เรามีโอกาสได้ดูรายการเรื่องเล่าเช้านี้ เมื่อวันอังคารที่ 10 กรกฎาคม
ซึ่งเป็นตอนพิเศษ โดยมีการรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่
CNN ตั้งโต๊ะสนนาจัดรายการพิเศษเกาะติดทีมหมูป่า
เราประทับใจคำพูดของผู้ร่วมสนทนาในรายการนี้มาก ก็เลยถอดคำสนทนา
ออกมาให้เพื่อน ๆ ฟังค่ะ คำพูดที่เราถอดออกมาอาจจะไม่เป๊ะ ๆ นะคะ
แต่จับใจความได้ดังนี้
CNN จัดเป็นรายการพิเศษใหญ่ขึ้นมารายการหนึ่งเลย โดยมีการตั้งโต๊ะดีเบตกัน
เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำ และการช่วยเหลือมานั่งพูดคุยกัน
และตัดสลับกับเบรกกิ้งนิวส์บรรยากาศสดๆ จากหน้าถ้ำหลวง
ซึ่งผู้ร่วมเสวนาคนหนึ่ง บอกว่าเรื่องราวนี้ถือเป็นปรากฎการณ์
ที่ทุกอย่างทุกองค์ประกอบเป็นปฏิบัติการที่ไม่น่าเชื่อ เต็มไปด้วยความหวัง
การรอคอย ปะปนไปด้วยเรื่องเศร้า อย่างเช่นมีกรณีการสูญเสียของอดีตหน่วยซิล
มีการวมเอานักดำน้ำระดับโลก โดยเฉพาะจากอังกฤษเพื่อมาช่วยเหลือเด็ก ๆ
ทีนี้มีประเด็นหนึ่งในการเสวนาพูดคุยกัน บนโต๊ะดีเบตกันครั้งนี้
เค้าบอกอย่างนี้ว่า ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะมีการสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว
แต่ท้ายที่สุดเหตการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงนำใจของมนุษย์
ที่ต่างเข้าไปยื่นมือช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างกล้าหาญ
มนุษย์ได้ส่งความรักความปรารถนาดีให้กัน เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์อย่างมาก
ผู้ร่วมเสวนา บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าการช่วยเหลือครั้งนี้เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมา
สะท้อนให้เห็นถึงความอบอุ่นในสังคมไทย ไม่มีการโทษกันไปโทษกันมา
หรือว่าพยายบามจะโยนความผิดให้ใครครใดคนหนึ่งเลย
ตามปกติด้วยความเป็นมนุษย์ การเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็มักจะโทษกันไป
โทษกันกันมาแต่ว่าคนไทยได้ทำให้ทั่วโลกตระหนักถึงเหตุการ์ในลักษณะแบบนี้
ถึงความเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจที่อบอุ่น แล้วก็เอื้ออาทรให้กันและกันเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ร่วมการเสวนาคนหนึ่งพูดบอกว่า
มนุษย์นั้นแย่มากเพียงใดที่มักจะโทษกันไปกันมา
แต่เหตุการณ์นี้ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่า
มนุษย์ต้องการความร่วมมือร่วมใจต้องการ การจับมือกัน
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเหตุการณ์นี้
ยังถือเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงพลัง ให้กับพวกเราทุก ๆ คนด้วย
ผู้ร่วมเสวนาอีกคนหนึ่งก็บอกว่า
เป็นเพราะมีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องบ้างหรือเปล่า
