[CR] ธนาคารสีเขียวเรื่องการขายประกันพ่วงบัตรเครดิต

เรียน ธนาคารสีเขียวเรื่องการขายประกันพ่วงบัตรเครดิต
             (เช้านี้เริ่มงานมาด้วยการต้องเสียเวลาไปสำนักงานบังคับคดี จึงขอเขียนเรื่องนี้ เกี่ยวกับธนาคารสีเขียวกรณีบัตรเครดิตชื่อ บัตร wisdom ไว้เป็นอุทาหรณ์ ในการได้สิทธิในบัตรดังกล่าวมาต้องซื้อประกันชีวิตของธนาคารพ่วง(ยาวหน่อยแต่เป็นประโยชน์ทางด้านการเงินครับ))
     เรื่องเกิดขึ้นในปี 2557 ช่วงเดือน กย. 2557 ได้มี ผจก. ของธนาคารสีเขียว วอคอิน เพื่อมาชักชวนให้ถือบัตร วิสดอมของธนาคาร จริงๆ ผมถือบัตรเครดิตแพลทตินั่มของธนาคารสีเขียวมานานนับสิบกว่าปี การที่ธนาคารมาเชิญชวนอัฟเกรดบัตรจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ  แต่แน่นอน การจะได้มาซึ่งบัตรดังกล่าว ธนาคารได้ขายพ่วงมากับประกันชีวิเบี้ยประกันปีละ700,000 บาท ซึ่งไม่ใช่เงินน้อยๆ ผมจึงปฏิเสธแบบมีน้ำใจไปว่า ไม่อยากจะเสียเงินดังกล่าว แต่ก็ให้ความหวัง ผจก. ท่านนั้นแบบมีเงื่อนไข ไปว่า ถ้าบัตรเครดิตแบบแพลทตินัมของผมที่เดิมมีวงเงินอยู่ 5 แสน แล้วถ้าบัตรขยับมาเป็น วิสดอม เพิ่มวงเงินให้เป็น1.2 ล้าน ผมก็จะยอมซื้อประกันชีวิตปีละ 7แสนบาท เป็นการแลกเปลี่ยนกัน.
         ปัญหาเริ่มเกิดจาก การที่ผมสร้างเงื่อนไขมาเนี่ยแหละ ถ้าปฏิเสธไปวันนั้นคือจบ แต่มองในอีกแง่ถ้าผู้ขาย ไปขอธนาคารให้วงเงินเพิ่มไม่ได้ แล้วไม่ต้องมาอัฟเกรดบัตรผมก็จบเหมือนกัน ผมก็พอใจกับบัตรเก่าผมอยู่แล้ว เรื่องก็จบกันไป แต่ ผจก. ท่านนั้น มีความเร่งด่วนที่จะทำยอดขายให้ธนาคารหรืออย่างไรไม่ทราบได้ จึงได้กระทำการนำบัตรวิสดอม มาให้ผมก่อนที่จะไปไฟท์ในการเพิ่มวงเงินตามที่สัญญากันไว้  ปรากฎว่า ผมจึงกลายสถานะมาเป็นวิสดอม (ล่วงหน้า)เดินเข้าแบงค์ก็สบายไม่ต้องต่อคิวมีห้องให้นั่งอ่านหนังสือ กินกาแฟ โดย ผจก. ก็จะมีเวลาให้ผมชำระเบี้ยประกันชีวิต 7แสนบาท แบ่งจ่าย3 งวด ในต้นปี 2558คือ. ม.ค.  กพ. มีค. 2558 เดือนละ2แสนกว่าบาท
         สาเหตุที่ ผจก. ท่านนั้นนำบัตรวิสดอมมาให้ก่อนแล้วทำเรื่องชำระเบี้ยประกันชีวิตภายหลังในสามเดือนข้างหน้า ด้วยเหตุผลที่เขาว่า เผื่อวงเงินที่ผมขอขยายไม่ได้ ก็จะได้ยกเลิกบัตรดังกล่าวไป เพราะยังไม่ได้ชำระค่าเบี้ยประกันใน3เดือนข้างหน้า แต่ความเป็นจริงของเทคนิคการขายของผู้ขายไม่ได้เป็นแบบนั้น. ผมกำลังโดนฮาร์ดเซลที่ให้ รับของไว้ก่อน ส่วนข้อตกลงนั้น พอถึงเดือน พย 57 ทางธนาคารได้เริ่มตัดค่าประกันชีวิตผมเลยทันที ซึ่งผมได้โทรไปยังคอลเซ็นเตอร์ของธนาคารว่าน่าจะมีความผิดพลาดในเรื่องดังกล่าวและโทรไปหาช่วยผู้จัดการที่มาด้วยกัน ก็ได้รับคำตอบว่ามีการลืมลงบันทึกไว้ในเงื่อนไขในคอม แต่ในเดือนต่อๆมา นอกจากจะยังไม่นำ คชจ ดังกล่าวออกจากบัตรเครดิตก็ยังตัดซ้ำไปอีกสองเดือนจนครบ 700,000 บาท ซึ่งผมก็โทรไปคัดค้านและโวยวายที่คอลเซ็นเตอร์ทุกเดือนก็ไม่มีผลตอบรับใดๆ
