ตอนนี้หลายคนคงรู้จัก Trade War กันแล้ว ภายหลัง Trade War Chapter I (Tariff 25%) เริ่มมีผลบังคับใช้กับจีนไปเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ที่ผ่านมา มูลค่าธุรกรรมประมาณ 34,000 ล้าน$ หรือตีมูลค่าเป็นเงินไทยประมาณ
1.12 ล้านล้านบาท ...นโยบาย Tariff 25% ยังมีหมัดย่อยอีกเป็นมูลค่า 16,000 ล้าน$
ส่วนจีนก็ประกาศใช้ Tariff ต่ออเมริกาด้วยมูลค่าเท่าๆกัน เรียกว่า Hit Back กันตาต่อตาฟันต่อฟัน โดยมุ่งเน้นไปที่สินค้าเกษตรซึ่งเป็นฐานเสียงของ Trump
เมื่อคืนก่อน Trump ดูเหมือนจะไม่พอใจจีน สานต่อ Trade War Chapter II (Tariff 10%) โดยมีมูลค่าธุรกรรมแบบจัดหนักกว่า 200,000 ล้าน$ หรือกว่า 6 เท่าจากมูลค่าเดิม ระยะเวลามีผลใช้บังคับไม่ใกล้ไม่ไกล อีกแค่ 2 เดือนครับ(อยากให้ราชการไทยทำงานได้รวดเร็วแบบนี้จัง)
รายละเอียดปลีกย่อยสินค้าใดบ้างที่ได้รับผลกระทบ ขอให้ผู้อ่านหาข้อมูลเพิ่มเติมเอง ซึ่งคาดว่าจะกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ใช่เฉพาะประเทศจีนและอเมริกา แต่เป็นห่วงโซ่อุปสงค์-อุปทานระดับโลก เพราะยังมี Trade War Special Editions ที่อเมริกาไม่ได้ทำ Trade War แค่จีนเท่านั้น แต่ประเทศกันชนรอบข้าง รวมทั้งยุโรปและเอเชียก็ได้รับการตั้ง Tariff กันถ้วนหน้า
สำหรับ Trade War Chapter II นั้น แว่วๆมาว่าจีน อาจใช้มาตรการตอบโต้ในรูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการถ่วงเวลา FDI ของบริษัทจากอเมริกา การขายพันธบัตรครั้งใหญ่ การลดค่าเงินหยวนเองเพื่อลดผลกระทบค่าเงิน หรือหมัดพิฆาตอื่นๆที่กำลังจะตามมาขย่มขวัญโลกการค้าเสรี(ที่กำลังจะเป็นอดีตอีกครั้ง)
https://www.investing.com/news/economy-news/us-ramps-up-trade-row-with-china-threatens-new-tariffs-1524732
ในโลกของ Macro Economic บทความล่าสุด ผมขออิงบทความของ ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ ลิ้งค์
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645058 ซึ่งเขียนไว้เตือนสติผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะประวัติศาสตร์ก็เคยจารึกเรื่องราวของ Trade War ในอดีตว่าผลลัพธ์ในปีต่อๆมาจะลงเอยแบบใด
ยังเร็วไปหากจะพูดว่าการค้าโลกระยะสั้นจะได้รับผลกระทบ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจทั้งโลกนั้นยังดูดี หรืออาจมีนัยยะแฝง ...เช่น การค้าในช่วงครึ่งปีซึ่งดูดีผิดหูผิดตา อาจเกิดขึ้นมาจากคำสั่งซื้อสินค้าเพื่อทิ้งทวนก่อนผลกระทบจาก Trade War จะเริ่มเห็นผลในครึ่งปีหลังและปีต่อๆไปก็อาจเป็นได้
Jim Rogers เคยกล่าวไว้ว่า "
No one has ever won a trade war. They always end badly and Mr. Trump and the people around him seem to be very keen on trade wars. Mr. Trump has talked about them for years.
Or he doesn't know history which is possible or he thinks he's smarter than history which is probable. He thinks that he can win a trade war no matter what and therefore he's willing to try and it's getting worse and worse."