ที่ทำให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันได้ขนาดนี้
นายกรัฐมนตรีไทยลงพื้นที่ไปกระชับการทำงานในพื้นที่
แต่กระนั้น ผู้เสวนาหญิงโต้กลับ บอกว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องของการเมือง
แต่ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนั้น น่าจะเป็นเพราะลักษณะของสังคมไทยมากกว่า
ที่เค้าเป็นคนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ข่าวนี้ไม่ได้เป็นวาระแห่งชาติในประเทศไทยอย่างเดียว นี่คื่อวาระของโลก
สื่อยักษ์ใหญ่อย่าง CNN ยังถึงขั้นกางโต๊ะและดีเบตกันในเรื่องนี้
มองเห็นภาพรวมภาพกว้าง
สิ่งทีมันจะท้อนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับน้อง ๆ ที่อยู่ในถ้ำ
ผู้ให้สัมภาษณ์ชาย : ตอนนี้เด็กคนที่ 6 และคนที่ 7 ปลอดภัยแล้ว
เหล่านักกู้ภัยทำงานยอดเยี่ยมมาก
เป็นเหตุการณ์ที่มหัศจรรย์ของมนุษยชาติ
ตอนนี้เบรกกิ้งนิวส์ในเฟสบุ๊คกำลังร้อนลุกเป็นไฟไปทั่วโลก
เป็นเหตุการณ์ที่น่าอบอุ่นหัวใจอย่างยิ่ง
ตามปกติปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นต่อเหตุการณ์ลักษณะนี้
มักจะมีคนใดคนหนึ่งถูกกล่าวโทษ จะต้องเป็นความผิดของคนใดคนหนึ่ง
แต่สำหรับเหตุการณ์นี้ไม่มีการกล่าวโทษเกิดขึ้นเลย ซึ่งทำให้เราตระหนักถึงความเป็นมนุษย์
ซึ่งทำให้เราเห็นว่าพวกเขาเป็นคนที่น่าอบอุ่น และเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากทีเดียว
ผู้ให้สัมภาษณ์หญิง : แน่นอนค่ะ
เมื่อเหตุการณ์มาถึงจุดที่แย่ที่สุด
เราก็ได้เห็นน้ำใจของมนุษย์ ที่หลั่งออกมาจากหัวใจ เป็นเรื่องที่กินใจมาก
ที่ผ่านมาเราได้ถกเถียงกันมากมายว่า พวกเราในฐาะที่เป็นมนุษย์นั้น เลวร้ายเพียงใด
ว่าเราได้สร้างความหวาดกลัวขึ้น
แต่จากเหตุการณ์นี้ เราก็จะเห็นว่า ธรรมชาติของมนุษย์ต้องการความร่วมมือ
ธรรมชาติของมนุษย์ต้องการการอยู่ร่วมกัน และให้ความช่วยเหลือผู้อื่น
แล้วดิฉันก็คือว่า เหตุการณ์นี้มีพลังอย่างมากที่จะทำให้คนทั่วโลกได้ตระหนักถึงสิ่งนี้
CNN เป็นสื่อหนึ่งที่เกาะติดเรื่องนี้ตลอดเวลาที่มีน้อง ๆ คนที่ 5 ออกมา
เค้าก็ตัดเป็นเบรกกิ้งนิวส์ คนที่ 6 คนที่ 7 เค้าเกาะติดเรื่องนี้ตลอด
รวมถึงเค้าลงข้อเขียนของกวีนักเขียนและเป็นอาจารย์อยู่ที่อเมริกาท่านหนึ่งที่ชื่อว่า เจพารินี่
เขาใช้ชื่อหัวเรื่องว่า ทำไมเราถึงไม่สามารถเลิกติดตามการกู้ภัยที่ถ้ำในไทยได้
นี่ถือว่าเป็นคำถามสำคัญ เออ ทำไมเราถึงไม่สามารถเลิกติดตามภารกิจนี้ได้
บทความชิ้นหนึ่งถูกแพร่หลายในสื่อออนไลน์ ระบุว่า
ตอนนี้ทุกสายตาเพ่งมาที่ประเทศไทย
เห็นนักดำน้ำผู้กล้าเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเด็กชาย ภารกิจกู้ภัยใต้ดิน ในพื้นที่ลึก ๆ แคบ ๆ
ขรุขระ กระแสน้ำแรง ทำให้นักประดาน้ำและทัศนวิสัย หลายพื้นที่ในถ้ำเกือบเป็นศูนย์