              หลังจากนั้น ผจก ก็มาสรุปให้ผมว่า ยอดเงินในการขยายเป็นบัตรวิสดอม จากบัตรเก่าผม5แสนกลายมาเป็นได้แค่ 6 แสน ถึงตอนนี้ ก็คือจบ ผมคงไม่ต้องการได้รับการขยายวงเงินแค่ 100,000 บาทกับการต้องมาเสียประกันชีวิตปีละ 700,000 บาท การรีฟันด์เงินค่าประกันที่ตัดในบัตรเครดิตกลับมา เป็นวิธีการที่เราคุยกันตั้งแต่ต้น ผมก็อยู่ในระดับแพลตตินั่มต่อไป เพราะเงื่อนไขต่างๆมันไม่ได้เป็นไปตามที่เราเจรจากัน.   แต่เรื่องราวกลับไม่เป็นแบบนั้นเงินค่าประกันชีวิตที่หักในบัตรเครดิตก็ยังคา อยู่เป็นค่าใช้จ่ายแบบนั้น ไม่ว่าจะโทรคุยคอลเซ็นเตอร์ เดินเข้าหาธนาคาร ทำหนังสือ ถึงผู้อำนวยการฝ่าย. ทุกอย่างก็เงียบเหมือนเดิม จนสรุป ผมจึงบอกกล่าวว่า ผมจะหยุดการจ่ายค่าบัตรเครดิตทั้งระบบ ทั้งเรื่องค่าประกันทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ยังค้างคาอยู่แล้วไปว่ากันในชั้นศาล แต่ในใจอยากแค่ให้ธนาคาร แค่หันกลับมามองเรื่องผม แล้วเอา คชจ. ประกันชีวิตออกไป ผมก็กลับมาชำระตามปกติ
              แต่งานนี้ ธนาคารสีเขียว หายเงียบไปเป็นปีแล้วกลับมาฟ้องผมด้วยหนี้ก้อนโต รวมดอกเบี้ยมากมาย เราจึงไปขึ้นศาลจังหวัดพระโขนง จบลงที่ ฝ่ายธนาคาร ก็จะกลับไปคุยเรื่องการเปิดบัตรคืนสถานะบัตรให้ผม ถ้าผมยอมจ่ายประกัน และ คชจ. ค้างคาอยู่ โดยทยอยจ่าย ได้ และตัดดอกเบี้ยให้บางส่วน สุดท้ายผมก็เลือกหนทางไกล่เกลี่ยโดยไปยอมเซ็นต์ทำยอมที่จะจ่ายค่าเบี้ยประกันชีวิตดังกล่าวให้แบบข้องใจ แต่ให้มันจบๆเรื่องกันไปถือว่าฟาดเคราะห์ไป ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมาก
         หลังจากจบศาล ฝั่งผมก็ทะยอยจ่ายให้ธนาคารไปจนประมาณ เกือบสามแสนบาท แต่ฝั่งธนาคาร กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเรื่องการทำเรื่องคืนสถานะบัตรแต่อย่างใด จนมาวันนึง ผมได้รับจดหมายจากธนาคารสีเขียวว่ามีเงินคงเหลือในบัญชีชื่อผมที่สาขาหัวหิน หนึ่งแสนกับสามพันกว่าบาท. ซึ่งผมนึกไม่ออกเลยว่าทำไมเงินถึงไปอยู่ในธนาคารสีเขียวที่สาขาหัวหินทั้งทั้งที่บัญชีนี้ผมทิ้งไว้ 3000 กว่าบาทตั้งแต่ปี 2549. ไม่เคยมีความเคลื่อนไหวเลย เล่มสมุดบัญชีก็หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เพราะเปิดทิ้งไว้เป็น 10 ปีกว่าแล้วจึงไปแจ้งความเพื่อนำใบแจ้งความไปเบิกเงินและไปทำเล่มบัญชีใหม่ ที่สาขาหัวหิน
            เงินจำนวนดังกล่าวผมได้ทราบจากการสอบถามว่า ทำไมมีเงินเข้า บช. ผม เงินมาจากไหน
และก็ได้ทราบจากธนาคารว่าเงินนั้นเป็นเงินปันผลต่อปี 100,000 บาทจากประกันชีวิตของบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตที่ผมพยายามยกเลิกประกันกับธนาคารสีเขียวนั่นแหละ. นั่นหมายถึงว่า ผมมีหลักฐานเพิ่มเติมว่า ยังมีแบบฟอร์มบางรายการที่มันยังไม่สมบูรณ์ในการทำประกันนั่นก็คือแบบฟอร์มการอนุญาต ในการนำเงินปันผลรายปี ซึ่งผมไม่ได้เป็นผู้เขียนระบุเบอร์บัญชีที่รับผลประโยชน์ในการนำเงินปันผลเข้า โดยข้อมูลดังกล่าวผมจึงไปขอดูแบบฟอร์มที่สำนักงานใหญ่เมืองไทยประกันชีวิตและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆมีการเขียนแบบฟอร์มดังกล่าวด้วยลายมือที่น่าจะเป็นลายมือผู้หญิงและที่สำคัญถ้าผมจะรับเงินผลประโยชน์ผมคงให้เลขที่บัญชีธนาคารสีเขียวในกรุงเทพที่ผมหมุนเวียนเงินอยู่ไม่ได้เอาไปให้ธนาคารที่ผมเปิดบัญชีลืมไปแล้วที ตจว. อย่างแน่นอน