จากคำพูดของจิม
ผมถึงกลับต้องไปเปิดบทความ(ตามลิ้งค์) ที่ ดร.บุญธรรม เขียนไว้หลายๆครั้งเพื่อเตรียมรับมือและเฝ้าติดตามอย่างระมัดระวัง และถ้าใครประเมินเรื่องราวของ Trade War ไว้ผิดทาง ...ก็อาจได้รับคุณหรือโทษจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ได้ครับ
Trade War น่ากลัวไหม?
ส่วนจีนก็ประกาศใช้ Tariff ต่ออเมริกาด้วยมูลค่าเท่าๆกัน เรียกว่า Hit Back กันตาต่อตาฟันต่อฟัน โดยมุ่งเน้นไปที่สินค้าเกษตรซึ่งเป็นฐานเสียงของ Trump
เมื่อคืนก่อน Trump ดูเหมือนจะไม่พอใจจีน สานต่อ Trade War Chapter II (Tariff 10%) โดยมีมูลค่าธุรกรรมแบบจัดหนักกว่า 200,000 ล้าน$ หรือกว่า 6 เท่าจากมูลค่าเดิม ระยะเวลามีผลใช้บังคับไม่ใกล้ไม่ไกล อีกแค่ 2 เดือนครับ(อยากให้ราชการไทยทำงานได้รวดเร็วแบบนี้จัง)
รายละเอียดปลีกย่อยสินค้าใดบ้างที่ได้รับผลกระทบ ขอให้ผู้อ่านหาข้อมูลเพิ่มเติมเอง ซึ่งคาดว่าจะกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ใช่เฉพาะประเทศจีนและอเมริกา แต่เป็นห่วงโซ่อุปสงค์-อุปทานระดับโลก เพราะยังมี Trade War Special Editions ที่อเมริกาไม่ได้ทำ Trade War แค่จีนเท่านั้น แต่ประเทศกันชนรอบข้าง รวมทั้งยุโรปและเอเชียก็ได้รับการตั้ง Tariff กันถ้วนหน้า
สำหรับ Trade War Chapter II นั้น แว่วๆมาว่าจีน อาจใช้มาตรการตอบโต้ในรูปแบบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการถ่วงเวลา FDI ของบริษัทจากอเมริกา การขายพันธบัตรครั้งใหญ่ การลดค่าเงินหยวนเองเพื่อลดผลกระทบค่าเงิน หรือหมัดพิฆาตอื่นๆที่กำลังจะตามมาขย่มขวัญโลกการค้าเสรี(ที่กำลังจะเป็นอดีตอีกครั้ง) https://www.investing.com/news/economy-news/us-ramps-up-trade-row-with-china-threatens-new-tariffs-1524732
ในโลกของ Macro Economic บทความล่าสุด ผมขออิงบทความของ ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ ลิ้งค์ http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/645058 ซึ่งเขียนไว้เตือนสติผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะประวัติศาสตร์ก็เคยจารึกเรื่องราวของ Trade War ในอดีตว่าผลลัพธ์ในปีต่อๆมาจะลงเอยแบบใด
ยังเร็วไปหากจะพูดว่าการค้าโลกระยะสั้นจะได้รับผลกระทบ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจทั้งโลกนั้นยังดูดี หรืออาจมีนัยยะแฝง ...เช่น การค้าในช่วงครึ่งปีซึ่งดูดีผิดหูผิดตา อาจเกิดขึ้นมาจากคำสั่งซื้อสินค้าเพื่อทิ้งทวนก่อนผลกระทบจาก Trade War จะเริ่มเห็นผลในครึ่งปีหลังและปีต่อๆไปก็อาจเป็นได้
Jim Rogers เคยกล่าวไว้ว่า "No one has ever won a trade war. They always end badly and Mr. Trump and the people around him seem to be very keen on trade wars. Mr. Trump has talked about them for years. Or he doesn't know history which is possible or he thinks he's smarter than history which is probable. He thinks that he can win a trade war no matter what and therefore he's willing to try and it's getting worse and worse."
จากคำพูดของจิม ผมถึงกลับต้องไปเปิดบทความ(ตามลิ้งค์) ที่ ดร.บุญธรรม เขียนไว้หลายๆครั้งเพื่อเตรียมรับมือและเฝ้าติดตามอย่างระมัดระวัง และถ้าใครประเมินเรื่องราวของ Trade War ไว้ผิดทาง ...ก็อาจได้รับคุณหรือโทษจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ได้ครับ