นี่คือเป็นความพยายามที่ยากจนเกินจะจินตนาการ
ก็คือจินตนาการไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นแบบไหน
บทความนี้ยังเขียนสอดคล่องกับที่ CNN ตั้งโต๊ะแถลง ตั้งโต๊ะดีเบทว่า
มันเหมือนกับว่าเป็นแรงบันดาลใจที่ผู้คนทั่วโลกพอได้เห็นแล้ว
เห็นถึงการร่วมกทีมของกู้ภัยนาน ๆ ชาติ ญี่ปุ่น อเมริกัน ออสเตเลีย รวมถึงไทย
แล้วก็อีกหลายๆ ประเทศ เสริมความเชี่ยวชาญของตัวเองมา
นี่คือการผนึกกำลังสำคัญที่สะท้อนให้ทั่วโลกเห็นว่า
ครั้งหนึ่งมีการร่วมมือร่วมใจกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ถ้าจะตีความจากคำนี้ก็คือ
เป็นการร่วมมือร่วมใจของมนุษย์ ที่จะต่อสู้กับธรรมชาตินั่นเอง
และประโยคสำคัญที่เขาบอกก็คือ
ในถ้ำมันไม่มีสีผิว มันไม่มีความแตกต่างทางศาสนา หรืออัตลักษณ์ทางเพศ
ไม่มีใครห่อหุ้มตัวเองในผืนธง หรือตั้งคำถามเรื่องวิทยาศาสตร์
นี่ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่หายาก สำหรับการได้เห็นว่าเราสามารถรับมือ
กับภารกิจที่น่ากลัวได้ เมื่อทุกคนร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว ปราศจากความเห็นแก่ตัว
ลิ้งค์ข่าว
http://morning-news.bectero.com/m/main.php?m=newsdetail&cname=international&nid=126088
ฟังแล้วประทับใจมาก ก็เลยอยากให้ทุกคนได้อ่าน และได้ประทับใจไปพร้อมกับเรา
CNN ตั้งโต๊ะสนนาจัดรายการพิเศษเกาะติดทีมหมูปา
ซึ่งเป็นตอนพิเศษ โดยมีการรายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่
CNN ตั้งโต๊ะสนนาจัดรายการพิเศษเกาะติดทีมหมูป่า
เราประทับใจคำพูดของผู้ร่วมสนทนาในรายการนี้มาก ก็เลยถอดคำสนทนา
ออกมาให้เพื่อน ๆ ฟังค่ะ คำพูดที่เราถอดออกมาอาจจะไม่เป๊ะ ๆ นะคะ
แต่จับใจความได้ดังนี้
CNN จัดเป็นรายการพิเศษใหญ่ขึ้นมารายการหนึ่งเลย โดยมีการตั้งโต๊ะดีเบตกัน
เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำ และการช่วยเหลือมานั่งพูดคุยกัน
และตัดสลับกับเบรกกิ้งนิวส์บรรยากาศสดๆ จากหน้าถ้ำหลวง
ซึ่งผู้ร่วมเสวนาคนหนึ่ง บอกว่าเรื่องราวนี้ถือเป็นปรากฎการณ์
ที่ทุกอย่างทุกองค์ประกอบเป็นปฏิบัติการที่ไม่น่าเชื่อ เต็มไปด้วยความหวัง
การรอคอย ปะปนไปด้วยเรื่องเศร้า อย่างเช่นมีกรณีการสูญเสียของอดีตหน่วยซิล
มีการวมเอานักดำน้ำระดับโลก โดยเฉพาะจากอังกฤษเพื่อมาช่วยเหลือเด็ก ๆ
ทีนี้มีประเด็นหนึ่งในการเสวนาพูดคุยกัน บนโต๊ะดีเบตกันครั้งนี้
เค้าบอกอย่างนี้ว่า ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นี้จะมีการสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว
แต่ท้ายที่สุดเหตการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงนำใจของมนุษย์
ที่ต่างเข้าไปยื่นมือช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างกล้าหาญ