          เมื่อบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตรับทราบเรื่องนี้ไม่นาน บริษัทเมืองไทยประกันชีวิตก็ทำเช็คคืนเงินค่าประกันภัยชีวิต ในจำนวน 700,000 บาทดังกล่าวหักด้วยเงินปันผลที่เคยโอนให้มา แล้วมีค่าดำเนินการค่าธรรมเนียมอะไรอีกนิดหน่อย นี่เท่ากับว่าบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตได้เล็งเห็นความถูกต้อง แล้วว่ารูปแบบการขายประกันดังกล่าวยังไม่ได้ครบองค์ประกอบของความถูกต้อง

                และหลังจากผมได้เช็คคืนค่าประกันจากบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตชีวิต ในช่วงก่อนสงกรานต์ปี 2560 ผมได้ประสานไปฝ่ายกฎหมายของธนาคารสีเขียวว่าเรื่องนี้มันควรจะจบลงด้วยการนำเงินของเมืองไทยประกันชีวิตที่คืนผมมา 700,000 ไปชำระบัตรเครดิตที่ต่อสู้กันมา2-3ปี แล้วก็คืนสถานะบัตรของผมมา บวกด้วยหนี้ที่ไม่เกี่ยวกับประกันชีวิตที่ติดพันไปในการหยุดชำระ เรื่องมันก็จบ

                      แต่เช่นเคยธนาคารสีเขียวไม่มีผู้ที่มาดูแลในปัญหาในเชิงลึกมุ่งประเด็นแต่จะทำการบังคับ เอาตามคำฟ้องตามใบทำยอมของศาลคราวที่แล้ว. ตอนนี้มามุ่งเอากระทำการบังคับคดีจะเอาบ้านหลังหนึ่ง50 ตรว ซึ่งผมให้บุคคลอื่นได้เช่าเป็นระยะเวลามาประมาณเกือบ 10 ปีแล้วถ้าบ้านหลังดังกล่าวถูกยึดไปด้วยหนี้บัตรเครดิต ที่ตัวเงินส่วนหนึ่งเกิดจากการขายประกันของธนาคารเองและดอกเบี้ยที่พอกพูนขึ้นมา อย่างมโหฬารโดยที่ธนาคารกองไว้ไม่ทำเรื่องเอง  และขอให้รับรู้ไว้ว่าธนาคารนอกจากไม่มีวิธีการแก้ไขที่มีธรรมาภิบาลมากกว่านี้ทำให้ลูกค้าที่ถือบัตรเครดิตของธนาคารมาเป็น 10 กว่าปี เสียหายยังทำให้ส่งผลกระทบของผู้เช่าบ้านซึ่งมีลูกเรียนหนังสืออยู่ในย่านทีเช่าบ้านผมอยู่เดือดร้อนไปด้วย

จึงเขียนเรื่องนี้มาเพื่อสะท้อนปัญหาและน่าจะเข้าหูหรือผ่านสายตาท่านผู้บริหารของธนาคารสีเขียวและช่วยเข้าไปดูเรื่องที่ติดค้างอยู่ในระบบของฝ่ายร้องเรียน. และระงับการยึดบ้านหลังนึงที่ผมให้คนเช่าอยู่ด้วยเถอะ

บ้านดังกล่าว จะถูกประมูลขายทอดตลาด ในวันที่ 15. กค. 2561 นี้. และบ้านดังกล่าว ยังมีกรรมสิทธิ์ร่วมของพี่น้อง เป็นชื่อ อยู่ด้วย. ขอให้ธนาคารรีบยับยั้งเรื่องดังกล่าว แก่สำนักงานบังคับคดีเขต5. เพราะข้าพเจ้า ได้ติดต่อ กับผู้ประสานงานของธนาคารมาตลอด ว่าขอให้ ธนาคารหาจุดถูกผิดแล้วย้อนไปหาจุดๆเดิมของความผิดพลาด. แล้วรับชำระ. คชจ  ของประกันชีวิต. กับ คชจ. ที่หยุดชำระของการประกันชีวิต. เพื่อจบเรื่องดังกล่าว. ไม่ใช่โยนความผิดให้กับผู้บริโภคอย่างเดียว
ชื่อสินค้า:   เตือนภัย : บัตร Wisdom ไว้เป็นอุทาหรณ์
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง โดยได้รับส่วนลดหรือสิทธิพิเศษจากเจ้าของสินค้าเพื่อแลกกับการรีวิว
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่