ้าคล่อง และไหวแทรกงานได้แล้ว


หรืออาจจะหาทางทำประจำ เข้าเอเจนซี่แนวดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งไปเลย
แต่ตอนนี้เราอาจจะยังมีคุณสมบัติไม่ถึง จับต้องไม่ได้ไง งานที่เข้ามาจึงอยู่ในเกณฑ์ประมาณนี้หมด
พวกงานไร้ระบบ แบรนด์จ้างคนทำดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งเอง โดยไม่ผ่านเอเจนซี่
เพราะต้องการลดค่าใช้จ่าย แต่แบรนด์มักไม่ทราบกระบวนการวางแผนงาน
และการใช้เวลาทำงานให้ได้ผลตามเป้าหมาย มันต้องคอยเก็บสถิติ
ประเมินว่าอะไรเวิร์คไม่เวิร์คด้วยนะ ไม่ใช่สักแต่จะโพสต์อะไรไปก็ได้แบบไร้ทิศทาง
มันต้องผ่านกระบวนการคิด และวางแผนการทำงานกันให้รู้เรื่องชัดเจน
แพลนงานล่วงหน้าเป็นเดือนๆ ไม่ใช่นึกอยากทำวันนี้ต้องเสร็จวันนี้อ่าค่ะ ไม่โอเค


งานฟรีแลนซ์ยังวางระบบงานดีกว่ามาก มีตารางงานชัดเจน
มีการสื่อสารคุยงานกันมากกว่างานประจำอีก แม้จะประชุมกันเดือนละครั้ง และคุยงานจุกจิกกันผ่านไลน์กลุ่ม
เพียงแต่ลองมองอนาคตแล้ว เราไม่มั่นใจว่าเราจะรับงานเพิ่มได้ไหม
เพราะมันก็เต็มมือพอสมควร เราควรมีหลักการพิจารณาประเมินงาน คิดค่าใช้จ่าย ต่อรองให้ได้เงินค่าแรงคุ้มค่าเหนื่อยยังไงดีคะ



เริ่มต้นตอนนี้เงินคิดราคาเหมา หมื่นห้าพันบาทต่อเดือน อาจมีเพิ่มให้ในอนาคตถ้าทำงานดี
ตอนนี้ปัญหาที่เจอคือ งานหนักกว่าที่คิดไว้ เพราะต้องใช้ความคิดเยอะ ไม่ได้ทำงานตามสั่งนะ
ต้องกำหนดทิศทางคอนเทนต์ทั้งเดือนเองหมดเลย แล้วค้นคว้า เขียนงานเองเกือบ 100 บทความต่อเดือน
แปลเอง หาภาพประกอบเอง (มีแอคเคาท์ shutterstock รายเดือนของบริษัทให้)
ทำงานร่วมกับกราฟฟิคที่ค่อนข้างจะเด็กน้อย จนอยากจะเหมาทำกราฟฟิคเอง
เพราะมันแค่ครอปภาพจัตุรัส ใส่เทมเพลตกรอบรูปของแบรนด์ แล้วใส่หัวข้อคอนเทนต์เอง
ปล่อยให้กราฟฟิคไปทำอินโฟกราฟฟิค งานออกแบบอัลบั้มยากๆ ดีกว่า
ถ้าเราไหวอ่านะ อาจจะขอทำในส่วนนี้ แล้วขอเพิ่มเงิน
แต่ตอนนี้ยังไม่ไหว เดือนหน้าก็จะเปลี่ยนวิธีดีลคุยตกลงกันใหม่กับกราฟฟิค
คงต้องคิด ดีไซน์การจัดวางเท็กซ์ให้หมดทุกอย่าง พร้อมเอาไปแปะตามได้เลย
(งานตูงอกอีก เพราะปล่อยให้คิดเองไม่น่ารอด ก็จะทำมาผิดๆ แล้วก็มาอิดออดไม่อยากจะแก้ให้)


ตอนนี้ไปๆ มาๆ คิดว่าการเขียนโพสต์เพจมันหนักเท่าเขียนบทความลงเว็บไซต์เลย
แม้จะมีความยาวน้อย แต่ขั้นตอนการค้นคว้าข้อมูลก็หนักพอกันเลย
อาจจะอ้างอิงน้อยกว่าเขียนบทความปกตินะ แต่ต้องแปลจากภาษาอังกฤษ แล้วมาสรุปใจความสำคัญ


เผลอๆ การย่อเอาแต่เนื้อๆ ใจความสำคัญเนี่ยมันยากกว่ามาก
สูญเสียพลังงานสมองมากกว่าเขียนบทความยาวๆ อีก
ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงปรับตัวอยู่ค่ะ แต่ก็เริ่มคิดว่าถ้าในราคานี้
และคุณภาพเราก็อยากคุมให้ดี เราจะไหวไปถึงเมื่อไหร่


มีใครพอจะแนะนำหลักการต่อรอง
หรือการจำแนกคิดเงินตามหน้าที่ของเรา ออกมาเป็นค่าจ้างมั้ย
ตอนนี้หารเฉลี่ยตก 175 บาท ต่อบทความ นี่ถ้าคิดจริงๆ ยังไม่ได้ค่าคิดเลย
ค่าทำงานนอกเหนือการเขียนอีก ต้องคอยตอบคำถามในแฟนเพจตลอดเวลา
งานจิปาถะ หาข่าวมาแชร์ลิงค์ วางแผนกำหนดทิศทางร่วมกับหัวหน้าฝ่ายดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง
แม้แต่งานตามเอกสารผู้โชคดีเพื่อยื่นรับรางวัลก็ต้องมาเสียเวลาตามเอง

คิดว่าเราโอเคนะสำหรับตอนนี้ แต่ต่อไปก็ต้องการจะเก่งขึ้น เติบโตในสายอาชีพนี้มากขึ้น และแน่นอนอยากได้รายได้มาก
35,000 ต่อเดือนก็พอใจละ พอมีเงินเก็บไปลงเรียนหาความรู้เพิ่ม ไปใช้ชีวิตให้คุ้ม แล้วเอาไว้เป็นทุนเปิดร้านใหม่ค่ะ


ขอบคุณที่อดทนอ่านอะไรยาวๆ นะคะ
*แก้ไขคำผิดค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่