มนุษย์ได้ส่งความรักความปรารถนาดีให้กัน เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์อย่างมาก
ผู้ร่วมเสวนา บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าการช่วยเหลือครั้งนี้เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมา
สะท้อนให้เห็นถึงความอบอุ่นในสังคมไทย ไม่มีการโทษกันไปโทษกันมา
หรือว่าพยายบามจะโยนความผิดให้ใครครใดคนหนึ่งเลย
ตามปกติด้วยความเป็นมนุษย์ การเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็มักจะโทษกันไป
โทษกันกันมาแต่ว่าคนไทยได้ทำให้ทั่วโลกตระหนักถึงเหตุการ์ในลักษณะแบบนี้
ถึงความเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจที่อบอุ่น แล้วก็เอื้ออาทรให้กันและกันเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ร่วมการเสวนาคนหนึ่งพูดบอกว่า
มนุษย์นั้นแย่มากเพียงใดที่มักจะโทษกันไปกันมา
แต่เหตุการณ์นี้ได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่า
มนุษย์ต้องการความร่วมมือร่วมใจต้องการ การจับมือกัน
ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเหตุการณ์นี้
ยังถือเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงพลัง ให้กับพวกเราทุก ๆ คนด้วย
ผู้ร่วมเสวนาอีกคนหนึ่งก็บอกว่า
เป็นเพราะมีเรื่องของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องบ้างหรือเปล่า
ที่ทำให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันได้ขนาดนี้
นายกรัฐมนตรีไทยลงพื้นที่ไปกระชับการทำงานในพื้นที่
แต่กระนั้น ผู้เสวนาหญิงโต้กลับ บอกว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องของการเมือง
แต่ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนั้น น่าจะเป็นเพราะลักษณะของสังคมไทยมากกว่า
ที่เค้าเป็นคนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ข่าวนี้ไม่ได้เป็นวาระแห่งชาติในประเทศไทยอย่างเดียว นี่คื่อวาระของโลก
สื่อยักษ์ใหญ่อย่าง CNN ยังถึงขั้นกางโต๊ะและดีเบตกันในเรื่องนี้
มองเห็นภาพรวมภาพกว้าง
สิ่งทีมันจะท้อนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับน้อง ๆ ที่อยู่ในถ้ำ
ผู้ให้สัมภาษณ์ชาย : ตอนนี้เด็กคนที่ 6 และคนที่ 7 ปลอดภัยแล้ว
เหล่านักกู้ภัยทำงานยอดเยี่ยมมาก
เป็นเหตุการณ์ที่มหัศจรรย์ของมนุษยชาติ
ตอนนี้เบรกกิ้งนิวส์ในเฟสบุ๊คกำลังร้อนลุกเป็นไฟไปทั่วโลก
เป็นเหตุการณ์ที่น่าอบอุ่นหัวใจอย่างยิ่ง
ตามปกติปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นต่อเหตุการณ์ลักษณะนี้
มักจะมีคนใดคนหนึ่งถูกกล่าวโทษ จะต้องเป็นความผิดของคนใดคนหนึ่ง
แต่สำหรับเหตุการณ์นี้ไม่มีการกล่าวโทษเกิดขึ้นเลย ซึ่งทำให้เราตระหนักถึงความเป็นมนุษย์
ซึ่งทำให้เราเห็นว่าพวกเขาเป็นคนที่น่าอบอุ่น และเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากทีเดียว
ผู้ให้สัมภาษณ์หญิง : แน่นอนค่ะ เมื่อเหตุการณ์มาถึงจุดที่แย่ที่สุด
เราก็ได้เห็นน้ำใจของมนุษย์ ที่หลั่งออกมาจากหัวใจ เป็นเรื่องที่กินใจมาก
ที่ผ่านมาเราได้ถกเถียงกันมากมายว่า พวกเราในฐาะที่เป็นมนุษย์นั้น เลวร้ายเพียงใด
ว่าเราได้สร้างความหวาดกลัวขึ้น
แต่จากเหตุการณ์นี้ เราก็จะเห็นว่า ธรรมชาติของมนุษย์ต้องการความร่วมมือ
ธรรมชาติของมนุษย์ต้องการการอยู่ร่วมกัน และให้ความช่วยเหลือผู้อื่น
แล้วดิฉันก็คือว่า เหตุการณ์นี้มีพลังอย่างมากที่จะทำให้คนทั่วโลกได้ตระหนักถึงสิ่งนี้
CNN เป็นสื่อหนึ่งที่เกาะติดเรื่องนี้ตลอดเวลาที่มีน้อง ๆ คนที่ 5 ออกมา
เค้าก็ตัดเป็นเบรกกิ้งนิวส์ คนที่ 6 คนที่ 7 เค้าเกาะติดเรื่องนี้ตลอด
รวมถึงเค้าลงข้อเขียนของกวีนักเขียนและเป็นอาจารย์อยู่ที่อเมริกาท่านหนึ่งที่ชื่อว่า เจพารินี่
เขาใช้ชื่อหัวเรื่องว่า ทำไมเราถึงไม่สามารถเลิกติดตามการกู้ภัยที่ถ้ำในไทยได้
นี่ถือว่าเป็นคำถามสำคัญ เออ ทำไมเราถึงไม่สามารถเลิกติดตามภารกิจนี้ได้
บทความชิ้นหนึ่งถูกแพร่หลายในสื่อออนไลน์ ระบุว่า
ตอนนี้ทุกสายตาเพ่งมาที่ประเทศไทย
เห็นนักดำน้ำผู้กล้าเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยเด็กชาย ภารกิจกู้ภัยใต้ดิน ในพื้นที่ลึก ๆ แคบ ๆ
ขรุขระ กระแสน้ำแรง ทำให้นักประดาน้ำและทัศนวิสัย หลายพื้นที่ในถ้ำเกือบเป็นศูนย์
นี่คือเป็นความพยายามที่ยากจนเกินจะจินตนาการ
ก็คือจินตนาการไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นแบบไหน
บทความนี้ยังเขียนสอดคล่องกับที่ CNN ตั้งโต๊ะแถลง ตั้งโต๊ะดีเบทว่า
มันเหมือนกับว่าเป็นแรงบันดาลใจที่ผู้คนทั่วโลกพอได้เห็นแล้ว
เห็นถึงการร่วมกทีมของกู้ภัยนาน ๆ ชาติ ญี่ปุ่น อเมริกัน ออสเตเลีย รวมถึงไทย
แล้วก็อีกหลายๆ ประเทศ เสริมความเชี่ยวชาญของตัวเองมา
นี่คือการผนึกกำลังสำคัญที่สะท้อนให้ทั่วโลกเห็นว่า
ครั้งหนึ่งมีการร่วมมือร่วมใจกันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ถ้าจะตีความจากคำนี้ก็คือ
เป็นการร่วมมือร่วมใจของมนุษย์ ที่จะต่อสู้กับธรรมชาตินั่นเอง
และประโยคสำคัญที่เขาบอกก็คือ
ในถ้ำมันไม่มีสีผิว มันไม่มีความแตกต่างทางศาสนา หรืออัตลักษณ์ทางเพศ
ไม่มีใครห่อหุ้มตัวเองในผืนธง หรือตั้งคำถามเรื่องวิทยาศาสตร์
นี่ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่หายาก สำหรับการได้เห็นว่าเราสามารถรับมือ
กับภารกิจที่น่ากลัวได้ เมื่อทุกคนร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียว ปราศจากความเห็นแก่ตัว
ลิ้งค์ข่าว http://morning-news.bectero.com/m/main.php?m=newsdetail&cname=international&nid=126088
ฟังแล้วประทับใจมาก ก็เลยอยากให้ทุกคนได้อ่าน และได้ประทับใจไปพร้อมกับเรา